ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
“ชื่น ศรียาภัย” สตรีชื่อดังในวงการมวยในอดีตดึงนักมวยมาชกหลายราย หนึ่งในนั้นมีนาย “พร้อม อินอักษร” ที่ได้ขึ้นชกมวยจนเกิดเป็นที่มาของเหตุการณ์ “ชนะมวยได้เมีย” และผลลูกโซ่มาสู่คดี “แพ้มวยได้หมา” ในเวลาต่อมา
เรื่องราวที่จะเล่านี้อ้างอิงมาจากหนังสือ “ปริทัศน์มวยไทย” ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวมงานเขียนโดย “เขตร ศรียาภัย” ผู้เป็นน้องชายของ ชื่น ศรียาภัย
ปริทัศน์มวยไทย เดิมทีได้นำลงเผยแพร่ในนิตยสาร ฟ้าเมืองไทย รายสัปดาห์ยุคแรกๆ เริ่มในช่วง พ.ศ. 2515 ภายหลังหลานปู่ค้นหาต้นฉบับมารวมเล่มตีพิมพ์เมื่อปี 2550 โดยใช้ชื่อหนังสือว่า ปริทัศน์มวยไทย
พี่น้องกะลาสีเรือ
นักมวยไชยาที่ชื่น ศรียาภัย นำมาเข้าชกเก็บเงินบำรุงกองเสือป่า ณ สนามมวยสวนกุหลาบ มีนักมวยพี่น้องจากกะลาสีเรือ “รัสมี” เรือกลไฟเดินทะเลของ เขตร ศรียาภัย ผู้เป็นบิดาของชื่น
นักมวยสองพี่น้องคู่นี้ ผู้พี่คือนาย “นิตย์ อินอักษร” เป็นนักมวยที่เรียกว่า “สามยกจอด” กล่าวคือ ถ้าขึ้นชกไม่ชนะภายใน 3 ยก ก็มักจะเป็นลมแทบทุกครั้ง ไม่ว่าจะเจ็บตัวมาก-น้อย หรือไม่เจ็บเลย
ส่วนผู้น้องคือนาย “พร้อม อินอักษร” เขตร ศรียาภัย ได้อธิบายรูปร่างของพร้อม ไว้ว่า รูปร่างเล็ก ผิวเนื้อค่อนข้างดำละเอียด ฟันขาวซี่เล็ก แสดงถึงลักษณะของความเด็ดขาด ทำนองเดียวกับคนตาเล็ก หรือที่เรียกว่าตาปลาดุก
ในการเข้าชกเก็บเงินบำรุงกองเสือป่า นายพร้อม จะขึ้นชกคู่กับนาย “ประยงค์ แช่มศรีดิษฐ์” นักมวยฝีมือดีของคณะทวีสิทธิ์
เวลาต่อมา นายประยงค์ กลับไม่ได้ขึ้นชกคู่กับนายพร้อม เหตุเกิดจากความไม่พร้อมทางร่างกาย (ท้องร่วงกะทันหัน) ทางกรรมการจึงเฟ้นหานักมวยที่มีฝีมือเทียบเคียงกับนายประยงค์ นั่นก็คือนาย “ถวิล”(ไม่ทราบนามสกุล) นักมวยสังกัด ม.ร.ว.มาณพ ลดาวัลย์
โอวาทของชื่น ศรียาภัย
การเปลี่ยนคู่ชกทำให้นายพร้อมมีอาการเซื่องซึม ก่อนเดินทางไปยังสนามมวยสวนกุหลาบ ชื่นได้กล่าวอบรมให้กำลังใจนายพร้อม ด้วยถ้อยคำที่น่ารับฟังว่า
“การต่อสู้กันด้วยเชิงมวยหรือด้วยกำลังอาวุธก็ตามเถิด พร้อมเอ๋ยจะต้องมีใจแน่วแน่ ไม่วอกแวกคิดไปถึงเรื่องอื่นซึ่งทำให้เสียสมาธิ คู่ต่อสู้คนใดที่จิตวอกแวก หวาดเกรงแม้เพียงพริบตาเดียวก็อาจถูกชกต่อยบาดเจ็บสาหัสง่ายๆ
ดังนั้น แกต้องปลงจิตใจออกจากสิ่งแวดล้อมโดยสิ้นเชิง ใครจะยั่วให้โกรธหรือแหย่ให้วิตกกังวลอย่างไร ต้องไม่สนใจและหวั่นไหว…”
เขตร ศรียาภัย เล่าไว้ว่า ชื่นพูดแล้วก็ลุกขึ้นยืนมองหน้านายพร้อมครู่หนึ่ง แล้วกวาดสายตาไปยังศิษย์คนอื่นๆ ที่พร้อมจะออกเดินทางไปสนามสวนกุหลาบ และได้พูดช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำว่า
“นี่แน่ะพร้อม ถ้าแกชกชนะวันนี้ ข้าจะให้เมียแกไปอวดคนไชยาคนหนึ่ง เพิ่มจากเหรียญหัวเสือที่แกจะได้จริงๆ วะ”
เวลานั้น คนอื่นพากันหัวเราะก๊าก สนับสนุนให้นายพร้อมชกอย่างถวายหัว เพื่อจะได้พาเมียไปอวดคนทางบ้าน แต่นายพร้อมจะรู้สึกอย่างไร ย่อมไม่มีใครทราบได้นอกจากตัวของนายพร้อมเอง
พร้อม อินอักษร แสดงฝีมือ
เมื่อถึงเวลาขึ้นชกมวยคู่ของพระนครกับมวยไชยา นายถวิลอยู่ทางด้านโรงเรียนเพาะช่าง ส่วนนายพร้อมอยู่ทางด้านสามัคยาจารย์สมาคม ทั้งสองขึ้นไปประจันหน้ากันในสังเวียน ในขณะนั้นผู้ชมต่างพากันมองว่านายพร้อมเสียเปรียบนายถวิลในส่วนร่างกาย แต่สำหรับฝีมือนั้นยังคงเป็นที่น่าสงสัย
เหตุการณ์ยกที่ 1 ยังไม่มีอะไรมาก ต่างคนต่างลองเชิง ใช้เล่ห์หลอกล่อเพื่อต้องการจะเห็นรู้ว่าฝีมือการใช้หมัดและเท้าของฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างไร
แต่ก็ไม่มีช่องว่างให้เกิดการปะทะกันในยกแรกจนเกือบตลอดยก จนท้ายที่สุดนายถวิลเป็นฝ่ายใจร้อน ขยับเตะบนฝ่าคอนายพร้อม นายพร้อมได้ใช้หมัดซ้ายตรงเข้าปากครึ่งจมูกครึ่งของนายถวิลทันทีจนเลือดกบปาก
ขึ้นยกที่ 2 เริ่มมีชกต่อยอย่างรุนแรง ยกนี้นายพร้อมโดนหมัดพิฆาตของนายถวิล กระเด็นจนแผ่นหลังไปพิงเชือกสังเวียน และเกือบจะปิดฉากการชกลง แต่นายพร้อมยังมีสติดี ยกตีนเหน็บตอบเข้าที่ท้องน้อยจนนายถวิลกระเด็นออกมาและเสียหลักลงไปนอนแผ่ที่พื้น
ในยกที่ 3 ทั้งคู่ชกต่อยเตะถีบแลกกันอย่างไม่หยุดยั้ง นายพร้อมกระเด็นจนพิงเชือกสังเวียนอีกครั้งด้วยอำนาจตีนของนายถวิล แต่ครั้งนี้เหมือนนายถวิลดูอ่อนล้าลงหลังจากโดนนายพร้อมยกตีนเหน็บเข้าที่ท้องในยกที่ 2
เมื่อสัญญาณของยกที่ 4 ดังขึ้น นายถวิลไม่ได้ปรากฏกายขึ้นเวที เนื่องจากอาเจียนจนลุกขึ้นไม่ไหว ทำให้ไฟต์ขึ้นชกในครั้งนี้ผู้ชนะคือนายพร้อม อินอักษร
ทั้งนี้ เขตร ศรียาภัย ได้เล่าเพิ่มเติมว่า นายพร้อม มาสารภาพกับตนว่า
“ตอนที่กระเด็นติดเชือกครั้งที่ 2 นั้น ตามองไม่เห็นอะไรเลย นายถวิลอยู่ที่ไหนไม่รู้ คงคุมอยู่เฉยๆ ถ้านายถวิลไม่เกรงถูกเหน็บและเข้ามาซ้ำเติมก็เห็นจะหมดทางสู้”
ชนะมวยได้เมีย
ชื่น ศรียาภัย มีหญิงรับใช้ชื่อ “นางสาวต่วน บุญชู” ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมที่ชื่นได้รับอุปการะเลี้ยงไว้ตั้งแต่อายุ 12 ปี จวบจนอายุ 30 ปี
3 วันหลังถัดมา ทุกคนในบ้านก็ได้เป็นสักขีพยานในการร่วมกันทำบุญตักบาตรตอนเช้ากับนายพร้อมและนางต่วน ต่อมาตอนเย็นมีการจัดกินเลี้ยงอย่างอิ่มหนำสำราญอีกวาระหนึ่ง เป็นการกินเลี้ยงในพิธีแต่งงานของนักมวยไชยาคือนายพร้อม ผู้พิชิตนายถวิล โดยการอุปการะของชื่น ศรียาภัย ที่ได้เสนอข้อตกลงให้เมียเป็นรางวัล
นายพร้อมได้พานางต่วนไปอวดคนเมืองไชยาอย่างที่ต้องการ ทั้งคู่ได้ครองรักจนให้กำเนิดทายาท 1 คน เขตร ศรียาภัย เล่าเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากนั้นก็ไม่ทราบข่าวคราวอีกเลย ตั้งแต่ที่นายพร้อมพาภรรยากลับไชยาไปแล้ว
มวยไชยาแพ้แบบน่ากังขา
หลังจากการขึ้นชกของนายพร้อมและนายถวิล มีประชาชนเรียกร้องว่าอยากดูนักมวยไชยาอีกครั้ง ทางกรรมการจึงจัดคู่ชกระหว่างมวยไชยา (ขอสงวนนาม) กับมวยพระนคร ชื่อว่านาย “ต๊ะ” เป็นพนักงานขับรถของเจ้าของโรงน้ำแข็งบริษัท บี.เอ็ม.ซี.
เมื่อถึงเวลาขึ้นชก ทั้งคู่แสดงฝีมือการชกกันอย่างคล่องแคล่วว่องไว นักมวยไชยาตั้งรับการบุกของอีกฝ่ายอย่างชำนาญ
ไม่ว่านายต๊ะจะเหวี่ยงหมัดซ้ายหรือขวา มวยไชยาสามารถปัดป้องได้ไม่เป็นอันตราย แต่การต่อสู้ของมวยไชยาดำเนินมาถึงขณะที่คนดูสังเกตว่านายต๊ะผลักมากกว่าชกจริงจัง และเมื่อถึงตอนล้มกระเด็นลอดเชือกเส้นล่างไปนอนกับชานเวที มวยไชยาก็ไม่มีท่าทีที่จะลุกขึ้นชกต่อ กลับฟังผู้ตัดสินนับถึง 10 ถึงลุกขึ้นมาใช้มือค้ำเชือกเส้นกลางลอดกลับมา ท่ามกลางความสงสัยของคนดูในความพ่ายแพ้ของมวยไชยาในครั้งนี้
หลักการชกจบลง ชื่น ศรียาภัย ได้เรียกตัวนักมวยมาสอบปากคำเกี่ยวกับการพ่ายแพ้ครั้งนี้ มวยไชยาคนนั้นตอบกลับมาว่า ความจริงมิได้เจ็บแสบตรงไหนเลย ที่แกล้งยอมแพ้ง่ายๆ เพราะคิดถึงบ้านเต็มทน
เหตุผลของนักมวยไชยาทำให้ชื่น ศรียาภัย ผิดหวังอย่างมาก นอกเหนือจากนี้ เพื่อนนักมวยคนอื่นก็พากันซุบซิบเพราะผิดหวังไปตามกัน
แพ้มวยได้หมา
ในรุ่งเช้าชื่น ศรียาภัย ได้ให้ เขตร ศรียาภัย หาหมามาให้ตัวหนึ่ง ซึ่งในเวลาต่อมาเขตรนำลูกหมาตัวเมียมาได้ 1 ตัว
จากคำบอกเล่าของเขตร ศรียาภัย พี่ชื่น ศรียาภัย กล่าวท่ามกลางชุมนุมนักมวยว่า
“พร้อม มันชกต่อยสมศักดิ์ศรีมวยไชยาลูกศิษย์อากลัด ข้าจึงต้องเสียลูกบุญธรรมให้เป็นเมียมัน ส่วนแก (หมายถึงนักมวยผู้แพ้) ก็เป็นนักมวยไม่เลวกว่าพร้อม แต่จิตใจใช้ไม่ได้สำหรับจะเป็นนักมวย เพียงแต่คิดถึงบ้าน ซึ่งไม่ใช่เรื่องสำคัญ ก็ทำให้ขายหน้าคนทั้งเมือง ข้าให้เมียพร้อม ไปอวดคนไชยา แต่ข้าจะให้หมากับแกแทน ปีหน้าข้าจะออกไปเยี่ยมบ้าน ถ้าไม่เห็นหมาตัวนี้ ข้าจะตีหัวแกให้แตก ไม่เชื่อคอยดู”
ชื่น ศรียาภัย พูดอย่างจริงจัง และสั่งเขตร ศรียาภัย จัดรถพานักมวยผู้แพ้ไปส่งที่ท่าช้างวังหน้า เพื่อลงเรือข้ามฟากขึ้นรถไฟที่สถานีบางกอกน้อยพร้อมกับลูกหมาตัวเมีย 1 ตัว (ต้องเสียระวางจากสถานีบางกอกน้อย ถึงสถานีไชยา 1.20 บาท (เขตร ศรียาภัย ผู้เล่าเรื่องระบุว่า เป็นเงิน 1.20 บาท ถ้าจำไม่ผิด) ให้กลับบ้านไป
ทั้งนี้ ปีถัดมา ชื่น ไม่ได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านไชยาตามที่กล่าวไว้ ข่าวเรื่องนักมวยที่ได้รับสุนัขก็เงียบลง
ปรากฏว่าเรื่องกลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อเกิดคดีแย่งกรรมสิทธิ์หมาถูกนำเสนอในหน้าหนังสือพิมพ์ เรื่องมีว่า ลูกหมาตัวเมียจากถนนประมวญ ซึ่งถือเป็นรางวัลนักมวยไชยาฝีมือดี แต่ยอมแพ้แบบไม่น่าแพ้ ให้กำเนิดลูกหมาตัวผู้ตัวหนึ่ง เมื่อลูกหมาเติบโตขึ้นกลับมีนิสัยและชื่อเสียงด้านการไล่เนื้อระดับที่ยากจะหาตัวอื่นเทียบเคียงได้
เขตร ศรียาภัย เล่าว่า ฝ่ายนักมวยไชยาอ้างหลักฐานการได้มาของหมาในศาลว่าได้มาคราวชกมวยในกรุงเทพฯ ที่สุดแล้ว หมาไล่เนื้อก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนักมวยไชยาผู้พ่ายแพ้เพราะคิดถึงบ้าน
เขตร ศรียาภัย ย้ำว่า เรื่องที่เล่านี้ไม่ได้มีเจตนาเหยียดหยามนักมวยผู้นั้นเลย (และได้สงวนนามเอาไว้ตั้งแต่ต้น) เมื่อได้ไปไชยา ยังไปเยี่ยมเยียนนักมวยฝีมือดีท่านนั้น แม้จะอยู่ในวัยแก่เฒ่าแล้ว ร่างกายยังกระชุ่มกระชวย เล่าเรื่องเก่าๆ ให้ฟังอย่างสนุกสนาน
การนำมาเขียนเล่าเรื่องนั้น “มีความประสงค์เพียงแต่ขอฝากข้อคิดเพื่อหาทางป้องกันไว้สำหรับผู้จัดการมวยหรือผู้เกี่ยวข้องกับมวยไทย (แบบสากล) ที่จะออกไปราวีในต่างประเทศ ให้คำนึงถึงเป็นอุทาหรณ์ไว้บ้าง เพราะโรคคิดถึงบ้านนั้นเป็นอุปสรรคสำคัญที่อาจทำให้นักมวยมีอันเป็นไปได้มาก ควรแก่การคำนึง หาทางป้องกันไว้แต่ต้นๆ มือ” (ฟ้าเมืองไทย ปีที่ 6 ฉบับที่ 279 วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2517)
อ่านเพิ่มเติม :
- “เชื้อเจ้า ปากไม่เป็นเจ้า มาตบกัน” ชื่น ศรียาภัย สตรีดังวงการมวย VS หม่อมเจ้าหญิงวังหน้า
- เปิดตำนาน “มวยไชยา” เมืองมวย-ครูมวยฝีมือฉกรรจ์ “ขุนพันธ์” มือปราบดังยังนับถือ
อ้างอิง :
เขตร ศรียาภัย. ปริทัศน์มวยไทย. กรุงเทพฯ : มติชน, 2550.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2565