ย้อนคดีเขย่าขวัญ “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่อง ฉายา “คิด เดอะริปเปอร์”

ผ่านมานานเกือบ 6 ปีเต็ม ในที่สุดศาลก็มีคําพิพากษาคดีสุดท้าย จากผลงานฆาตกรรมต่อเนื่องของ นายสมคิด พุ่มพวง หรือ ‘คิด เดอะริปเปอร์’

นายสมคิด ถูกตํารวจจับกุมเมื่อปลายปี 2548 หลังก่อเหตุฆ่าหมอนวดและนักร้องคาเฟ่เสียชีวิต 5 รายซ้อนในเวลาเพียงไม่กี่เดือน อัยการสั่งฟ้องแยกเป็น 5 คดี

ก่อนหน้านี้ศาลมีคําพิพากษาไปแล้ว 4 คดี ลงโทษทั้งจําคุกตลอดชีวิต และประหารชีวิต!!!

และล่าสุดศาลอาญามีคําพิพากษาคดีที่ 5 ซึ่งเป็นคดีสุดท้าย ให้ประหารชีวิตจําเลยก่อนลดโทษเหลือจําคุกตลอดชีวิต

เปิดแฟ้มคําพิพากษา

นายสมคิดถูกตํารวจกองปราบปรามจับกุมเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2548 หลังก่อเหตุฆ่าหมอนวดและนักร้องถึง 5 รายซ้อน ช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2548 โดยเดินสายก่อเหตุในพื้นที่อีสานและเหนือ รวมทั้งภาคใต้

เหยื่อประกอบด้วย น.ส.วารุณี พิมพะบุตร ท้องที่ จ.มุกดาหาร, น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย ท้องที่ จ.ลำปาง, น.ส.พัชรีย์ อมตนิรันดร์ ท้องที่ จ.ตรัง, น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร ท้องที่ จ.อุดรธานี และน.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ ท้องที่ จ.บุรีรัมย์ บางคนเป็นหมอนวดและบางคนเป็นนักร้องคาเฟ่

ในทุกศพจะถูกฆ่าด้วยเชือกรัดคอ หรือจับกดน้ำเสียชีวิต ก่อนรื้อค้นทรัพย์สินหลบหนีไป

นายสมคิดให้การรับสารภาพ 4 คดี ยกเว้นคดีฆ่า น.ส.พัชรีย์

ตํารวจและอัยการพิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหาแยกเป็น 5 สํานวน ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมาน โดยกระทําการทารุณโหดร้าย และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน

คดีแรกคือฆ่าน.ส.วารุณี ศาลมีคําพิพากษาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2552 ประหารชีวิต ก่อนลดโทษเหลือจําคุกตลอดชีวิต ถัดมาเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2553 พิพากษาประหารชีวิตคดีฆ่า น.ส.สมปอง แต่คําให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษเหลือจําคุกตลอดชีวิต

วันที่ 2 มีนาคม 2553 พิพากษาประหารชีวิตคดีฆ่า น.ส.ผ่องพรรณ และวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลอาญารัชดาภิเษก มีพิพากษาคดีฆ่า น.ส.พัชรีย์ให้จําคุกตลอดชีวิต

และจากคดีที่แล้วเพียงเดือนเศษ ๆ ศาลอาญาก็นัดอ่านคําพิพากษาในคดีฆ่าน.ส.พรตะวัน หมอนวดแผนโบราณ ที่จ.อุดรธานี

นายสมคิด พุ่มพวง ขึ้นศาลในคดีที่ 5 (ภาพจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 1 พฤษภาคม 2554)

ปิดฉากคดีที่ 5-ฆ่าหมอนวด

คดีนี้พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายสมคิด ระบุความผิคสรุปว่า เมื่อวันที่ 17-19 มิถุนายน 2548 จําเลยใช้มือบีบคอ น.ส. พรตะวัน หมอนวดแผนโบราณ เสียชีวิตภายในห้องพักโรงแรม จ.อุดรธานี มีเจตนา ฆ่าและลักโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไป

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นพนักงานโรงแรม 4 ปาก ให้การสอดคล้องกันว่า เห็นจําเลยมาเปิดห้องใช้บริการ โดยมาพร้อมกับผู้ตาย และเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2548 จําเลยโทรศัพท์สั่งอาหารมารับประทานที่ห้องพัก และเมื่อนำอาหารมาส่ง พบจําเลยเป็นผู้เปิดประตูห้อง และมีผู้ตายอยู่ในห้องพักด้วย

กระทั่งเวลา 23.00 น. จําเลยและผู้ตายมาใช้บริการที่ห้องคาราโอเกะจนเวลา 01.00 น. มาเรียกเก็บค่าบริการ จําเลยให้เรียกเก็บพร้อมค่าห้องพักในวันเช็กเอาต์ ขณะที่จําเลยอ้างว่าช่วงเวลาเกิดเหตุพบผู้ตายเพื่อเจรจาเรื่องหนี้สิน แต่ปรากฏว่าเจรจาเรื่องหนี้สินกันไม่ได้

ศาลเห็นว่าแม้โจทก์ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ที่จําเลยฆ่าผู้ตาย แต่มีพนักงานโรงแรม 4 คน ที่เห็นจําเลยและผู้ตายมาพักที่โรงแรม ซึ่งสอดคล้องกับที่จําเลยยอมรับว่าเข้าพักที่โรงแรม และพบผู้ตายซึ่งมาด้วยกันตั้งแต่ จ.หนองคาย มายังจ.อุดรธานี ขณะที่จําเลยรับสารภาพในชั้นสอบสวนด้วย พร้อมนําชี้ที่เกิดเหตุ และแสดงวิธีการฆ่าผู้ตายประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิด

พนักงานโรงแรมก็ไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจําเลยมาก่อน เชื่อว่าเบิกความไปตามที่ได้พบเห็นเหตุการณ์ และหลังเกิดเหตุจําเลยออกจากโรงแรมไปอย่างเร่งรีบ โดยไม่ชําระค่าห้องพัก และค่าบริการอื่น ๆ จึงเชื่อว่ามี พฤติการณ์ที่พยายามจะปกปิดความผิดของตัวเอง ขณะที่จําเลยยังนําโทรศัพท์ของผู้ตายไปจํานําด้วย

ทำแผนฯ ฆ่าชิงทรัพย์ (ภาพจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 1 พฤษภาคม 2554)

“พิพากษาว่าให้ประหารชีวิตฐานฆ่าผู้อื่น และจําคุกเป็นเวลา 3 ปี ฐานลักทรัพย์โดยให้เพิ่มโทษอีก 1 ใน 3 จึงจําคุกฐานลักทรัพย์เป็นเวลา 4 ปี จําเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงมีเหตุบรรเทาโทษ 1 ใน 3 คงจําคุกจําเลยฐานฆ่าผู้อื่นฯ ไว้ตลอดชีวิต และจําคุก 2 ปี 8 เดือนฐานลักทรัพย์ แต่เมื่อรวมลงโทษทุกกรรมแล้วให้จําคุกตลอดชีวิต”

พลิกคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง

คดีฆาตกรรมต่อเนื่องหมอนวดและนักร้องคาเฟ่ในโรงแรมและแมนชั่นให้เช่ารายวัน ซึ่งเป็นคดีสะเทือนขวัญแห่งปี 2548 ในตอนแรกเกือบจะกลายเป็นคดีปริศนาที่หาตัวฆาตกรไม่ได้ โดยเฉพาะ 4 รายแรก เพราะเหยื่อแต่ละรายไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ที่สําคัญถูกฆ่าคนละจังหวัดอีกต่างหาก!??

คดีแรกเกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2548 เหยื่อคือ น.ส.วารุณี พิมพะบุตร นักร้องคาเฟ่ ถูกมัดและกดน้ำเสียชีวิตในห้องพักโรงแรม ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร

ถัดมาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย หมอนวดแผนโบราณ พบเป็นศพถูกบีบคอตายคาห้องพัก 604 โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลําปาง

เหยื่อรายที่ 3 คือ น.ส.พัชรีย์ อมตนิรันดร์ นักร้องคาเฟ่ ถูกรัดคอด้วยสายไฟสิ้นใจตายภายในห้องพัก 505 โรงแรม ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน

รายต่อมาคือ น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร หมอนวด ถูกกดน้ำตายในห้องพัก 1126 โรงแรม อ.เมือง จ.อุดรธานี วันที่ 18 มิถุนายน ปีเดียวกัน

และรายสุดท้ายคือน.ส.สมปอง

จึงมีตํารวจถึง 4 ท้องที่ต่างคนต่างทําคดีของตัวเอง และเวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ โดยต่างฝ่ายไม่ทราบว่าฆาตกรเป็นรายเดียวกัน!??

จวบจนเกิดคดีฆ่าน.ส.สมปอง ในแมนชั่น อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2548 ซึ่งเป็นเหยื่อรายที่ 5 ตํารวจได้หลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ระหว่างคนร้ายพาเหยื่อสาวมาเปิดห้องพัก เจ้าหน้าที่จึงส่งภาพกระจายไปหลายโรงพักและในจังหวัดต่าง ๆ

นี่เองกลายเป็นกุญแจไขปริศนาทั้งหมด เมื่อตํารวจเจ้าของ 4 คดีแรกได้รับภาพจากกล้องวงจรปิด และข้อมูลการลงมือของฆาตกรที่ใกล้เคียงกับคดีของตัวเอง จึงนําภาพไปให้พยานในแต่ละคดีดู ทั้งหมดชี้ยืนยันว่าเป็นฆาตกรรายเดียวกัน แต่ใช้คนละชื่อในการเปิดห้องพัก!!?

ภาพจากกล้องวงจรปิด (ภาพจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 1 พฤษภาคม 2554)

กองปราบฯ ตามรอยจับ

ด้วยเป็นคดีสะเทือนขวัญได้รับความสนใจจากสังคม และเกิดคนละท้องที่ทําให้ลําบากต่อการประสานงาน ทําให้กองปราบปรามโอนคดีทั้งหมดมาทําเอง

ภาพของคนร้ายที่ปรากฏทําให้ทีมงานส่วนหนึ่งต้องตกใจ เพราะจําได้ว่าคือนายสมคิด พุ่มพวง ที่เคยมาป่วนคดีฆ่านายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ อดีตผู้ว่าฯ ยโสธร ซึ่งกองปราบฯ จับกุม ‘ผู้พันตึ๋ง” พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ กับพวกเมื่อปี 2544

นายสมคิด โผล่มาพบตํารวจอ้างว่าเป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์ โดยคนร้ายเป็นอีกแก๊งหนึ่งไม่ใช่ผู้พันตึ๋ง

แต่ตํารวจสอบไปสอบมาสุดท้ายนายสมคิด สารภาพว่ามีคนจ้างมาให้การเท็จ!??

คดีดังกล่าวตํารวจดําเนินคดีและส่งฟ้องศาล ได้รับโทษจําคุก 6 เดือน

ตํารวจกองปราบฯ คงไม่คาดคิดว่าอีกไม่กี่ปีผ่านไปต้องเวียนมาเจอกับนายสมคิดอีกครั้ง และคราวนี้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีร้ายแรงกว่าครั้งแรกหลายเท่า

เจ้าหน้าที่ตามแกะรอยไปยังบ้านและสถานที่ต่าง ๆ ที่นายสมคิคเคยไปปรากฏตัว พร้อมตรวจหาทรัพย์สินของเหยื่อไปด้วย

กระทั่งวันที่ 29 มิถุนายน 2548 พบข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของเหยื่อรายหนึ่ง ที่ถูกขโมยไปหลังโดนฆาตกรรม โทร.ออกจาก จ.ชัยภูมิ

ตํารวจตามไปและได้เจอตัวนายสมคิดหนีมากบดานอยู่

นายสมคิดสารภาพ 4 คดี อ้างว่าลงมือสังหารเพราะโมโหที่เหยื่อทุกรายซึ่งซื้อบริการมาหลับนอน ขอเพิ่มค่าตัวเลยฆ่าทิ้งให้หายแค้น

แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเขาวางแผนไว้ตั้งแต่แรก เพราะไม่มีงานการเป็นหลักแหล่งอะไร แต่หาเงินด้วยการลวงหมอนวดหรือนักร้องคาเฟ่มาหลับนอน ก่อนฆ่าชิงทรัพย์!!!

นายสมคิด พุ่มพวงถูกตำรวจกองปราบฯ จับกุม (ภาพจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 1 พฤษภาคม 2554)

 


หมายเหตุ : คดีทั้ง 5 ถูกศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต การตัดสินในชั้นศาลมีล่าสุดเมื่อปี 2555 และคำพิพากษายืนให้จำคุกตลอดชีวิต นายสมคิดถูกจำคุกตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2548 ที่เรือนจำบางขวาง ต่อมาได้ย้ายไปจำคุกที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย ก่อนถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 เนื่องจากมีความประพฤติดี เรียบร้อย เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม จึงได้รับการลดโทษตามกระบวนการทางกฎหมายมาโดยลำดับ (หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 17 ธันวาคม 2562)

วันที่ 2 เมษายน 2564 ศาลจังหวัดขอนแก่น อ่านคำพิพากษาในคดีฆาตกรต่อเนื่องจากกรณี นายสมคิด พุ่มพวง ก่อคดีฆ่ารัดคอหญิงวัย 51 ปี ชาว อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เหยื่อรายที่ 6 เมื่อปลายปี 2562 ทั้งที่นายสมคิดเพิ่งพ้นโทษจำคุกตลอดชีวิตจากคดีฆ่า 5 ศพ ศาลตัดสินว่า จำเลยมีความผิดจริงตามฟ้อง พิพากษาลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย สั่งลงโทษประหารชีวิต

แก้ไขปรับปรุงเนื้อหาในระบบออนไลน์เมื่อ 23 ตุลาคม 2563