5 เมษายน 1614: “โพคาฮอนทัส” ลูกสาวผู้นำชนพื้นเมืองอเมริกัน แต่งงานกับหนุ่มอังกฤษ

โพคาฮอนทัส ลูกสาว พาวฮาทัน ผู้นำ ชนพื้นเมืองอเมริกัน แต่งงาน
พิธีแต่งงานของโพคาฮอนทัส (New York Public Library)

โพคาฮอนทัส (Pocahontas) หรือ มาโตอาคา (Matoaka) เป็นที่รู้จักดีจากความเป็นมิตรที่เธอมีต่อชาวอังกฤษ ที่เข้าไปตั้งอาณานิคมในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 เธอเป็นลูกสาวของ พาวฮาทัน (Powhatan ชื่อที่ชาวอังกฤษเรียก) ผู้นำชนพื้นเมืองอเมริกัน โพคาฮอนทัสเกิดเมื่อปี 1596 (พ.ศ. 2139) ใกล้กับพื้นที่ที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของเมืองเจมส์ทาวน์ (Jamestown) รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา

เธอเริ่มรู้จักคุ้นเคยกับชาวอังกฤษ ที่เข้ามาตั้งอาณานิคมในราวปี 1607 (พ.ศ. 2150) เมื่อเธออายุได้ราว 10-11 ปี จอห์น สมิธ (John Smith) ผู้นำชาวอาณานิคมอ้างว่า โพคาฮอนทัส เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้จากการถูกประหารโดยพาวฮาทัน แต่นักเขียนหลายคนตั้งข้อสงสัยในข้ออ้างดังกล่าว บ้างก็ตั้งสมมติฐานว่า แท้จริง พาวฮาทัน มิได้ต้องการฆ่าสมิธ กลับกันพิธีดังกล่าวอาจเป็นพิธีต้อนรับ หรือยกย่องสมิธเสียมากกว่า บ้างก็กล่าวหาว่าสมิธแต่งเรื่องขึ้นมาเอง

แต่สิ่งที่เป็นที่รู้แน่ก็คือ โพคาฮอนทัสมักจะมาเยี่ยมเยือนชาวอาณานิคมอยู่เสมอ และเป็นเพื่อนคนหนึ่งของสมิธ จนกระทั่งสมิธเดินทางกลับอังกฤษในปี 1609 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ตั้งอาณานิคมกับชนพื้นเมืองจึงเริ่มถดถอยลง

หญิงสาวไม่ได้มาเยือนที่ตั้งอาณานิคมอีกเลยเป็นเวลากว่า 4 ปี ก่อนจะถูกผู้นำชาวอังกฤษจับตัวเป็นเชลยในปี 1613 เพื่อใช้ต่อรองแลกตัวประกันและอาวุธของชาวอังกฤษที่ถูกขโมยไป เบื้องต้น พาวฮาทัน พ่อของโพคาฮอนทัส ยอมปล่อยตัวเชลย 7 ราย แต่ไม่ยอมคืนอาวุธ ทำให้การเจรจาล้มเหลว

ผู้นำชาวอังกฤษพาโพคาฮอนทัสออกจากเมืองเจมส์ทาวน์ไปยังเฮนริคัส (Henricus) ชุมชนอาณานิคมแห่งที่สองของอังกฤษ เธอได้รับการปฏิบัติอย่างดีระหว่างถูกควบคุมตัว และได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ โดยได้ชื่อแบบคริสเตียนว่า “รีเบคกา”

ต่อมาเธอได้ยอมรับคำขอแต่งงานจาก จอห์น รอล์ฟ (John Rolfe) โดยเข้าพิธีสมรสกันในราววันที่ 5 เมษายน ปี 1614 การแต่งงานของทั้งคู่มีส่วนทำให้ความสัมพันธ์ของชนสองกลุ่มเป็นไปอย่างราบรื่น ในช่วงที่พาวฮาทันยังมีชีวิตอยู่

ช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 1616 โพคาฮอนทัส, สามีและลูกที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน ได้เดินทางไปยังอังกฤษ ถือเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อสำคัญ ที่ช่วยจูงใจให้นักลงทุนและคิงเจมส์สนับสนุนการตั้งอาณานิคมในโลกใหม่

แต่ระหว่างที่ทั้งหมดเตรียมตัวจะเดินทางกลับอเมริกา โพคาฮอนทัสได้ล้มป่วย (บ้างว่าด้วยโรคปอด บ้างว่าด้วยโรคฝีดาษ) และเสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 21 ปี มีการประกอบพิธีฝังศพที่เมืองกราฟเซนด์ (Gravesend) ในอังกฤษ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ปี 1617

เรื่องราวของ “โพคาฮอนทัส” เป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจในแวดวงวรรณกรรมและศิลปะอเมริกันอย่างมาก มีการแต่งเรื่องราว บทประพันธ์ รวมไปถึงสื่อบันเทิงอื่นๆ โดยมีเรื่องราวของเธอเป็นแรงบันดาลใจอยู่มากมาย

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

Price David A. “Pocahontas”. Encyclopedia Britannica 25 Sep. 2015. Web. 4 Apr. 2017.  <https://global.britannica.com/biography/Pocahontas-Powhatan-princess>

“Pocahontas Marries John Rolfe”. History. Web. 4 Apr. 2017 <http://www.history.com/this-day-in-history/pocahontas-marries-john-rolfe>


เผยแพร่ครั้งแรกในระบบออนไลน์ เมื่อ 5 เมษายน พ.ศ. 2560