ที่มา | ศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤษภาคม 2558 |
---|---|
ผู้เขียน | ผศ. ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์ |
เผยแพร่ |
รถโดยสารประจำทาง และ สถานีขนส่ง สองการเดินทางสำคัญในประเทศไทย มีจุดกำเนิดเมื่อไหร่?
กิจการขนส่งทางบก อาจแบ่งประเภทหยาบ ๆ ได้ 2 ส่วน นั่นคือ ส่วนรับส่งสินค้า และส่วนรับส่งผู้โดยสาร ในกรณีส่วนรับส่งสินค้าจะละไว้ไม่กล่าวถึง เนื่องจากในที่นี้เน้นความสำคัญของประสบการณ์เดินทางของคนเป็นหลัก และการขนส่งมวลชนดังกล่าวก็ต้องอาศัยรถยนต์โดยสารประจำทาง หรือที่เรียกกันอย่างลำลองว่า รถโดยสารประจำทาง
รถโดยสารประจำทาง ให้บริการเมื่อไหร่?
การเดินรถดังกล่าวไม่ว่าจะโดยรัฐในนามบริษัท ร.ส.พ. เดินรถ หรือในนามบริษัทเอกชน กลับปรากฏหลักฐานว่ามีการกำหนดสายการให้บริการเดินรถอย่างช้าที่สุดคือ ใน พ.ศ. 2498 ประกาศดังกล่าวในตอนนั้นเป็นเพียงการประกาศควบคุมเส้นทางเดินรถภายในจังหวัดพระนครและธนบุรี
ทศวรรษต่อมา รัฐมีนโยบายเดียวกันที่จะควบคุมเส้นทางเดินรถที่เชื่อมไปยังส่วนภูมิภาคในจังหวัดต่าง ๆ ด้วย พ.ศ. 2502 มีการประกาศเส้นทางระยะไกลในเขต 30 จังหวัด โดยแบ่งเป็น 5 สาย คือ สายใต้ สายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ สายตะวันออก และสายตะวันออกเลียบชายฝั่งทะเล
แต่ระยะทางดังกล่าวไม่ครอบคลุมอาณาเขตทั่วทั้งประเทศ ในปีถัดมาก็มีการกำหนดเพิ่มเติมด้วยเหตุผลว่า เพื่อให้เหมาะสม ประกาศนี้ทำให้เส้นทางเดิมทั้ง 5 สายที่จำกัดอยู่เฉพาะ 30 จังหวัด ได้แผ่ขยายออกไปมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถครอบคลุมได้ทั้งประเทศ
สายเหนือไปถึงเพียงจังหวัดนครสวรรค์ สายตะวันออกเฉียงเหนือไปหยุดที่จังหวัดนครราชสีมา ขณะที่สายใต้ก็ลงไปถึงแค่จังหวัดชุมพร จะมีก็เพียงสายตะวันออกและสายตะวันออกเลียบชายฝั่งทะเลที่เดินรถไปจนสุดเส้นทาง คือ จังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดตราด
กว่าจะประสบความสำเร็จในการเชื่อมโยงระบบควบคุมการเดินรถได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ ก็ล่วงมาถึงปี 2507 พบว่ามีประกาศถึง 2 ฉบับ ที่กำหนดเส้นทาง 2 ส่วน กล่าวคือ เส้นทางที่เริ่มต้นจากจังหวัดพระนคร (หรือกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน) ที่มีจุดเริ่มต้นที่สถานีขนส่งกรุงเทพฯ ไปสู่สถานีขนส่งจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นเส้นทางการเดินทางระดับชาติโดยอาศัยกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางเครือข่าย และประกาศเส้นทางระหว่างสถานีขนส่งจังหวัดหนึ่งไปอีกจังหวัดหนึ่ง นับเป็นเครือข่ายการเดินทางในภูมิภาค
สถานีขนส่ง เริ่มต้นครั้งแรกตอนไหน?
ปลายปี 2498 มีการตั้งสถานีขนส่งที่สนามหน้าวัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) อำเภอพระนคร และบริเวณข้างสถานีตำรวจจักรวรรดิ์ อำเภอสัมพันธวงศ์ ในปีต่อมา แต่ลักษณะสถานีขนส่งดังกล่าวมีเส้นทางจำกัดอยู่เพียงสายใต้ ได้แก่ นครปฐม ราชบุรี โพธาราม สุพรรณบุรี หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ มิเพียงเท่านั้น พื้นที่ดังกล่าวยังรองรับรถขององค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) กับบริษัทเอกชนบางบริษัทเท่านั้น [6]
และยังพบว่าไม่มีหน่วยงานใด ๆ เข้าไปควบคุมการเดินรถอย่างจริงจัง จึงมีผู้ประกอบการเดินรถอย่างไร้การควบคุม มีการจอดรถรับส่งผู้โดยสารบนผิวจราจรตามอำเภอใจในเขตกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณวงเวียน 22 กรกฎาคม หัวลำโพง และเสาชิงช้า ทั้งยังพบว่ามีบริษัทเดินรถเอกชนยังมีการแข่งขันกันโดยมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่ ซึ่งกลายเป็นปัญหาความปลอดภัยในการเดินทาง[7]
ในทศวรรษต่อมา รัฐได้สร้างจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างกรุงเทพฯ กับภูมิภาคต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรมและเป็นระบบ ด้วยการจัดตั้ง สถานีขนส่ง ที่รับส่งผู้โดยสารระดับประเทศ โดยมีการจัดแบ่งสัดส่วนสถานีตามเส้นทางการขนส่งไปสู่ภูมิภาคต่างๆ เมื่อปี 2503 [8] จำแนกเป็น 3 แห่ง ได้แก่
1. สถานีขนส่ง ณ ตำบลลาดยาว อำเภอบางเขน ที่เรารู้จักกันอย่างลำลองว่า สถานีขนส่งหมอชิต ให้รถยนต์โดยสารประจำทางสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายตะวันออก ใช้เป็นที่หยุด หรือจอดเพื่อทำการขนส่ง
2. สถานีขนส่ง ณ ตำบลพระโขนง อำเภอพระโขนง หรือ สถานีขนส่งเอกมัย สำหรับสายตะวันออกเลียบชายฝั่งทะเล
3. สถานีขนส่ง ที่ตั้งอยู่ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ ตำบลบางเสาธง อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี สำหรับสายใต้ หรือ สถานีขนส่งสายใต้
ทำให้เห็นว่าเครือข่ายการเดินทางโดยรถยนต์โดยสารประจำทาง ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้ถูกสถาปนาขึ้นอย่างจริงจังยิ่งขึ้น แม้ในปี 2503 เส้นทางการเดินรถยังไม่ครอบคลุมทั้งหมดทั่วประเทศ แต่สถานีขนส่งทั้งหลายก็ได้กลายเป็นหมุดหมายและสัญลักษณ์สำคัญของการเดินทางระดับประเทศจวบถึงปัจจุบัน
ควรกล่าวด้วยว่า สถานีขนส่งประจำจังหวัด เริ่มต้นประกาศอย่างเป็นทางการอย่างล่าช้า เชียงใหม่เป็นจังหวัดเดียวที่จัดให้มีสถานีขนส่งเมื่อปี 2509 จากนั้นตั้งแต่ปี 2510 เป็นต้นไป จึงได้มีการทยอยจัดตั้งสถานีขนส่งตามจังหวัดต่าง ๆ [9]
อ่านเพิ่มเติม :
- สติกเกอร์ท้ายรถ ปรัชญาเด็กแว้น-สิบล้อ แฟชั่นหรือภาพสะท้อนสังคมไทย?
- รถเมล์สาย 53 กับความรุนแรง ในเหตุการณ์ “6 ตุลา”
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
หมายเหตุ : คัดเนื้อหาส่วนหนึ่งจากบทความ ระบอบทางหลวงแผ่นดินในยุคเผด็จการ พลังของระบบขนส่งทางบกใหม่ ในฐานะอภิมหาโครงการที่สร้าง “พื้นที่ประเทศไทย” ทศวรรษ 2500 เขียนโดย ผศ. ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์ ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤษภาคม 2558
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 11 ตุลาคม 2564