ที่มา | หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 1 พฤษภาคม 2554 |
---|---|
เผยแพร่ |
ในที่สุดศาลก็มีคําพิพากษาคดีสุดท้าย จากผลงานฆาตกรรมต่อเนื่องของ สมคิด พุ่มพวง หรือ ‘คิด เดอะริปเปอร์’
นายสมคิด ถูกตํารวจจับกุมเมื่อปลายปี 2548 หลังก่อเหตุฆ่าหมอนวดและนักร้องคาเฟ่เสียชีวิต 5 รายซ้อนในเวลาเพียงไม่กี่เดือน อัยการสั่งฟ้องแยกเป็น 5 คดี
ก่อนหน้านี้ศาลมีคําพิพากษาไปแล้ว 4 คดี ลงโทษทั้งจําคุกตลอดชีวิต และประหารชีวิต!!!
และล่าสุดศาลอาญามีคําพิพากษาคดีที่ 5 ซึ่งเป็นคดีสุดท้าย ให้ประหารชีวิตจําเลยก่อนลดโทษเหลือจําคุกตลอดชีวิต
เปิดแฟ้มคําพิพากษา
นายสมคิดถูกตํารวจกองปราบปรามจับกุมเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2548 หลังก่อเหตุฆ่าหมอนวดและนักร้องถึง 5 รายซ้อน ช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2548 โดยเดินสายก่อเหตุในพื้นที่อีสานและเหนือ รวมทั้งภาคใต้
เหยื่อประกอบด้วย น.ส.วารุณี พิมพะบุตร ท้องที่ จ.มุกดาหาร, น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย ท้องที่ จ.ลำปาง, น.ส.พัชรีย์ อมตนิรันดร์ ท้องที่ จ.ตรัง, น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร ท้องที่ จ.อุดรธานี และน.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ ท้องที่ จ.บุรีรัมย์ บางคนเป็นหมอนวดและบางคนเป็นนักร้องคาเฟ่
ทุกศพจะถูกฆ่าด้วยเชือกรัดคอ หรือจับกดน้ำเสียชีวิต ก่อนรื้อค้นทรัพย์สินหลบหนีไป
นายสมคิดให้การรับสารภาพ 4 คดี ยกเว้นคดีฆ่า น.ส.พัชรีย์
ตํารวจและอัยการพิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหาแยกเป็น 5 สํานวน ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมาน โดยกระทําการทารุณโหดร้าย และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
คดีแรกคือฆ่า น.ส.วารุณี ศาลมีคําพิพากษาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2552 ประหารชีวิต ก่อนลดโทษเหลือจําคุกตลอดชีวิต ถัดมาเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2553 พิพากษาประหารชีวิตคดีฆ่า น.ส.สมปอง แต่คําให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษเหลือจําคุกตลอดชีวิต
วันที่ 2 มีนาคม 2553 พิพากษาประหารชีวิตคดีฆ่า น.ส.ผ่องพรรณ และวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลอาญารัชดาภิเษก มีพิพากษาคดีฆ่า น.ส.พัชรีย์ ให้จําคุกตลอดชีวิต
และจากคดีที่แล้วเพียงเดือนเศษ ๆ ศาลอาญาก็นัดอ่านคําพิพากษาในคดีฆ่า น.ส.พรตะวัน หมอนวดแผนโบราณ ที่จ. อุดรธานี
ปิดฉากคดีที่ 5-ฆ่าหมอนวด
คดีนี้พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายสมคิด ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 17-19 มิถุนายน 2548 จําเลยใช้มือบีบคอ น.ส. พรตะวัน หมอนวดแผนโบราณ เสียชีวิตภายในห้องพักโรงแรม จ. อุดรธานี มีเจตนา ฆ่าและลักโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไป
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นพนักงานโรงแรม 4 ปาก ให้การสอดคล้องกันว่า เห็นจําเลยมาเปิดห้องใช้บริการ โดยมาพร้อมกับผู้ตาย และเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2548 จําเลยโทรศัพท์สั่งอาหารมารับประทานที่ห้องพัก และเมื่อนำอาหารมาส่ง พบจําเลยเป็นผู้เปิดประตูห้อง และมีผู้ตายอยู่ในห้องพักด้วย
กระทั่งเวลา 23.00 น. จําเลยและผู้ตายมาใช้บริการที่ห้องคาราโอเกะจนเวลา 01.00 น. มาเรียกเก็บค่าบริการ จําเลยให้เรียกเก็บพร้อมค่าห้องพักในวันเช็กเอาต์ ขณะที่จําเลยอ้างว่าช่วงเวลาเกิดเหตุพบผู้ตายเพื่อเจรจาเรื่องหนี้สิน แต่ปรากฏว่าเจรจาเรื่องหนี้สินกันไม่ได้
ศาลเห็นว่าแม้โจทก์ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ที่จําเลยฆ่าผู้ตาย แต่มีพนักงานโรงแรม 4 คน ที่เห็นจําเลยและผู้ตายมาพักที่โรงแรม ซึ่งสอดคล้องกับที่จําเลยยอมรับว่าเข้าพักที่โรงแรม และพบผู้ตายซึ่งมาด้วยกันตั้งแต่ จ. หนองคาย มายัง จ. อุดรธานี ขณะที่จําเลยรับสารภาพในชั้นสอบสวนด้วย พร้อมนําชี้ที่เกิดเหตุ และแสดงวิธีการฆ่าผู้ตายประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิด
พนักงานโรงแรมก็ไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจําเลยมาก่อน เชื่อว่าเบิกความไปตามที่ได้พบเห็นเหตุการณ์ และหลังเกิดเหตุจําเลยออกจากโรงแรมไปอย่างเร่งรีบ โดยไม่ชําระค่าห้องพัก และค่าบริการอื่น ๆ จึงเชื่อว่ามี พฤติการณ์ที่พยายามจะปกปิดความผิดของตัวเอง ขณะที่จําเลยยังนําโทรศัพท์ของผู้ตายไปจํานําด้วย
“พิพากษาว่าให้ประหารชีวิตฐานฆ่าผู้อื่น และจําคุกเป็นเวลา 3 ปี ฐานลักทรัพย์โดยให้เพิ่มโทษอีก 1 ใน 3 จึงจําคุกฐานลักทรัพย์เป็นเวลา 4 ปี จําเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงมีเหตุบรรเทาโทษ 1 ใน 3 คงจําคุกจําเลยฐานฆ่าผู้อื่นฯ ไว้ตลอดชีวิต และจําคุก 2 ปี 8 เดือนฐานลักทรัพย์ แต่เมื่อรวมลงโทษทุกกรรมแล้วให้จําคุกตลอดชีวิต”
พลิกคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง
คดีฆาตกรรมต่อเนื่องหมอนวดและนักร้องคาเฟ่ในโรงแรมและแมนชั่นให้เช่ารายวัน ซึ่งเป็นคดีสะเทือนขวัญแห่งปี 2548 ในตอนแรกเกือบจะกลายเป็นคดีปริศนาที่หาตัวฆาตกรไม่ได้ โดยเฉพาะ 4 รายแรก เพราะเหยื่อแต่ละรายไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ที่สําคัญถูกฆ่าคนละจังหวัดอีกต่างหาก!??
คดีแรกเกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2548 เหยื่อคือ น.ส.วารุณี พิมพะบุตร นักร้องคาเฟ่ ถูกมัดและกดน้ำเสียชีวิตในห้องพักโรงแรม ต. มุกดาหาร อ. เมือง จ. มุกดาหาร
ถัดมาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย หมอนวดแผนโบราณ พบเป็นศพถูกบีบคอตายคาห้องพัก 604 โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต. สวนดอก อ. เมือง จ. ลําปาง
เหยื่อรายที่ 3 คือ น.ส.พัชรีย์ อมตนิรันดร์ นักร้องคาเฟ่ ถูกรัดคอด้วยสายไฟสิ้นใจตายภายในห้องพัก 505 โรงแรม ต. ทับเที่ยง อ. เมือง จ. ตรัง เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน
รายต่อมาคือ น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร หมอนวด ถูกกดน้ำตายในห้องพัก 1126 โรงแรม อ. เมือง จ. อุดรธานี วันที่ 18 มิถุนายน ปีเดียวกัน
และรายสุดท้ายคือ น.ส.สมปอง
จึงมีตํารวจถึง 4 ท้องที่ต่างคนต่างทําคดีของตัวเอง และเวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ โดยต่างฝ่ายไม่ทราบว่าฆาตกรเป็นรายเดียวกัน!??
จวบจนเกิดคดีฆ่า น.ส.สมปอง ในแมนชั่น อ. เมือง จ. บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2548 ซึ่งเป็นเหยื่อรายที่ 5 ตํารวจได้หลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ระหว่างคนร้ายพาเหยื่อสาวมาเปิดห้องพัก เจ้าหน้าที่จึงส่งภาพกระจายไปหลายโรงพักและในจังหวัดต่าง ๆ
นี่เองกลายเป็นกุญแจไขปริศนาทั้งหมด เมื่อตํารวจเจ้าของ 4 คดีแรกได้รับภาพจากกล้องวงจรปิด และข้อมูลการลงมือของฆาตกรที่ใกล้เคียงกับคดีของตัวเอง จึงนําภาพไปให้พยานในแต่ละคดีดู ทั้งหมดชี้ยืนยันว่าเป็นฆาตกรรายเดียวกัน แต่ใช้คนละชื่อในการเปิดห้องพัก!!?
กองปราบฯ ตามรอยจับ
ด้วยเป็นคดีสะเทือนขวัญได้รับความสนใจจากสังคม และเกิดคนละท้องที่ทําให้ลําบากต่อการประสานงาน ทําให้กองปราบปรามโอนคดีทั้งหมดมาทําเอง
ภาพของคนร้ายที่ปรากฏทําให้ทีมงานส่วนหนึ่งต้องตกใจ เพราะจําได้ว่าคือนายสมคิด พุ่มพวง ที่เคยมาป่วนคดีฆ่านายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ อดีตผู้ว่าฯ ยโสธร ซึ่งกองปราบฯ จับกุม ‘ผู้พันตึ๋ง” พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ กับพวกเมื่อปี 2544
นายสมคิด โผล่มาพบตํารวจอ้างว่าเป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์ โดยคนร้ายเป็นอีกแก๊งหนึ่งไม่ใช่ผู้พันตึ๋ง
แต่ตํารวจสอบไปสอบมาสุดท้ายนายสมคิด สารภาพว่ามีคนจ้างมาให้การเท็จ!??
คดีดังกล่าวตํารวจดําเนินคดีและส่งฟ้องศาล ได้รับโทษจําคุก 6 เดือน
ตํารวจกองปราบฯ คงไม่คาดคิดว่าอีกไม่กี่ปีผ่านไปต้องเวียนมาเจอกับนายสมคิดอีกครั้ง และคราวนี้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีร้ายแรงกว่าครั้งแรกหลายเท่า
เจ้าหน้าที่ตามแกะรอยไปยังบ้านและสถานที่ต่าง ๆ ที่นายสมคิคเคยไปปรากฏตัว พร้อมตรวจหาทรัพย์สินของเหยื่อไปด้วย
กระทั่งวันที่ 29 มิถุนายน 2548 พบข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของเหยื่อรายหนึ่ง ที่ถูกขโมยไปหลังโดนฆาตกรรม โทร.ออกจาก จ.ชัยภูมิ
ตํารวจตามไปและได้เจอตัวนายสมคิดหนีมากบดานอยู่
นายสมคิดสารภาพ 4 คดี อ้างว่าลงมือสังหารเพราะโมโหที่เหยื่อทุกรายซึ่งซื้อบริการมาหลับนอน ขอเพิ่มค่าตัวเลยฆ่าทิ้งให้หายแค้น
แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเขาวางแผนไว้ตั้งแต่แรก เพราะไม่มีงานการเป็นหลักแหล่งอะไร แต่หาเงินด้วยการลวงหมอนวดหรือนักร้องคาเฟ่มาหลับนอน ก่อนฆ่าชิงทรัพย์!!!
หมายเหตุ : คดีทั้ง 5 ถูกศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต การตัดสินในชั้นศาลมีล่าสุดเมื่อปี 2555 และคำพิพากษายืนให้จำคุกตลอดชีวิต นายสมคิดถูกจำคุกตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2548 ที่เรือนจำบางขวาง ต่อมาได้ย้ายไปจำคุกที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย ก่อนถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 เนื่องจากมีความประพฤติดี เรียบร้อย เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม จึงได้รับการลดโทษตามกระบวนการทางกฎหมายมาโดยลำดับ (หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 17 ธันวาคม 2562)
วันที่ 2 เมษายน 2564 ศาลจังหวัดขอนแก่น อ่านคำพิพากษาในคดีฆาตกรต่อเนื่องจากกรณี นายสมคิด พุ่มพวง ก่อคดีฆ่ารัดคอหญิงวัย 51 ปี ชาว อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เหยื่อรายที่ 6 เมื่อปลายปี 2562 ทั้งที่นายสมคิดเพิ่งพ้นโทษจำคุกตลอดชีวิตจากคดีฆ่า 5 ศพ ศาลตัดสินว่า จำเลยมีความผิดจริงตามฟ้อง พิพากษาลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย สั่งลงโทษประหารชีวิต
อ่านเพิ่มเติม :
- ฆาตกรรมชิงทรัพย์เด็กสมัยรัตนโกสินทร์ กับคดี “หนูไก๋” น่าหดหู่ สมัยรัชกาลที่ 5
-
เปิดปมโศกนาฏกรรมสุดพลิกล็อกของชีวิตรัก “นางงาม” เมืองคอน 2479
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 23 ตุลาคม 2563 แก้ไขปรับปรุงในระบบออนไลน์ล่าสุดเมื่อ 2 เมษายน 2565