ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
โพคาฮอนทัส (Pocahontas) หรือ มาโตอาคา (Matoaka) เป็นที่รู้จักดีจากความเป็นมิตรที่เธอมีต่อชาวอังกฤษ ที่เข้าไปตั้งอาณานิคมในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 เธอเป็นลูกสาวของ พาวฮาทัน (Powhatan ชื่อที่ชาวอังกฤษเรียก) ผู้นำชนพื้นเมืองอเมริกัน โพคาฮอนทัสเกิดเมื่อปี 1596 (พ.ศ. 2139) ใกล้กับพื้นที่ที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของเมืองเจมส์ทาวน์ (Jamestown) รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา
เธอเริ่มรู้จักคุ้นเคยกับชาวอังกฤษ ที่เข้ามาตั้งอาณานิคมในราวปี 1607 (พ.ศ. 2150) เมื่อเธออายุได้ราว 10-11 ปี จอห์น สมิธ (John Smith) ผู้นำชาวอาณานิคมอ้างว่า โพคาฮอนทัส เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้จากการถูกประหารโดยพาวฮาทัน แต่นักเขียนหลายคนตั้งข้อสงสัยในข้ออ้างดังกล่าว บ้างก็ตั้งสมมติฐานว่า แท้จริง พาวฮาทัน มิได้ต้องการฆ่าสมิธ กลับกันพิธีดังกล่าวอาจเป็นพิธีต้อนรับ หรือยกย่องสมิธเสียมากกว่า บ้างก็กล่าวหาว่าสมิธแต่งเรื่องขึ้นมาเอง
แต่สิ่งที่เป็นที่รู้แน่ก็คือ โพคาฮอนทัสมักจะมาเยี่ยมเยือนชาวอาณานิคมอยู่เสมอ และเป็นเพื่อนคนหนึ่งของสมิธ จนกระทั่งสมิธเดินทางกลับอังกฤษในปี 1609 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ตั้งอาณานิคมกับชนพื้นเมืองจึงเริ่มถดถอยลง
หญิงสาวไม่ได้มาเยือนที่ตั้งอาณานิคมอีกเลยเป็นเวลากว่า 4 ปี ก่อนจะถูกผู้นำชาวอังกฤษจับตัวเป็นเชลยในปี 1613 เพื่อใช้ต่อรองแลกตัวประกันและอาวุธของชาวอังกฤษที่ถูกขโมยไป เบื้องต้น พาวฮาทัน พ่อของโพคาฮอนทัส ยอมปล่อยตัวเชลย 7 ราย แต่ไม่ยอมคืนอาวุธ ทำให้การเจรจาล้มเหลว
ผู้นำชาวอังกฤษพาโพคาฮอนทัสออกจากเมืองเจมส์ทาวน์ไปยังเฮนริคัส (Henricus) ชุมชนอาณานิคมแห่งที่สองของอังกฤษ เธอได้รับการปฏิบัติอย่างดีระหว่างถูกควบคุมตัว และได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ โดยได้ชื่อแบบคริสเตียนว่า “รีเบคกา”
ต่อมาเธอได้ยอมรับคำขอแต่งงานจาก จอห์น รอล์ฟ (John Rolfe) โดยเข้าพิธีสมรสกันในราววันที่ 5 เมษายน ปี 1614 การแต่งงานของทั้งคู่มีส่วนทำให้ความสัมพันธ์ของชนสองกลุ่มเป็นไปอย่างราบรื่น ในช่วงที่พาวฮาทันยังมีชีวิตอยู่
ช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 1616 โพคาฮอนทัส, สามีและลูกที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน ได้เดินทางไปยังอังกฤษ ถือเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อสำคัญ ที่ช่วยจูงใจให้นักลงทุนและคิงเจมส์สนับสนุนการตั้งอาณานิคมในโลกใหม่
แต่ระหว่างที่ทั้งหมดเตรียมตัวจะเดินทางกลับอเมริกา โพคาฮอนทัสได้ล้มป่วย (บ้างว่าด้วยโรคปอด บ้างว่าด้วยโรคฝีดาษ) และเสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 21 ปี มีการประกอบพิธีฝังศพที่เมืองกราฟเซนด์ (Gravesend) ในอังกฤษ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ปี 1617
เรื่องราวของ “โพคาฮอนทัส” เป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจในแวดวงวรรณกรรมและศิลปะอเมริกันอย่างมาก มีการแต่งเรื่องราว บทประพันธ์ รวมไปถึงสื่อบันเทิงอื่นๆ โดยมีเรื่องราวของเธอเป็นแรงบันดาลใจอยู่มากมาย
อ่านเพิ่มเติม :
- “เหล้ารัม” เครื่องดื่มฮิตสุดของ “อเมริกัน” สู่เครื่องมือสร้างชาติ “อเมริกา”
- “อเมริกัน พิทบูล” จากจุดกำเนิดในกีฬา “ชนหมา” สู่สัตว์เลี้ยงแสนรักสุดแกร่ง
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
Price David A. “Pocahontas”. Encyclopedia Britannica 25 Sep. 2015. Web. 4 Apr. 2017. <https://global.britannica.com/biography/Pocahontas-Powhatan-princess>
“Pocahontas Marries John Rolfe”. History. Web. 4 Apr. 2017 <http://www.history.com/this-day-in-history/pocahontas-marries-john-rolfe>
เผยแพร่ครั้งแรกในระบบออนไลน์ เมื่อ 5 เมษายน พ.ศ. 2560