ที่มา | ศิลปวัฒนธรรม ฉบับเมษายน 2545 |
---|---|
ผู้เขียน | หลง ใส่ลายสือ |
เผยแพร่ |
ใน “โคลงสรรเสริญพระเกียรติ” รัชกาลที่ 1 บอกเล่า “กลียุค” ปลายสมัยกรุงธนบุรี
ประเทศสยามมีดวงสัมพันธ์กับเดือนเมษายน อย่างอัศจรรย์ ราวกับเทพลิขิตไว้ กรุงศรีอยุธยาก่อกำเนิดในเดือนเมษายน และแตกดับในเดือนเมษายน กรุงธนบุรีแม้ไม่ได้สถาปนาในเดือนนี้ แต่ก็เลือกที่จะล่มสลายในเดือนเมษายน แล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ก็ทรงประดิษฐานพระราชวงศ์ พร้อมกับสถาปนากรุงเทพฯ ขึ้นในเดือนเมษายนอีกเช่นกัน
สยามประเทศเปลี่ยนจากกรุงศรีอยุธยา มาเป็นกรุงธนบุรีด้วยเหตุจากภายนอก ส่วนกรุงธนบุรีเปลี่ยนมาเป็นกรุงเทพฯ ด้วยเหตุจากภายใน มาถึงวันนี้สิ่งที่น่าเศร้าใจต่อสองเหตุการณ์นั้น ไม่ใช่เรื่องของการสูญเสีย หากแต่เป็นเรื่องที่กาลเวลาไม่สามารถคลี่คลายเหตุการณ์ให้แจ่มชัดขึ้นมาได้ พงศาวดารตอนนี้ เขียนเหมือนบทละครโทรทัศน์ มีพระเอกผู้เก่งกล้า และมีผู้ร้ายที่ละโมบฟั่นเฟือน บังคับให้ผู้ชมหลงใหลตื่นเต้นไปกับการดำเนินเรื่องจนเลอะเลือนสับสน ลืมที่จะถามหาความจริง
ข้อเท็จจริงนี้จะเท็จกี่ส่วน จะจริงกี่ส่วน ไม่มีใครทราบได้ แต่อย่างไรก็ดีพอจะมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าผู้แต่ง “อาจจะ” เป็นอีกคนหนึ่งได้เห็นเหตุการณ์วันจลาจลในปลายสมัยกรุงธนบุรี แล้วจึงร้อยถ้อยคำใส่ไว้ใน “โคลงสรรเสริญพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์” แม้จะเป็นคำโคลงยอพระเกียรติก็ตาม แต่ผู้แต่งก็ได้สอดแทรกเหตุการณ์บ้านเมืองไว้ไม่น้อย ทำให้เราได้เห็น “อารมณ์” ของบุคคลในครั้งนั้นว่าคิดอย่างไรกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น
หนังสือ “โคลงสรรเสริญพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์” แต่งโดย พระชำนิโวหาร ซึ่งไม่มีประวัติความเป็นมาของท่าน แต่กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ทรงสันนิษฐานไว้ในคำนำว่า เป็นไปได้ที่ผู้แต่งหนังสือนี้อาจจะเป็นคนร่วมสมัย เขียนขึ้นตามที่ตาเห็น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้ทรงฟันธงในข้อนี้
หนังสือโคลงสรรเสริญพระเกียรติฯ เล่มนี้ เป็นหนังสือที่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านภาพรประภา โปรดให้พิมพ์ขึ้นเป็นการตอบแทนแก่ผู้ไปถวายรดน้ำสงกรานต์ ในปีเถาะ 2470 เป็นหนังสือขนาด 16 หน้ายก ปกสีเขียว มีตราหอพระสมุดวชิรญาณ พิมพ์ที่โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร
ขึ้นต้นโคลงในตอนแรกเป็นไปตามแบบแผนคือ กล่าวสดุดี สรรเสริญพระเกียรติ เป็นลักษณะโคลงกระทู้ (ยืน) ว่าด้วยเรื่อง การปราบยุคเข็ญ จนเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ
ฟ้า แจ่มเดือนแจ้งเจตร มาศา
ฟ้า ว่ายอดฟ้ามา ดับเศร้า
ฟ้า ฝนตกอัตรา เย็นไพร่ เมืองนา
ฟ้า ร่ำร้องเรียกเจ้า ผ่านฟ้ามาครอง ฯ
ต่อมาจึงเข้าเรื่องด้วยการกล่าวถึงตอนที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเสด็จนำทัพไปปราบเขมรจนได้ชัย
ปางปิ่นนายกย้าย พลหาญ
เสด็จดำเนินไปผลาญ ละแวกเว้
ชาวกัมพุชบ่อธาร ทนเดช
เพื่อพระเปนเอกเอ้ กัตวล้ำเฉลิมกรุง ฯ
ทีนี้จึงตัดฉากมากล่าวถึงเหตุการณ์ในพระนครซึ่งกำลังวุ่นวายด้วยเหตุจลาจล พระชำนิโวหาร ท่านเห็นเป็นถึงขั้น “กลียุค” เลยทีเดียว เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรนั้นขอร่ายยาวดังนี้
ฝ่ายธนนัคเรศร้อน รนทรวง
ปวงราษฎร์หญิงชายปวง คร่ำไห้
สมณเดือดแดดวง จิตรขุ่น
ศึกษ์เสื่อมเสียแหล่งไหล้ หลีกเร้นแรมพง ฯ
เงียบเหงาเหย้าใหญ่รั้ว เรือนขุน นางเอย
เมียมิ่งหมดหม่อมคุณ ขุ่นข้อง
อุณห์อกราษฎร์ราวกุณฑ์ บังเกิด
เซ็งแซ่ซุบซิบพร้อง พร่ำพร้องติฉิน ฯ
พระลานดาลเดือดฟุ้ง ไฟเข็ญ
เสียงหวีดกรีดกราดเห็น ห่อนได้
กะลียุคอย่างจักเปน ควันพลุ่ง แล้วเฮย
มาตรว่ามิตรฤาใกล้ กลับดั้นเดินหนี ฯ
ฝูงชนกลัวโจทนั้น อุปมา
แม้นมฤคยั่นพยัคฆา คาบคั้น
เสียแหล่งละคฤหา หวังคลาศ ไภยพ่อ
บางหมู่เมือมารคดั้น เถื่อนลี้หลบสกนธ์ ฯ
เคหะถานปานป่าช้า เงียบเหงา
อึงแต่พวกพาลเมา หมู่ฟ้อง
จับมาเฆี่ยนขับเอา ทรัพย์สิ่ง สินนา
ผูกตรากลําบากต้อง โทษไง้เอาเงิน ฯ
ดวงจันทราทิตย์ทั้ง ดารก
มัวมืดเมฆมาปก ปิดไว้
พิกลเกิดลามก ธุมเกตุ
อุบัติกาบาตใต้ ตากคว้างขวัญหาย ฯ
นั่นคือคำให้การของคุณพระชำนิโวหารผู้แต่ง ที่กล่าวถึงภาพความไม่สงบในพระนคร เป็นเหตุให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกต้องยกทัพกลับเข้าปราบปราม “ผู้ก่อการร้าย” เป็นการเร่งด่วน จนบ้านเมืองกลับมาร่มเย็นเป็นสุขอีกครั้ง
คือองค์หริรักษเรื้อง รามา ธิราชเฮย
ปราบอสุรพาลา เหล่าร้าย
เสด็จแสดงมหิทธิมหา สุรภาพ
มาเตรียกตรีภพผ้าย แผ่นฟ้าสาธุการ ฯ
ส่วน “ผู้ก่อการร้าย” นั้น จำเป็นต้องรับโทษตามเหตุแห่งกรรม ดังนี้
ผู้ผิดแท้ท่านให้ ลงทัณฑ์
โทษฆ่าจองไปฟัน เสียบเกล้า
น้อยโทษผ่อนผัน ภาคโทษ ให้แฮ
ถอนแผ่นดินสิ้นเศร้า เสื่อมเสี้ยนรนามหนาม ฯ
ต่อจากนี้ก็เป็นบรรยายถึงการเฉลิมฉลอง เมื่อบ้านเมืองสงบสุขอีกครั้ง แต่จะขอละไว้เพียงเท่านี้ก่อน
ฉากสำคัญของประวัติศาสตร์ตามคําโคลงฉากนี้ อาจจะสร้างคำตอบให้ใครบางคน และอาจจะสร้างคำถามให้ใครอีกหลายๆ คน ที่น่าสังเกตก็คือ คำโคลงเรื่องนี้กล่าวถึงความทุกข์ยากของไพร่ฟ้า โดยไม่ได้ข้องแวะกล่าวโทษสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโดยตรง แต่ผู้ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับราษฎรกลับเป็น “พวกพาลเมาหมู่ฟ้อง”
หากพระชำนิโวหารเห็นเหตุการณ์จริง คำถามคือ ในเวลานั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
อ่านเพิ่มเติม :
- นัยของข้อมูล “พระเจ้าตาก” และ “กลียุคปลายกรุงธนบุรี” ที่ถูกเล่าในเอกสารต้นรัตนโกสินทร์
- บทเรียนหลังเสียกรุง! ย้อนดูนโยบายข้าวสมัยกรุงธนบุรีและต้นรัตนโกสินทร์
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 29 กันยายน 2565