ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
เนื่องจากในการยุทธครั้งนี้ ทหารและพลเรือนฝ่ายไทยได้เสียสละชีวิตบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก จนฝ่ายไทยได้รับชัยชนะ พระบาทสมเด็จพระเอกาทศรถ จึงได้มีพระบรมราชโองการให้ปูนบำเหน็จแก่ทหารและพลเรือน ลงประกาศในพระไอยการกระบดศึก ดังนี้
ศุภมัศดุศักราช 955 พยัฆสังวัจฉระ มาฆมาศกาลปักษย เอกาทัศมีดฤษถีคุรุวารกาลบริเฉทกำหนด พระบาทสมเดจ์เอกาทธรฐ อิศวรบรมนารถบรมพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่หัว เสดจ์ออก ณ พระธินั่งมงกุฏพิมาน สถานภิมุขไพชนมหาปราสาท มีพระราชโองการมาณพระบันทูลสุรสีหนาทดำรัสสั่งแก่พญาศรีธรรมา ว่า พระหลวงเมืองขุนหมื่นเข้าทูลอองทุลีพระบาทฝ่ายทหาร ฝ่ายพลเรือน เกนเข้ากระบวนทับ ได้รบพุ่งด้วยสมเดจ์บรมบาทบงกชลักษณอัคบุริโสดบรมหน่อนรา เจ้าฟ้านเรศเชษฐาธิบดี มีไชยชำนะแก่มหาอุปราชา หน่อพระเจ้าไชยทศทิศเมืองหงษาวดีนั้น ฝ่ายทหาร ฝ่ายพลเรือน ล้มตายในการณรงค์สงครามเปนอันมาก แลรอดชีวิตเข้ามาได้เป็นอันมากนั้น ทรงพระกรุณาพระราชทานปูนบำเหนจ์ แลซึ่งขุนหมื่นนายอากอน นายพาศรี แลนายหมวดข้าส่วยขึ้นณะพระคลังหลวง แลส่วยสาอากอนติดค้างนั้น เข้าการณรงค์รบพุ่งล้มตายในที่รบเป็นอันมาก จึ่งทรงพระกรุณาตรัสประภาศ ว่า มันทำการณรงค์สงครามีบำเหนจ์ความชอบอยู่นั้น ถ้าแลหนี้สินส่วยสาอากอนขึ้นแกพระคลังหลวง ติดค้างอยู่มากน้อยเท่าใดให้ยกไว้ มีลูกหลานให้รับราชการแทนเลี้ยงไว้สืบไป ถ้าแลขุนหมื่นนายอากอน นายพาศรี ซึ่งขึ้นพระคลังติดค้างอยู่ ก็ให้ยกเป็นบำเหนจ์ผู้ตาย ในการณรงค์ผู้เปนเจ้าแล้ว อย่าให้บุตรภรรยาใช้หนี้เลย ถ้าแลมีพี่น้องลูกหลานให้เลี้ยงเป็นข้าเฝ้า แลเลี้ยงว้ในที่ทหารใช้ราชการสืบไป
อนึ่งผู้ใดมีน้ำใจจัดแจงแต่งลูกหลานพี่น้องอาสาเข้ากองทับ ได้รบพุ่งล้มตายในที่รบ ถ้าหาหนี้สินณะพระคลังหลวงติดค้างมิได้ ให้พระราชทานบุตรภรรยาโดยพระราชกฤษฎีกา ถ้าหนี้สินพระคลังหลวงติดค้าง ก็ยกให้พระราชทานให้แก่บุตรภรรยามิให้เอาเลย แลรอดคืนมาหาหนี้สินหลวงติดค้างมิได้นั้น ให้พระราชทานโดยพระราชกฤษฎีกาเลี้ยงไว้ในที่ทหาร
ข้อมูลจาก
พระไอยการกระบดศึก ม.68 ใน, ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ 1 จุลศักราช 1166 พิมพ์ตามฉะบับตรา 3 ดวง เล่ม 2. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง. พ.ศ. 2529
เผยแพร่ในระบบออนลน์ครั้งแรกเมื่อ 6 มกราคม 2566