“กรรณะ” วีรบุรุษฝ่ายอธรรม คู่ปรับอรชุน ผู้ถูกกีดกันจากชาติกำเนิดในศึกมหาภารตะ

กรรณะ มหาสงคราม มหาภารตะ ทุ่งกุรุเกษตร
ภาพวาด กรรณะ ในห้วงศึกมหาสงคราม ณ ทุ่งกุรุเกษตร จากมหาภารตะ

“กรรณะ” วีรบุรุษฝ่ายอธรรม คู่ปรับ “อรชุน” ผู้ถูกกีดกันจากชาติกำเนิดในศึก “มหาภารตะ”

หลายคนคงจะได้ยินชื่อมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ของอินเดียอย่าง “มหาภารตะ” มาไม่มากก็น้อย หากใครติดตามเรื่องราวมหากาพย์ขนาดยาวเรื่องนี้อย่างแท้จริงจะพบว่า มีเรื่องราวให้ศึกษาต่างๆ มากมาย ทั้งวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ รวมถึงปรัชญาการใช้ชีวิต และจิตวิญญาณ ฯลฯ นอกเหนือไปจากมหาสงครามที่ห้ำหั่นกัน ระหว่างสองพี่น้อง ตระกูลเการพ (กุรุ) และ ปาณฑพ (ปาณฑุ) ณ ทุ่งกุรุเกษตร มหาสงครามที่ว่านี้สร้างความหายนะแก่ดินแดนชมพูทวีปอย่างมหาศาล

เหตุการณ์ในครั้งนั้นได้ฝากชื่อเสียงของ 5 พี่น้องตระกูลปาณฑพ ในฐานะวีรบุรุษ ที่สามารถเอาชนะพี่น้องตระกูลเการพลงได้ ยอดนักรบที่ถูกกล่าวขานมากที่สุดคงจะได้แก่ “อรชุน” นักแม้นธนูมือฉมังของฝ่ายปาณฑพ

ส่วนตัวผมเองนั้นได้ยินชื่อมหากาพย์นี้มาตั้งนานแล้ว จนกระทั่งได้มาอ่านฉบับที่ อ. กรุณา กุศลาสัย แปล จากนั้นก็อ่านเทียบกันดูอีกครั้งประมาณสอง-สามสำนวน (ของ อ.วีระ ธีรภัทร และบทละครของปีเตอร์ บรุค) รวมถึงการที่ได้ดูซีรีย์มหาภารตะ (ออกอากาศทางช่อง 5) ทำให้ผมรู้สึกประทับใจกับเรื่องราวในมหากาพย์เรื่องนี้มากขึ้น

จากเท่าที่ติดตามมา ผมไปสะดุดอยู่กับตัวละครตัวหนึ่ง ที่มีบทบาทสำคัญไม่แพ้ฝ่ายพระเอก บุคคลที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้เรื่องราวในมหากาพย์ดำเนินไปอย่างน่าครุ่นคิด ด้วยอุปนิสัย ทะเยอทะยาน เด็ดเดี่ยว กล้าหาญ เสียสละ และยึดมั่นในสัจธรรม จนถึงเรื่องอื่นๆ ที่ไม่สามารถกล่าวได้ทั้งหมด นามของเขาคนนั้นคือ “กรรณะ” คู่ปรับของอรชุน

กรรณะ ผู้ถูกเหยียดหยามจากชาติกำเนิด

ในมหากาพย์เล่าว่า กรรณะ หรือ ราธียะ เป็นบุตรของ สุริยะเทพ กับ นางกุนตี (กรรณะจึงมีศักดิ์เป็นพี่ใหญ่ของ 5 พี่น้องตระกูลปาณฑพ และมีเกราะวิเศษติดตัวมาด้วยตอนกำเนิด) นางกุนตีไม่สามารถรับไว้เลี้ยงดูได้ เนื่องจากต้องเข้าพิธีสมรสกับเจ้าชายปาณฑุ จึงได้ทิ้งทารกกรรณะไว้ที่ริมน้ำ จนกระทั่งสารถีได้นำไปเลี้ยงจนเติบใหญ่ เมื่อถึงเวลาที่พอจะได้ร่ำเรียนวิชา กรรณะได้พยายามจะเข้าไปศึกษาศิลปวิทยาจากสำนักของโทรณาจารย์ (สำนักเดียวกับเจ้าชายสองตระกูลแห่งหัสตินาปุระเการพและปาณฑพกำลังศึกษาอยู่) แต่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากโทรณาจารย์ไม่สอนวิชาให้แก่คนที่วรรณะต่ำกว่า

เมื่อไร้หนทางที่จะเข้าร่ำเรียนจากที่แห่งนี้ เขาจึงประกาศว่าจะมาอีก และจะมาในฐานะที่เก่งกว่าศิษย์ของโทรณาจารย์ทุกคน (โดยเฉพาะอรชุนศิษย์รักของโทรณาจารย์) กรรณะเดินทางเสาะแสวงหาอาจารย์อื่น จนกระทั่งได้ไปพบกับ ปรศุราม กรรณะจึงได้ปลอมตัวเป็นพราหมณ์เข้าไปศึกษาศิลปวิทยาจากปรศุรามจนแตกฉานหลายอย่าง โดยเฉพาะการยิงธนู

แต่แล้วเมื่อปรศุรามจับได้ว่า กรรณะปลอมตัวเป็นพราหมณ์เพื่อมาร่ำเรียนวิชากับตน จึงขับไล่กรรณะหนีไป พร้อมกับสาปให้กรรณะลืมเวทที่ได้ร่ำเรียนมา เมื่อยามที่ต้องการมากที่สุด กรรณะจึงกราบลาอาจารย์ไปนับแต่นั้น (บางสำนวนกล่าวว่าปรศุรามไม่ได้กีดกันเรื่องชาติกำเนิด แต่รับไม่ได้ที่กรรณะปลอมตัวมาหลอกตนเองเพื่อเรียนวิชา จึงได้เผลอตัวสาปกรรณะไป)

หลังจากที่พี่น้องเการพและปาณฑพร่ำเรียนวิชาสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว ก็เป็นการแสดงวิชาที่ร่ำเรียนมาแก่ราชวงศ์และประชาชนชาวหัสตินาปุระให้ได้ชื่นชมพร้อมกัน แต่ขณะนั้นเองบุรุษผู้ไม่ได้รับเชิญนามว่า กรรณะ ปรากฏตัวขึ้น พร้อมท้าประลองธนูกับเจ้าชายอรชุน แต่ก็ถูกคัดค้าน เนื่องจากการประลองจะต้องเป็นวรรณะกษัตริย์ด้วยกันเท่านั้น ความสามารถของกรรณะถูกกีดกันด้วยชาติกำเนิดอีกครั้ง

สหายร่วมสาบาน

กรรณะ ถูกเยาะเย้ยจากประชาชนและราชวงศ์ (โดยเฉพาะ ภีม พี่รองของพวกปาณฑพ) ตอนนั้น ทุรโยธน์ พี่ใหญ่แห่งตระกูลเการพ ผู้ไม่ถูกกันกับ 5 พี่น้องปาณฑพ จ้องมองเหตุการณ์ทั้งหมด จึงมีความประสงค์จะได้กรรณะมาเป็นพวกของตน เนื่องจากเห็นรัศมีที่เฉิดฉายบนใบหน้าของกรรณะ พร้อมทั้งคาดว่าฝีมือคงไม่ธรรมดาแน่ ถึงได้กล้ามาท้าประลองกับเจ้าชายอรชุน ทุรโยธน์ได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมในการเอากรรณะมาช่วยเหลือตนในการกำจัดพี่น้องปาณฑพ จึงผูกมิตรกับกรรณะ พร้อมกับแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ครองแคว้นอังคะ เมืองขึ้นของหัสตินาปุระ ที่ขณะนั้นยังไร้ราชาปกครอง

เหตุการณ์ในครั้งนั้น กรรณะกับทุรโยธน์จึงเป็นสหายร่วมสาบานกัน กรรณะสาบานว่า จะรับใช้ทุรโยธน์ตราบสิ้นชีวิต ทุรโยธน์เองก็นับว่าเป็นความโชคดีที่ได้มีสหายคู่ใจอย่างกรรณะ หลายครั้งหลายคราที่ทุรโยธน์พยายามลอบทำร้ายพี่น้องปาณฑพด้วยความริษยา แต่ก็บ่อยครั้งที่กรรณะมาห้ามไว้

ข้าศรัทธาในการห้ำหั่นกับศัตรูด้วยวิธีการซึ่งๆ หน้า มากกว่าที่จะใช้ด้วยวิธีเล่ห์กลเพทุบาย ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลใบนี้เราจะเอาชนะและครอบครองได้ก็ด้วยความกล้าหาญเปิดเผย ไม่ใช่ด้วยการใช้เล่ห์กลเพทุบายใดๆ ทั้งนั้น” คำกล่าวของกรรณะ

แต่ทุรโยะน์ก็พยายามวางแผนลอบสังหารพี่น้องตระกูลปาณฑพจนได้ โดยออกอุบายให้พี่น้องเหล่านั้นไปพักที่เมืองใหม่ จากนั้นก็ทำการเผาเมืองนั้นให้วอดวาย โชคดีที่พวกปาณฑพพร้อมนางกุนตีผู้เป็นแม่รู้ทันจึงหนีรอดออกมาได้ หลังจากที่รอดออกมา พวกเขาก็ปลอมตัวเป็นพราหมณ์อาศัยอยู่ในป่า จนกระทั่งต่อมาเป็นพิธีสยุมพรเลือกคู่ของ นางเทราปตี ธิดาแห่งเมืองปัลจาละ [1] กษัตริย์ทั่วทั้งสารทิศเข้าร่วมพิธีนี้กันอย่างมากมาย รวมถึง หัสตินาปุระ (เการพ ปาณฑุ และกรรณะ)

การประลองคือ ผู้เข้าประลองจะต้องยิงธนูให้ถูกตาของปลาจำลองที่แขวนอยู่บนอากาศ ข้างล่างมีแอ่งน้ำอยู่ตรงกลาง ผู้ประลองต้องมองดูปลาจากเงาในแอ่งน้ำนั้น และปล่อยลูกศรให้ถูกตาปลาจำลองที่อยู่บนอากาศ

ผลปรากฏว่ายังไม่มีใครทำได้ แม้เจ้าชายบางคนยังยกธนูยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำ พิธีนี้ พระกฤษณะ [2] แห่งกรุงทวารกาได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย เมื่อถึงเวลาที่กรรณะจะต้องลงไปแสดงฝีมือ เขายกธนูขึ้นสายอย่างง่ายดายพร้อมจะทำการยิง แต่ขณะที่กำลังจะปล่อยลูกศรออกไปสู่เป้า นางเทราปตีกล่าวออกมาว่า “จะไม่ยอมแต่งงานกับลูกสารถี” แม้ตอนนี้กรรณะจะเป็นกษัตริย์ แต่ก็ยังถูกเหยียดหยามเพราะชาติกำเนิดอีกครั้ง และผู้ที่ชนะในพิธีสยุมพรก็คือ เจ้าชายอรชุน คู่ปรับของกรรณะ ซึ่งปลอมตัวมาในรูปพราหมณ์หนุ่ม

จากพิธีสยุมพรในครั้งนั้น เป็นเหตุให้กรรณะกับนางเทราปตีไม่ค่อยจะถูกชะตากัน กรรณะเคยเรียกนางว่าผู้หญิงแพศยาในคราวเล่นสกาที่ฝ่ายปาณฑพแพ้สกา จนต้องถูกเนรทศออกจากป่า และทุหศาสันก็เปลื้องผ้าสาลีของนางเทราปตี สร้างความแค้นเคืองแก่พวกปาณฑพอย่างมาก เรียกได้ว่าการเล่นสกาในครั้งนั้นเป็นเหตุสำคัญแห่งมหาสงครามครั้งยิ่งใหญ่ หลังจากที่ความขัดแย้งของสองสองตระกูลก่อตัวมานาน

ก่อนเกิดศึกมหาสงคราม ณ ทุ่งกุรุเกษตร กรรณะถอดเกราะวิเศษให้พระอินทร์ที่ปลอมตัวเป็นพราหมณ์มาขอ โดยแลกเกราะกับหอกศักติ ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษที่ปลิดชีพคนได้แค่ดอกเดียว แต่ว่าใช้ได้ครั้งเดียว (บางสำนวนกล่าวว่าพระอินทร์นำเกราะไปให้อรชุน เนื่องจากอรชุนเป็นบุตรของกุนตีกับพระอินทร์)

เมื่อครั้งสงครามกำลังก่อตัว นางกุนตีผู้เป็นแม่ ขอร้องให้กรรณะมาอยู่กับฝ่ายปาณฑพ หลังจากนางรู้ว่ากรรณะเป็นบุตรตน แต่กรรณะปฏิเสธเพราะความซื่อสัตย์ที่เขามีต่อทุรโยธน์ “ข้าได้เคยสาบานไปแล้วว่า..ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อทุรโยทน์..แม้สิ่งที่ทำนั้นจะเหมือนกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ข้าก็ยินดี..”

ระหว่างสงครามนั้น กรรณะต้องการจะใช้หอกศักติต่อสู้กับอรชุน แต่ด้วยเล่ห์กลของพระกฤษณะที่ใช้ฆโฎตกัจลูกของภีม ออกอุบายให้มารับคมอาวุธแทนอรชุน กรรณะจึงหมดอาวุธวิเศษที่ใช้งานได้ครั้งเดียวไป กระนั้นเขาก็ไม่เคยหนีศัตรู แต่กลับดาหน้าเข้าห้ำหั่นกับอรชุน ทั้งสองสู้รบกันอย่างดุเดือด ระหว่างรบกับอรชุน ล้อรถรบของกรรณะติดหลุมโคลนไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ จึงขอพักการต่อสู้ และพยายามยกล้อรถให้ขึ้นมา แต่ไม่สามารถขยับล้อรถได้

พระกฤษณะเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะในการสังหารกรรณะ จึงบอกให้อรชุนรีบลงมือสังหารเสียในตอนนี้ เพราะหากสู้กันซึ่งๆ หน้าแล้ว ก็ยากนักที่จะสังหารได้ แม้ว่ากรรณะจะพยายามร่ายเวท แต่ก็ไม่สามารถจำได้ ตามที่ปรศุรามเคยสาปไว้ อรชุนจึงยกคันธนูขึ้นตามคำสั่ง และปล่อยศรเสียบคอของกรรณะ

เรื่องราวการเสียชีวิตของกรรณะจากนั้นมี 2 รูปแบบ หนึ่งคือตายทันทีหลังจากอรชุนยิงศรอันจาลิกา (หัวลูกศรทรงจันทร์เสี้ยว) ตัดศีรษะ หลังสงครามสิ้นสุด นางกุนตีได้เปิดเผยว่ากรรณะคือพี่คนโตของปาณฑพ อีกรูปแบบหนึ่งคือกรรณะนอนรอความตายต่อไป ตอนนั้นสุริยะเทพแปลงกายเป็นขอทานมาหากรรณะที่กำลังจะตาย ขอทานจำแลงขอบริจาคทานจากเขา กรรณะตอบว่า เราหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ไม่มีอะไรจะให้อีกแล้ว ขอทานตอบกลับไปว่า ในปากของเธอมีฟันทองอยู่ นึกได้ดังนั้นกรรณะไม่รีรอ เอาก้อนหินกระแทกปากและเอาฟันทองที่หลุดร่วงให้ขอทานไป สุริยะเทพซึ้งในน้ำใจของกรรณะ และพาเขาขึ้นสวรรค์

กล่าวได้ทั้งชีวิตของกรรณะเขาเป็นคนที่เสียสละค่อนข้างมาก แม้กระทั่งความสุขส่วนตัวเพื่อมิตรภาพ เอาเข้าจริงแล้วเขาจะมีคุณธรรมมากกว่าพวกปาณฑพด้วยซ้ำไป บางครั้งก็มีกล่าวว่ากรรณะเลือกข้างผิดที่ไปเข้ากับทุรโยธน์ ซึ่งผมเองก็ตอบไม่ได้ว่าถูกหรือผิด แต่ก็เป็นธรรมดาที่ฝ่ายชนะนั้นต้องเป็นพระเอก ส่วนผู้แพ้ก็เป็นพวกอธรรมไป

แต่ว่าต่อให้แบ่งฝักแบ่งฝ่ายออกเป็นธรรมะกับอธรรมแค่ไหนก็ตาม วีรบุรุษคนหนึ่งที่ “มหาภารตะ” ปิดบังไม่ได้ถึงความเสียสละอันยิ่งใหญ่นอกจากภีษมะแล้ว ความมีใจสู้เป็นชายชาติทหารและนักรบคนหนึ่งนั้นก็คือกรรณะ

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


เชิงอรรถ :

[1] จะว่าไปแล้ว พิธีสยุมพรในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเจ้าชายอรชุนโดยเฉพาะคงจะไม่ผิดนัก เนื่องจากคนที่เก่งธนูมีสองคนดังที่กล่าวมา นางเทราปตีเองก็ประกาศว่าจะไม่แต่งงานกับลูกสารถี เพราะตนเองรักกับเจ้าชายอรชุนตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นเมื่ออรชุนปรากฏตัวขึ้นในรูปของพราหมณ์ นางก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ผลก็เป็นไปตามคาด อรชุนยิงศรเข้าเป้าสำเร็จ นางเทราปตีจึงได้สมรสกับอรชุน แต่ว่าพี่น้องปาณฑพสัญญาว่ามีอะไรต้องแบ่งปันกัน ฉะนั้นนางเทราปตีจึงได้สมรสกับพี่น้องปาณฑพทั้งห้าคน

[2] พระกฤษณะ อวตารปางที่ 8 ของพระนารายณ์

เอกสารอ้างอิง :

กรุณา-เรืองอุไร กุศลาสัย. (2555).ศึกมหาภารตะ. กรุงเทพ:สยาม.

ปราโมทย์ สกุลรักษ์ความสุข. ความเปรียบเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ในวรรคดียอพระเกียรติสมัยกรุงศรีอยุธยาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น. ปริญญานิพนธ์ศิลปะศาสตรมหาบัณฑิต สาขาภาษาไทย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 2554.

ปีเตอร์ บรุค เขียน จักรกฤษณ์ ดวงพัตรา แปล. (2544). บทละครแปล = The Mahabharata : a play based upon the Indian classic epic. กรุงเทพฯ : อมรินทร์.

วีระ ธีรภัทร. (2553). เรื่องเล่าจากมหากาพย์ มหาภารตะ เล่ม 4 ตอนอวสานสงคราม ทุ่งกุรุเกษตร. กรุงเทพ : โรนิน.

พิสุทธิ์พงศ์ เอ็นดู. (2556). อินเดีย : เรื่องเล่าจากมหาภารตะนคร. ปทุมธานี : บ้านฟ้าตะวัน.

ซีรีย์ มหาภารตะ ทางช่อง 5

Why Karna Deserved More Respect Than Other Warriors In The Mahabharata เว็บไซต์ เข้าถึงได้ที่ http://allindiaroundup.com/news/why-karna-deserved-more-respect-than-other-warriors-in-the-mahabharata/


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 27 ตุลาคม 2561