ผู้เขียน | นิติพัฒน์ บุญชู |
---|---|
เผยแพร่ |
รูปปั้นชายเปลื้องผ้า “เดวิด” หรือ ประติมากรรมเดวิด ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อาจดูเป็นศิลปะที่งดงามตามแบบฉบับตะวันตก ทว่าภายใต้เบื้องหลังความงามที่คุ้นตานี้ได้ซ่อนความหมายลึกซึ้งเกินกว่าที่หลายคนคิด
ย้อนไปในบรรยากาศของยุคเรอเนสซองส์ ณ เมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี ใน ค.ศ. 1501 คณะกรรมการโบสถ์ได้หารือที่จะว่าจ้างศิลปินชื่อดังอย่าง มีเกลันเจโล ผู้เป็นทั้งประติมากร, จิตรกร และสถาปนิกชาวฟลอเรนซ์ ในการสลักหินอ่อนรูปปั้น “เดวิด” เพื่อไปวางไว้บนหลังคาวิหารฟลอเรนซ์
อย่างไรก็ตาม รูปปั้นเดวิดเมื่อเสร็จสมบูรณ์ใน ค.ศ. 1504 มีขนาดความสูง 5.17 เมตร และหนัก 5,560 กิโลกรัม ซึ่งหลังคาวิหารไม่น่าจะรองรับน้ำหนักขนาดนี้ได้ คณะกรรมการโบสถ์จึงมีมติให้เปลี่ยนไปตั้งไว้ที่จตุรัส Piazza della Signoria แทน กระทั่ง ค.ศ. 1873 ได้ย้ายไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะอัคคาเดเมียแห่งฟลอเรนซ์ และจัดแสดงอยู่จนถึงปัจจุบัน
ประติมากรรมเดวิดของวีรบุรุษชาวยิว
เดวิดเป็นรูปปั้นแกะสลักชายหนุ่มที่เผยร่างเปลือยกายให้เห็นกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งและสง่างาม สะท้อนความสมบูรณ์แบบของร่างกายมนุษย์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในยุคกลาง ซึ่งบุคคลต้นแบบของรูปสลักนี้มีที่มาจากคนในประวัติศาสตร์ คือ เดวิด หรือ ดาวิด นั่นเอง
แล้วเดวิดคือใคร?
เดวิดเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 ต่อจากกษัตริย์ซาอูลของเหล่าชาวยิว แต่ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่สามารถรวบรวมชาวยิวจนพิชิตเยรูซาเล็มได้ (ก่อนหน้าบริเวณนี้เป็นของชนเผ่าคานาอัน) และยังเป็นผู้นำหีบแห่งพันธสัญญา อันเปรียบเสมือนหัวใจของศาสนายูดาห์ ที่ภายในบรรจุบัญญัติ 10 ประการของโมเสส มาไว้ในดินแดนแห่งพันธสัญญาตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้สำเร็จ โดยนักประวัติศาสตร์เชื่อว่า เดวิด มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1037-967 ก่อนคริสต์ศักราช
เดวิดยังถือเป็นต้นแบบของกษัตริย์ในอุดมคติของคนยิว และยังเชื่อว่าพระเมสสิยาห์หรือพระผู้ไถ่ ที่จะมาจุติในอนาคต จะเป็นผู้สืบเชื้อสายจากพระองค์ นอกจากนี้ พระองค์ยังมีความเชื่อมโยงกับ 3 ศาสนาคือ ศาสนาคริสต์ ศาสนายูดาห์ (เรียกพระองค์ว่า เดวิด) และศาสนาอิสลาม (เรียกพระองค์ว่า ดาวู้ด) อีกด้วย

เอกสารทางศาสนาได้เล่าเรื่องราวของเดวิดไว้หลายฉบับ เช่น หนังสือซามูเอลเล่มที่หนึ่ง, คัมภีร์พันธสัญญา, พงศาวดารกษัตริย์ ฯลฯ
โดยเฉพาะตำนานของเดวิดและยักษ์โกลิอัท ว่าเดิมทีเดวิดเป็นเพียงเด็กเลี้ยงแกะธรรมดาจากเมืองเบธเลเฮม ที่มีอุปนิสัยกล้าหาญ และมีความสามารถในการเล่นพิณที่ยอดเยี่ยม

ภายหลังได้อาสาต่อสู้กับยักษ์โกลิอัท ที่คอยสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวยิว ด้วยการเหวี่ยงลูกหินด้วยสลิงยิงเข้าตาโกลิอัท ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าไปตัดหัวยักษ์โกลิอัทได้สำเร็จ
แต่บางตำนานก็เล่าว่า พระเจ้าทรงเลือกเดวิดจากการมีความสามารถรอบด้าน และเนื่องจากพระเจ้าไม่โปรดกษัตริย์ซาอูล เพราะทรงบัญชาให้กษัตริย์ซาอูลไปทำลายศัตรู แต่กษัตริย์ซาอูลกลับละโมบหวังเอาสมบัติของศัตรูแทน
พระเจ้าจึงสั่งให้ซามูเอล ผู้เป็นนักพยากรณ์ เป็นตัวแทนออกไปตามหากษัตริย์พระองค์ใหม่ เมื่อพบกับเดวิดที่กำลังเลี้ยงแกะอยู่ พระเจ้าจึงตรัสกับซามูเอลว่า “เจิมเดวิดเสีย เพราะนี่คือกษัตริย์”
หลายวันต่อมาเมื่อพระเจ้าลงโทษกษัตริย์ซาอูลอย่างทุกข์ทรมาน ซามูเอลก็แนะนำให้เรียกเด็กเลี้ยงแกะมาเข้าเฝ้า เพื่อเล่นพิณรักษาอาการเจ็บปวดของกษัตริย์ซาอูล ปรากฏว่าอาการเจ็บปวดทั้งหลายหายเป็นปลิดทิ้ง เดวิดจึงกลายเป็นหนึ่งในผู้ช่วยคนสำคัญของกษัตริย์ซาอูลเรื่อยมา
หลังกษัตริย์ซาอูลสวรรคต ด้วยการสนับสนุนของพระเจ้าและประชาชน และด้วยภาพลักษณ์ที่กล้าหาญและชาญฉลาด เดวิดจึงกลายเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 ของชาวยิวโดยทันที
แม้ว่าตำนานเหล่านี้จะฟังดูเกี่ยวข้องกับศาสนายูดาห์โดยตรง แต่ในความเชื่อของศาสนาคริสต์ เดวิดเองก็มีสถานะเป็นบรรพบุรุษของพระเยซูเช่นเดียวกัน
เมื่ออ่านมาถึงตอนนี้ ผู้อ่านก็คงมีข้อสงสัยอยู่บ้างว่า แล้วทำไมคณะกรรมการโบสถ์ฟลอเรนซ์ถึงเลือกปั้นประติมากรรมเดวิด?
จากคำอธิบายของนักประวัติศาสตร์ศิลปะ มักจะให้เหตุผลในการอ้างถึงบรรยากาศของผู้คนในยุคเรเนสซองส์ ที่นิยมศิลปะที่เน้นความงามตามแบบมนุษยนิยม แต่ก็มีผู้ตีความศิลปะชิ้นนี้ในทางการเมืองไว้อย่างน่าสนใจเช่นเดียวกัน
ซอล เลวีน (Saul levine) นักประวัติศาสตร์ศิลปะ กล่าวว่า การสร้างรูปปั้นเดวิดมีความหมายเชิงการเมืองที่ให้ภาพของสังคมฟลอเรนซ์ในช่วงเวลานั้น ที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์การขับไล่ตระกูลเมดีชีอันทรงอิทธิพลในโรม
หากสังเกตอิริยาบถรูปปั้นเดวิด ที่อยู่ในท่วงท่าก่อนการต่อสู้ และจากท่าทางของเดวิดที่ดูมุ่งมั่นตึงเครียด อีกทั้งเมื่อมองจากสถานที่ตั้งเดิมก่อนที่เจ้าหน้าที่จะย้ายรูปปั้นออกไป เดวิดได้หันหน้าไปทางกรุงโรม พร้อมสายตาที่เหมือนกำลังจ้องมองไปที่ยักษ์โกลิอัท
รูปปั้นเดวิดจึงเปรียบเสมือนสิ่งแทนตัวตนของชาวฟลอเรนซ์ ที่เป็นคนตัวเล็ก ๆ และมีเพียงร่างกายที่เปลือยเปล่า แต่สามารถคานอำนาจกับโรมและตระกูลเมดีชีได้
เมื่อมองในมุมนี้ เดวิดในแบบของมีเกลันเจโลจึงไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะในคัมภีร์เพียงเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นภาพสะท้อนบริบทของเมือง กลายเป็นไอคอนิกแห่งยุคเรเนสซองส์ ที่ผู้คนกล่าวถึงจนปัจจุบัน
อ่านเพิ่มเติม :
- รู้หรือไม่? อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยเกือบจะได้เป็นประธานาธิบดีอิสราเอล
- ตามรอย “ดาราศาสตร์” ยุคอยุธยา สมัยสมเด็จพระนารายณ์ สู่หอดูดาวอย่างตะวันตกแห่งแรก
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง:
อรอนงค์ ฤทธิ์ฤาชัย, สัญชัย สันติเวส, นิธิวดี ทองป้อง,ไพโรจน์ ชมุนี, ยลดา หนองบัว, วินิจ มูลวิชา. (2565). เดวิด : ประติมากรรมที่มีมากกว่าความงามที่ปรากฏ. วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 14(1) มกราคม-มิถุนายน. เรียกใช้เมื่อ 7 พฤษภาคม 2568
สิทธิโชติ สุภาวรรณ์. (2566). กษัตริย์ดาวิด ผู้นำแห่งชาวอิสราเอล ราชาที่สถาปนาเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงยิว. เข้าถึงจาก https://ngthai.com/history/52189/kingdavid/. เรียกใช้เมื่อ 7 พฤษภาคม 2568
Kanaporn (นามแฝง). (2554). ตามหา เดวิด ชายที่งามที่สุดในโลก. เข้าถึงจาก https://www.iurban.in.th/design/david. เรียกใช้เมื่อ 7 พฤษภาคม 2568
Covert Rylaarsdam. (2568). David king of Israel. เข้าถึงจาก https://www.britannica.com/biography/David. เรียกใช้เมื่อ 7 พฤษภาคม 2568.
James King west. (2568). Saul King of Israel. เข้าถึงจาก https://www.britannica.com/biography/Saul-king-of-Israel. เรียกใช้เมื่อ 7 พฤษภาคม 2568.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 พฤษภาคม 2568