เจ้านายพระองค์ใดไม่กลัวผี? กล้าไปหยิบของในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานอันวังเวง ถวาย ร.5

พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน
หมู่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ด้านทิศตะวันตก ซ้ายมือของภาพคือ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นพระที่นั่ง 3 องค์เชื่อมต่อกัน กลาง คือพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ขวามือ คือพระที่นั่งเทพสถานพิลาศ หมู่พระที่นั่งนี้ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว มีซุ้มประตูทางเข้าอยู่กลางกำแพงแก้วเรียกว่า หอน้อย (ภาพจาก หนังสือสถาปัตยกรรมในสถาบันพระมหากษัตริย์ จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกเนื่องในมหามงคลสมัยฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี)

เหตุใดบรรดา “เจ้านาย” พระองค์ต่างๆ จึงไม่กล้าเข้าไปหยิบของใน “พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน” เว้นแต่ “เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ” พระราชโอรสใน รัชกาลที่ 5 ที่ทรงกล้าเข้าไป

“….ฉันต้องยอมรับสารภาพว่า ถึงฉันจะนึกกลัวผีอยู่สักเท่าใด ก็ยังกลัวทูลกระหม่อมมากกว่า ฉันจึ่งได้สู้แขงใจ เข้าไปตามที่ทูลกระหม่อมทรงใช้…”

ความข้างต้นเป็นพระราชปรารภ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่ปรากฏในบันทึกส่วนพระองค์ที่ตีพิมพ์ในหนังสือ “ประวัติต้นรัชกาลที่ 6” เป็นข้อความในพระราชหฤทัย เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระราชบิดาตรัสใช้ให้ไปหยิบสิ่งของใน “พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน”

สืบเนื่องมาจากเรื่องที่ว่า ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์สิ่งของสักอย่างหนึ่งที่อยู่ในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ซึ่งขณะนั้นเป็นเสมือนที่เก็บของ มีกลิ่นอับและอากาศข้างในนั้นเย็นพิลึก เป็นที่น่าวังเวงนัก

พระองค์รับสั่งออกมาว่า “ลูกไปเอามาคน 1 เถิด” แต่ไม่มีใครกล้าลุกไปสักคนเดียว เนื่องจากพระราชโอรสทั้งหลายของพระองค์นั้นกลัวผี จึงไม่มีใครกล้าสนองเบื้องพระยุคลบาท

จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหยิบเทียนที่จุดข้างพระองค์มา 1 เล่ม พร้อมกับรับสั่งถึง เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ว่า “ชายใหญ่, เอาเทียนนี้ไป” แต่เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศพระพักตร์ซีด ไม่กล้าไป ทูลกลับมาว่าทรงกลัวผี ถ้าจะให้ไปขอผู้ใหญ่เข้าไปด้วยคนหนึ่ง

รัชกาลที่ 5 ทรงพระพักตร์บึ้ง แล้วหันมาทาง เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ (รัชกาลที่ 6) แล้วตรัสว่า “โต, จะรับใช้พ่อได้หรือไม่” เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธกราบบังคมทูลว่าได้ พร้อมรับเทียนจากพระหัตถ์ ทรงพระดำเนินมุ่งหน้าไปยังพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน

รัชกาลที่ 5 โสกันต์ รัชกาลที่ 6
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อดำรงพระยศเป็นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเทพทวารวดี ในพระราชพิธีโสกันต์ พ.ศ. 2435 (ภาพจาก หนังสือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร กรมศิลปากรจัดพิมพ์เนื่องในพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร วันที่ 28 ธันวาคม พุทธศักราช 2515)

เมื่อได้ของกลับมาแล้ว รัชกาลที่ 5 ก็ทรงกล่าวคำชมเป็นการใหญ่ พร้อมตรัสว่า “อย่างนี้สิเป็นลูกพ่อแท้ ลูกพ่อกลัวผีไม่ได้” เมื่อได้รับคำชมจากพระราชบิดา เป็นธรรมดาที่เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธจะทรงโสมนัสยิ่งนัก แต่ขณะเดียวกันพระองค์ก็สารภาพในพระทัยว่า กลัวผีก็กลัวอยู่ดอก แต่กลัวทูลกระหม่อมมากกว่า (ดังข้อความที่ยกมาแล้วข้างต้น)

กล่าวกันว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นอาจเป็นเสมือนลางบอกเหตุในการสืบราชสมบัติ เพราะปรากฏว่าต่อมาผู้ที่ได้สืบพระราชสมบัติแทนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เนื่องจากเจ้าฟ้าองค์ใหญ่คือ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สวรรคตเมื่อพระชันษาได้ 17 ปี ดังพระราชดำรัส รัชกาลที่ 5 ความว่า

“พอพ่อใช้ชายใหญ่ให้เข้าไปในพระที่นั่งจักรพรรดิ เขาไม่ยอมเข้าไปเพราะกลัวผี, พ่อก็นึกรู้ในใจทีเดียวว่าชายใหญ่คงจะไม่มีบุญพอที่จะใช้ที่นั้นเป็นที่อยู่, แล้วก็พอโตกล้ารับใช้เข้าไปพ่อก็รู้ว่าโตคงจะต้องเป็นเจ้าแทนตัวพ่อต่อไป”

แล้วก็เป็นจริงดังพระราชดำรัส

เมื่อเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติเป็น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระองค์มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะซ่อมแซม พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นการใหญ่ จนกระทั่งสวยสง่างาม เป็นพระที่นั่งสำคัญในพระบรมมหาราชวังมาจนถึงทุกวันนี้

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 23 ตุลาคม 2560