ผู้เขียน | เด็กชายผักอีเลิด |
---|---|
เผยแพร่ |
ทุกท่านคงคุ้นเคยกับหน่วยความยาวหรือมาตราวัดแบบสากลอย่าง นิ้ว ฟุต และเมตรกันอยู่แล้ว ส่วนมาตราวัดแบบไทยอย่าง ศอก วา ฯลฯ ปัจจุบันก็ยังใช้กันอยู่ แต่แท้จริงแล้วยังมีหน่วยวัดอย่างไทยแบบอื่น ๆ ซึ่งถูกบันทึกไว้โดยละเอียดในคัมภีร์จันทสุริยคติทีปนี ตำราโบราณที่สืบย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1
หน่วยวัดต่าง ๆ ที่กล่าวถึงในคัมภีร์นี้มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะมีการใช้ “วัว” เป็นเกณฑ์ในการวัด รวมถึงหน่วย “ศอก” ที่เราเคยได้ยินกันมานั้นก็มีประเภทแยกย่อยลงไปอีก โดยใช้มาตรฐานจากร่ายกายของ “ผู้ชาย” ของแต่ละยุคสมัย
ศ.ดร. นิยะดา เหล่าสุนทร ผู้เขียนบทความ “มาตราวัดแบบโบราณ” (ศิลปวัฒนธรรม ฉบับกุมภาพันธ์ 2565) ซึ่งให้ความสนใจและศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ได้บอกเล่าที่มาของคัมภีร์เล่มนี้พร้อมอธิบายเกณฑ์การวัดแบบโบราณของไทยที่กล่าวไว้อย่างชัดเจนดังนี้
“คัมภีร์จันทสุริยคติทีปนี” มีที่มาจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระธรรมอุดม พระราชาคณะคณิศสรสังฆะปริณายกาจารย์ แห่งวัดบูรณาการแปลถวาย เมื่อ พ.ศ. 2346…
คัมภีร์จันทฯเป็นงานนิพนธ์ภาษาบาลีของพระภิกษุซึ่งมีชื่อว่าอุดม มังคลาจารย์ ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอุทุมพรมหาเถระ รายละเอียดเกี่ยวกับปีที่แต่งไม่ปรากฏ แต่อาจสันนิษฐานได้ว่า คัมภีร์จันทฯ น่าจะแต่งก่อนคัมภีร์จักกวาฬทีปนีของพระสิริมังคลาจารย์ พระเถระที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่งของอาณาจักรล้านนา เพราะพระสิริมังคลาจารย์ได้อ้างถึงคัมภีร์จันทฯ ไว้ในงานนิพนธ์ของท่านหลายตอนในทำนองที่ไม่เห็นด้วย คัมภีร์จักกวาฬทีปนีแต่งเมื่อ พ.ศ. 2063 ดังนั้นคัมภีร์จันทฯ ควรจะแต่งก่อน พ.ศ. 2063 แต่จะเป็นปีใดนั้น ไม่สามารถกำหนดได้ สถานที่แต่งอยู่ในรัฐตัมพระ ประเทศพม่า
เนื้อเรื่องของคัมภีร์จันทสุริยคติทีปนี้ แบ่งได้เป็น 6 หัวข้อ หรือที่เรียกได้ว่ามาติกา ได้แก่ รัตนวินิจฉัย โยชนวินิจฉัย ปเกียรณวินิจฉัย คติวินิจฉัย วิถีวินิจฉัย อยนวินิจฉัย อาโลกวินิจฉัย และอุปปติวินิจฉัย มาติกาทั้ง 3 ประเภทแรกมีความสำคัญในฐานะที่เป็นความรู้พื้นฐานในการศึกษาขนาดและสัณฐานของสรรพสิ่งในจักรวาล ซึ่งแต่ละชนิดมีขนาดต่างกัน ทั้งนี้ ผู้สนใจจำต้องมีความรู้ในการใช้เครื่องวัดเหล่านี้ให้ถูกต้อง ส่วนมาติกาที่เหลือว่าด้วยวิถีโคจรของพระจันทร์และพระอาทิตย์อย่างละเอียดและลึกซึ้ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงในทีนี้
รัตนวินิจฉัย ว่าด้วยการกำหนด ศอก โดยใช้ประมาณของบุรุษ ซึ่งแบ่งเป็น
มหาถามบุรุษ คือ บุราณบุรุษที่มีกำลังมาก ในคัมภีร์จันทฯ ไม่ได้แจ้งว่าบุรุษในสมัยใดจึงจัดให้เป็นมหาถามบุรุษ
มัชฌิมบุรุษ คือ บุราณบุรุษที่มีกำลังปานกลาง พิจารณาจากเนื้อความน่าจะหมายถึงบุคคลในสมัยพุทธกาล
หินถามบุรุษ คือ บุรุษในสมัยปัจจุบัน (หลังจากพุทธกาล) ที่มีกำลังน้อย
โยชนวินิจฉัย ว่าด้วยการกำหนดความยาวของ โยชน์ ซึ่งมีวิธีวัดดังนี้
1. โยชน์ซึ่งวัดด้วย ไม้เส้า (ไม้ขนาดยาว) มีความยาวได้ 21 ศอก
2. โยชน์หนึ่งมีความยาวเท่ากับ ชั่วแอกรถ เรื่องนี้มีปรากฏในมหาชนกชาดก
3. โยชน์ซึ่งใช้ อุสุภ เป็นเกณฑ์ คำว่า “อุสุภ” มีความหมายว่าโค [วัว – ผู้เขียน] ดังนั้น ความยาวของโยชน์ในข้อนี้จึงเกี่ยวข้องกับโคเป็นสำคัญ
สริรอุสุภ กำหนดจากขนาดของ โคอุสุภราช [พาหนะของพระศิวะ – ผู้เขียน] ซึ่งเหยียดกายเต็มที่ โดยวัดจากจะงอยปากจนสุดหาง หากวัดด้วยศอกจะ ได้ 3 ศอก
พลอุสุฏ กำหนดจากระยะทางที่เกิดจากการกระโดดเต็มแรงสุดของโคอุสุภราช ซึ่งวัดได้ 14 ศอก
สรอุสุภ กำหนดวัดจากการบรรลือเสียง (ร้อง) ของโคอุสุภราช ซึ่งสิ้นสุดในที่ใดก็นับเป็นความยาวของอุสุภ
4. โยชน์ซึ่งใช้โกสะเป็นเกณฑ์
500 ชั่วธนู มีค่าเท่ากับ 1 โกสะ
4 โกสะ มีค่าเท่ากับ 1 คาพยุต
4 คาพยุต มีค่าเท่ากับ 1 โยชน์
5. โยชน์ซึ่งใช้ไม้วัดที่มีความยาว 7 ศอก เป็นเกณฑ์
7 ศอก x 20 ครั้ง มีค่าเท่ากับ 140 ศอก
140 ศอก มีค่าเท่ากับ 35 วา
35 วา มีค่าเท่ากับ 1 อุสุภ
80 อุสุภ มีค่าเท่ากับ 1 คาพยุต
4 คาพยุต มีค่าเท่ากับ 1 โยชน์
6. โยชน์ที่ใช้ไม้วัดที่มีความยาว 4 ศอก เป็นเกณฑ์
4 ศอก x 20 ครั้ง มีค่าเท่ากับ 20 วา
20 วา มีค่าเท่ากับ 1 อุสุภ
80 อุสุภ มีค่าเท่ากับ 1 กาพยุต
4 คาพยุต มีค่าเท่ากับ 1 โยชน์
มาตราวัดเฉพาะข้อ 5 และข้อ 6 ดูน่าจะเกี่ยวข้องกับการคิดคำนวณของคนไทยมากกว่าข้ออื่น ๆ …
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 17 สิงหาคม 2565