ก่อนหน้าวิล สมิธ ตบหน้าพิธีกร ซีเนดิน ซีดาน เคยเฮดบัตต์คู่แข่งเพราะโดนบูลลี่

มาร์โก้ มาเตราซซี่ ล้มลง หลัง ซีเนดิน ซีดาน เฮดบัตต์ใส่หน้าอกในฟุตบอลโลก 2006 รอบชิงชนะเลิศ (ภาพจาก AFP)

การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลกปี 2006 ที่เยอรมนี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม 2549 เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น เมื่อ ซีเนดิน ซีดาน กัปตันทีมชาติฝรั่งเศสเกิดตบะแตกใช้หัวโขกหน้าอก มาร์โก้ มาเตราซซี่ กองหลังอิตาลี ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซีดานถูกลงโทษด้วยใบแดงไล่ออกจากสนาม ส่วนผลการแข่งขันในวันนั้นฝรั่งเศสแพ้อิตาลี 3-5 ในการดวลจุดโทษหลังจากเสมอกัน 1-1 ใน 120 นาที

นอกจากการนำเสนอข่าวเหตุการณ์ดังกล่าว สื่อต่างๆ ก็พยายามหาคำตอบว่านั้นวัน มาเตราซซี่พูดอะไรกับซีดาน?

วันที่ 11 กรกฎาคม 2549 หนังสือพิมพ์เดอะซันของอังกฤษ ให้มาเรียนเน่ เฟรเร่ ผู้เชี่ยวชาญด้านอ่านริมฝีปากอ่านปากของมาร์โก้ มาเตราซซี่จากการดูวิดีโอซ้ำหลายๆ ครั้ง เฟรเร่พบว่ามีหลายคำพูดที่มาเตราซซี่ที่ค่อนข้างรุนแรง แต่ที่ดูจะหนักข้อที่สุดคือ “พวกเรารู้ดีว่าคุณคือลูกโสเภณีก่อการร้าย”

วันที่ 13 กรกฎาคม 2549 ซีเนดิน ซีดาน เปิดใจให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกกับสถานีโทรทัศน์ของฝรั่งเศส ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าเป็นเพราะมาเตราซซี่พูดจาเสียดสีแม่และน้องสาวของเขา โดยระหว่างเกม มาเตราซซี่ ดึงเสื้อเขาหลายครั้ง ซีดานเลยบอกไปว่า หากอยากได้ก็มาแลกกันหลังเกม แต่พอเดินออกไป มาเตราซซี่ ก็เริ่มพูดจาเสียดสีแม่และน้องสาวเขา มันเป็นถ้อยคำที่รุนแรง หยาบคาย และทำร้ายจิตใจอย่างมาก

ซีดานได้กล่าวขอโทษสำหรับพฤติกรรมของตนเองว่า “ผมรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ผมไม่ควรทำ ผมต้องการพูดให้ดังและชัดเจน เพราะมีคน 2-3 พันล้านคนที่ชมเกมการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ และมีเด็กหลายล้านคนรวมอยู่ด้วย ผมต้องการขอโทษพวกเขา แต่ไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำ เพราะหากถ้าเสียใจก็หมายความว่าผมยอมในสิ่งที่มาเตราซซี่พูดออกมา ผมสอนลูกๆ ให้รู้จักเคารพผู้อื่น และสอนๆ ว่าพวกเขาก็สมควรได้สิ่งนั้นตอบกลับมา ผมไม่สามารถปล่อยให้ใครพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามแบบนั้นได้โดยไม่ตอบโต้ออกไป ผมทำไปเพื่อปกป้องเกียรติของแม่และน้องสาวของผม”

ซีดานกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสวัย 34 ปี ที่ประกาศอำลาชีวิตนักเตะหลังเสร็จศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี ยังกล่าวอีกว่า “ผมทำสิ่งที่ผิดพลาดและโดนลงโทษแล้วที่ต้องปิดฉากอาชีพค้าแข้งในห้องแต่งตัวคนเดียว แต่ผมเป็นคนที่ถูกยั่วยุก่อน และผมก็ตอบโต้กลับไป โดยปกติเรามักพูดถึงเฉพาะคนตอบโต้ที่ต้องถูกโทษ ไม่ได้พิจารณาถึงคนที่ยั่วยุซึ่งไม่ยุติธรรมเลย เพราะหากไม่มีการยั่วยุ ก็คงไม่มีการตอบโต้ที่รุนแรงแบบนั้น และมันก็เป็นการยั่วยุที่รุนแรงมาก

ผมไม่มีข้อแก้ตัวกับพฤติกรรมก้าวร้าวของตัวเอง แต่ผู้กระทำผิดที่แท้จริงคือคนที่ยั่วยุ คุณลองคิดดูว่าในฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศ และเหลือเวลาอีก 10 นาทีก่อนการอำลาสนามของผม แล้วผมจะทำอะไรแบบนั้นเพียงเพื่อความสะใจอย่างนั้นหรือ”

ขณะที่ มาร์โก้ มาเตราซซี่ นักเตะอิตาลีคู่กรณี ออกมาปฏิเสธและยืนยันว่า ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวเรื่องสีผิว ศาสนา หรือการเมือง รวมถึงพูดดูถูกแม่ของซีดาน การยั่วยุของตนจริงๆ คือต้องการหยุดซีดานไม่ให้เล่นลูกกลางอากาศ เพราะก่อนหน้านั้นเกือบทำประตูให้ฝรั่งเศสขึ้นนำด้วยลูกโหม่ง แต่นายทวารป้องกันไว้ได้หลังจากดึงเสื้อ ตนไม่ได้เป็นคนแรกที่พูด และไม่คาดหวังว่าซีดานจะตอบโต้ด้วยการเอาหัวโขก

วันที่ 20 กรกฎาคม 2549 สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟี่ฟ่า) ได้ประกาศคำตัดสินโทษ หลังจากเรียกตัวซีดานและมาเตราซซี่มาให้ปากคำ โดยลงโทษซีเนดิน ซีดาน ห้ามลงสนามในเกมระดับชาติ 3 นัด แต่เนื่องจากเขาเลิกเล่นฟุตบอลแล้วจึงให้บำเพ็ญประโยชน์ด้วยการช่วยเหลือกิจกรรมเกี่ยวกับมนุษยธรรม หรือเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนเป็นเวลา 3 วัน และปรับเป็นเงิน 7,500 สวิสฟรังก์ หรือ 225,000 บาท โทษฐานใช้หัวโขกหน้าอกมาร์โก้ มาเตราซซี่

ส่วนมาร์โก้ มาเตราซซี่ ที่ไม่โดนลงโทษในวันเกิดเหตุ ครั้งนี้ฟีฟ่าได้ลงโทษห้ามลงแข่งในเกมระดับชาติ 2 นัด และปรับเป็นเงิน 5,000 สวิสฟรังก์ หรือ 150,000 บาท โทษฐานที่พูดจายั่วยุให้นักเตะฝ่ายตรงข้ามโมโห

มาเตราซซี่ ให้สัมภาษณ์กับ L’Equipe เมื่อปี 2016 เผยว่า สิ่งที่เขาพูดถึงคือน้องสาวของดาวเตะฝรั่งเศสไม่ใช่แม่ของซีดาน ตามที่มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้

กองหลังทีมชาติอิตาลีในเวลานั้นยอมรับว่า เขาใช้คำพูดที่โง่เขลา “แต่มัน (คำพูด) ไม่ควรถึงกระตุ้นให้เขามีปฏิกิริยากลับมาแบบนั้น” และระบุว่า ไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองก้าวล่วงแม่ของซีดาน เพราะตัวเขาเองก็สูญเสียแม่ไปเมื่อนานมาแล้ว

“ถ้าคุณไปอยู่ในสนามฟุตบอลที่ชานเมืองโรม เนเปิลส์ ตูริน มิลาน หรือปารีส คุณจะรับรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปค่อนข้างเบาแล้วเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณจะได้ยินจากที่เหล่านั้น” มาเตราซซี่ กล่าว

มาเตราซซี่ ให้สัมภาษณ์ภายหลังอีกว่า “มีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ซีดานทำประตูให้ฝรั่งเศสในครึ่งแรก และโค้ช (มาร์เซลโล ลิปปี) สั่งให้ผมประกบเขา หลังจากเริ่มครั้งแรก ผมขอโทษไปแต่ปฏิกิริยาของเขาไม่ค่อยดี”

“หลังจากการกระทบกระทั่งกันครั้งที่ 3 ผมทำหน้าบึ้ง เขาโต้ย้อนมาว่า ‘ผมจะให้เสื้อกับคุณทีหลัง’ ผมตอบกลับว่า ‘ผมเลือกน้องสาวคุณมากกว่าเสื้อ’ ” 

ขณะที่เสียงของสังคมต่อทั้ง 2 กรณี อาจมีผู้เห็นด้วยกับการตอบโต้ของทั้งสมิธและซีดาน แต่ก็มีผู้คัดค้านว่าเป็นการกระทำที่รุนแรง แต่ที่เหมือนกันจากกรณีดังกล่าวคือ แม่ เมีย ไปจนถึงสมาชิกรายอื่นในครอบครัวเป็นสิ่งที่มิบังอาจล่วงละเมิด

คลิกอ่านเพิ่มเติม : ฟุตบอลโลกกับคนรุ่นใหม่ที่ได้เลือกตั้งครั้งแรก สร้างปรากฏการณ์ในการเลือกตั้งอังกฤษ 1970

คลิกอ่านเพิ่มเติม : ย้อนเส้นทาง กว่าจะเป็นฟุตบอลอิตาลี ยุคฟาสซิสต์ “มุสโสลินี” ใช้กีฬาฮิตปลุกชาตินิยม


อ้างอิงจาก :

“ ‘ลูกอีตัวก่อการการร้าย’ คำด้านซีดาน มาเตราซซี่โผล่โต้” ใน, ข่าวสด ฉบับวันที่ 12 กรกฎาคม 2549

“ ‘ซีดาน’ แฉ แล้ว ด่าแม่-น้องสาว” ใน, ข่าวสด ฉบับวันที่ 14 กรกฎาคม 2549

“ฟีฟ่าแบนซีดาน 3 นัด ปรับอีก 2 แสน” ใน, มติชน ฉบับวันที่ 21 กรกฎาคม 2549

“Marco Materazzi: I used ‘stupid words’ before Zinedine Zidane head-butt”. ESPN. Online.  Published 9 JUL 2016. Access 29 MAR 2022. <https://www.espn.com/soccer/world-cup-soccer/story/2910348/marco-materazzi-i-used-stupid-words-before-zinedine-zidane-head-butt>

“Materazzi reveals what he said that made Zidane headbutt him in the 2006 World Cup final”. AS. Online. Published 3 MAY 2020. Access 29 MAR 2022. <https://en.as.com/en/2020/05/03/soccer/1588492450_120516.html>


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 29 มีนาคม 2565