จีนสมัยสาธารณรัฐ เกิด “กองทัพหางเปีย” ที่ลุกขึ้นฟื้นฟูระบอบราชาธิปไตย

จางซวิน ผู้นำ กองทัพหางเปีย ฟื้น ระบอบราชาธิปไตย หนุน จักรพรรดิปูยี
จางซวิน เจ้าของฉายา "แม่ทัพหางเปีย" ผู้นำการฟื้นฟูระบอบราชาธิปไตย สมัยสาธารณรัฐจีน

จีนเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นสาธารณรัฐใน ค.ศ. 1912 อันเป็นการสิ้นสุดการปกครองภายใต้ราชวงศ์ชิง ประชาชนต่างพากันตัดหางเปียข้างหลังศีรษะ ที่แสดงถึงการยอมอยู่ใต้อำนาจการปกครองของราชวงศ์ชาวแมนจูทิ้ง แต่กลับมี “กองทัพหางเปีย” นำโดย จางซวิน ที่พยายามฟื้นฟูระบอบราชาธิปไตย ภายใต้ “จักรพรรดิปูยี”

นายทหารคนหนึ่งชื่อ “จางซวิน” ที่ไม่ยอมตัดหางเปีย และสั่งห้ามทหารทุกคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาตัดหางเปีย คนทั่วไปจึงเรียกเขาว่า “แม่ทัพหางเปีย” และเรียกกองทัพของเขาว่า “กองทัพหางเปีย” หลังสถาปนาสาธารณรัฐจีน จางซวินไปเป็นทหารในสังกัดของหยวนซื่อข่าย ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารมณฑลเจียงซู และแม่ทัพพื้นที่ลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง

Advertisement

ค.ศ. 1916 หลังหยวนซื่อข่ายเสียชีวิตลงเกิดเหตุการณ์ “การต่อสู้ระหว่างสองทำเนียบ” คือ ทำเนียบประธานาธิบดี มี หลีหยวนหง รองประธานาธิบดีที่ต้องการเป็นประธานาธิบดีต่อจากหย่วนซื่อข่าย กับทำเนียบนายกรัฐมนตรี มี ต้วนฉีลุ่ย ขุนศึกเป่ยหยางและนายกฯ ผู้กุมอำนาจที่แท้จริงตกอยู่ในมือ

ค.ศ. 1917 ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากปัญหาที่ว่าประเทศจีนจะเข้าร่วม “สงครามโลกครั้งที่ 1” หรือไม่

จางซวิน ที่จับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เขาเพียงเฝ้ารอว่า การต่อสู้ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับความเสียหาย จะเป็นโอกาสในการฟื้นฟูระบอบราชาธิปไตยให้เป็นจริงอีกครั้ง เพราะสำหรับจางซวินมีเพียงราชวงศ์ชิง จักรพรรดิ และราชสำนักเท่านั้นที่เป็นสิ่งมีค่าอันศักดิ์สิทธิ์

เมื่อสบโอกาส จางซวินเสนอหลีหยวนหงว่า ตนยินดีเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยปัญหา หลีหยวนหงจึงเชิญเขาเข้ากรุงปักกิ่ง ต้วนฉีลุ่ยก็ต้องการกำลังของจางซวินมาช่วยยุบสภา เพื่อโค่นล้มหลีหยวนหง จึงเห็นด้วยกับการที่ให้จางซวินออกหน้าไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง ดังนั้นจางซวินจึงนำทัพเดินทางไปกรุงปักกิ่งเพื่อช่วย “ไกล่เกลี่ย” ปัญหา

วันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 1917 จางซวินนำทหารกองทัพหางเปีย 6,000 นายเดินทางมาถึงบริเวณนอกตัวเมืองของกรุงปักกิ่ง โดยอ้างว่าปฏิบัติตามคำสั่งเกณฑ์ทหารของประธานาธิบดีหลีหยวนหงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย วันที่สามที่มาปักกิ่ง เขาเข้าวังไปเฝ้า (อดีต) จักรพรรดิปูยี (ขณะนั้นสละราชย์แล้ว แต่รัฐบาลยังให้พำนักในพระราชวัง)

เมื่อจางซวินมากรุงปักกิ่ง พวกผู้อาวุโสที่ยังจงรักภักดีต่อราชวงศ์ชิงต่างดีอกดีใจกันยกใหญ่ พวกเขาเคลื่อนไหวกันบ่อยครั้งขึ้น มีการวางแผนอัญเชิญปูยีอดีตจักรพรรดิขึ้นครองราชย์อีกครั้ง วันที่ 28 มิถุนายน คังโหย่วเหวยเข้ากรุงปักกิ่ง เพื่อสนับสนุนจางซวิน ทำให้จางซวินมีความมั่นใจยิ่งขึ้น

วันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 1917 หลังจากเตรียมการวางแผนลับ การฟื้นฟูระบอบราชาธิปไตยก็เริ่มขึ้น จางซวิน พยายามลวงผู้คนด้วยการแสร้งทำเป็นไปดูงิ้วที่สมาคมมณฑลเจียงซีทั้งวัน เขาดูงิ้วจนถึงเที่ยงคืน ขณะที่ในบ้านพักของเขา เหล่าทหารติดอาวุธเตรียมพร้อมรอรบ เสนาธิการผู้วางแผนการรบเดินเข้าๆ ออกๆ และจัดวางกำลังพลมากมายหลายครั้ง

จางซวินส่งคนไป “เชิญ” หวังซื่อเจิน ผู้บัญชาการใหญ่กองทัพเตรียมรบเฉพาะกาลพื้นที่กรุงปักกิ่งและเมืองเทียนจิน, เจียงเฉาจง และเฉินกวางหย่วน รองผู้บัญชาการกองทัพเตรียมรบเฉพาะกาลพื้นที่กรุงปักกิ่งและเมืองเทียนจิน รวมถึง อู๋ปิงหู อธิบดีกรมตำรวจนครบาล มาที่บ้านพักของเขา และแจ้งสาเหตุว่า

“ที่เรานำทหารเข้ากรุงปักกิ่งมาครั้งนี้ ไม่ได้จะมาไกล่เกลี่ยปัญหาให้ใคร หากแต่มาฟื้นฟูระบอบราชาธิปไตย เพื่อพระองค์ท่าน มาเพื่อกอบกู้แผ่นดินของมหาราชวงศ์ชิง…เราตั้งปณิธานไว้แล้วว่าต้องทำให้ได้ หากพวกท่านเห็นด้วยก็จงเปิดประตูเมืองให้เรานำทหารและม้าเข้ามาทันที มิฉะนั้นก็เชิญทุกท่านกลับไปจัดวางกำลังพลเอง สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง”

ทุกคนที่ได้แต่มองหน้ากันทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าพูดอะไร จางซวินสั่งให้เปิดประตูเมือง “กองทัพหางเปีย” ของเขาทั้งหมดเข้ามาในตัวกรุงปักกิ่ง

ก่อนฟ้าสาง วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1917 จางซวินสวมหมวกของขุนนางราชวงศ์ชิง นำคังโหย่วเหวยและคณะมาที่ตำหนักหย่างซิน เพื่อสนับสนุนปูยีขึ้นครองราชย์

จางซวินยังตั้งเป็นเสนาบดีใหญ่, ข้าหลวงใหญ่มณฑลจื๋อลี่ และควบตำแหน่งข้าหลวงพาณิชย์เป่ยหยาง กุมอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งทางการเมืองและการทหาร

ในวันเดียวกัน จางซวินออกประกาศพระราชโองการ 8 ฉบับ ในนาม “จักรพรรดิปูยี” กำหนดให้เปลี่ยนปีที่หกของสาธารณรัฐจีนเป็น “รัชศกเซวียนถ่งปีที่ 9” เปลี่ยนธงห้าสี (ธงชาติจีนสมัยสาธารณรัฐ) เป็นธงมังกรเหลือง (ธงชาติจีนสมัยปลายราชวงศ์ชิง) ฟื้นฟูระบบขุนนางราชวงศ์ชิง นำฎีกาที่คังโหย่วเหวยเขียนแทนหลีหยวนหงเรื่อง “หลีหยวนหงทูลขอจักรพรรดิทรงกลับมาบริหารราชการอีกครั้ง” ไปทำเนียบประธานาธิบดี เพื่อให้หลีหยวนหงลงนามในฎีกา

เช้าตรู่วันเดียวกันนั้น ตำรวจในกรุงปักกิ่งไปออกคำสั่งตามบ้านเรือนทีละหลังให้แขวนธงมังกรเหลือง พวกขุนนางที่หวังให้ฟื้นฟูระบอบราชาธิปไตยโดยราชวงศ์ชิงมานาน ต่างพากันสวมชุดเสื้อคลุมยาวแบบจีนโบราณ เดินแกว่งผมหางเปียทั้งของแท้และของเทียมไปมาในเมือง

แต่การกระทำของจางซวินขัดกับเจตนารมณ์ของประชาชนและยุคสมัย

จางซวิน ผู้นำ “กองทัพหางเปีย” ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากคนส่วนใหญ่ทั่วประเทศทันที ซุนยัตเซ็นเมื่อทราบข่าวจึงออกประกาศ “แถลงการณ์ปราบปรามการสวนกระแส” ในทันที และเตรียมจัดตั้งกองกำลังปราบปรามจางซวินทุกแห่งในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองเอกของทุกมณฑลในภาคใต้มีประชุมมวลชน หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงตีพิมพ์บทความจำนวนมาก เรียกร้องให้ปราบปรามจางซวินเป็นเสียงเดียวกัน

3 กรกฎาคม ค.ศ. 1917 ต้วนฉีลุ่ยที่บรรลุวัตถุประสงค์ในการขับไล่หลีหยวนหงและยุบสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงส่งโทรเลขแจ้งให้ทราบและออกหนังสือประกาศยกทัพปราบปรามจางซวินที่เมืองเทียนจิน และจัดตั้งกองทัพปราบผู้ทรยศ โดยตั้งตนเองเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพ

เช้ามืดของวันที่ 12 กรกฏาคม ค.ศ. 1917 กองทัพปราบผู้ทรยศบุกเข้ากรุงปักกิ่ง “กองทัพหางเปีย” ถูกปราบปรามในเวลาอันรวดเร็ว จางซวินหลบหนีไปอยู่ในสถานทูตฮอลันดา จักรพรรดิปูยีประกาศสละราชสมบัติอีกครั้งหนึ่ง

เรื่องฟื้นฟูระบอบราชาธิปไตยของจางซวินแม้จะสำเร็จ แต่ก็จบลงในเวลาเพียง 12 วัน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


ข้อมูลจาก :

เส้าหย่ง-เขียน, กำพล ปิยะศิริกุล- แปล. หลังสิ้นบัลลังก์มังกร: ประวัติศาสตร์จีนยุคเปลี่ยนผ่าน, สำนักพิมพ์มติชน ตุลาคม 2560


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 31 พฤษภาคม 2564