ส่องซ่องโสเภณีถูกกฎหมายในปอมเปอี หลักฐานสถานบริการยุคโรมันสะท้อนวิถีโบราณ

ร่วมเพศ ภาพเขียน ผู้ชาย ผู้หญิง ที่นอน ใน ซ่องโสเภณี ปอมเปอี
ภาพประกอบเนื้อหา - ภาพเขียนสีการร่วมเพศใน Lupanar ซ่องโสเภณี หรือสถานบริการมีชื่อในปอมเปอีที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน ในภาพจะเห็นว่าฝ่ายหญิงคาดบางอย่างบนหน้าอก (ภาพจาก Wikimedia Common ไฟล์ Public Domain)

ซ่องโสเภณี และโสเภณี ที่คนโบราณมักกล่าวกันว่า เป็นกิจการและเป็นอาชีพที่เก่าแก่อันดับต้นๆ ในโลกอาชีพหนึ่ง ประโยคนี้ไม่น่าจะห่างไกลความเป็นจริงนัก หากไปเปิดข้อมูลจากการศึกษาของนักวิชาการที่เจาะลึกเกี่ยวกับ “อาคารขายบริการ” แบบถูกต้องตามกฎหมายแหล่งใหญ่ที่สุดในแถบ “ปอมเปอี”

ในช่วงภูเขาไฟวิซุเวียส (Vesuvius) ระเบิดเมื่อ ค.ศ. 79  ปอมเปอี เป็นเมืองขนาดกลาง ประชากรประมาณ 11,000 ราย มีชุมชนและโครงสร้างสาธารณูปโภคและสถาปัตยกรรมที่รุ่งเรือง แต่ทันทีที่ภูเขาไฟระเบิด ภัยธรรมชาติสร้างความเสียหายและคร่าชีวิตชาวโรมันจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์กันว่า มีผู้เหลือรอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ขณะที่ซากปรักหักพังซึ่งยังหลงเหลืออยู่ยังเป็นหลักฐานที่นักโบราณคดียังคงศึกษากันมาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นที่เล่าลือกันว่า ปอมเปอี ถูกค้นพบร่องรอยในศตวรรษที่ 16 แต่กว่าการขุดค้นจะเริ่มจริงจังก็เข้าในยุคปลายศตวรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่ 18 แล้ว เนื่องจากว่า ผู้ขุดค้นไปเจอภาพเขียนอีโรติกเข้า ในยุคกลางนั้นคงเป็นเรื่องที่น่าตกใจพอสมควร พวกเขาเลยปกปิดมันเอาไว้

หากย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้นการศึกษา เมื่อ ค.ศ. 1862 นักโบราณคดียุคแรกเริ่มต้นขุดค้นอาคารที่เชื่อว่าเป็นแหล่งขายบริการ 2 ชั้น ตั้งอยู่ระหว่างแหล่งการประชุม กับย่านธุรกิจการค้าของปอมเปอี สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งจัดหาบริการทางเพศที่มีทั้งชายและหญิงให้ชายโรมัน เป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงอีกแห่งในปอมเปอี

ภายหลังการตกแต่งใหม่ แหล่งขายบริการแห่งนี้เปิดให้สาธารณะเข้าชมอีกครั้งในปี 2006 หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสบรรยากาศแหล่งหาความสุขทางกายและใจ ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งมีการซื้อขายบริการทางเพศ อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่เสียภาษีด้วยซ้ำ

ซาราห์ เลวิน-ริชาร์ดสัน นักเขียนเจ้าของหนังสือเกี่ยวกับแรงงานทางเพศยุคโบราณในแง่เศรษฐศาสตร์ สังคม ความซับซ้อนทางกฎหมาย ผลงานของเธอรวบรวมภาพกราฟฟิตี้ (graffiti) ภายในแหล่งขายบริการ และข้อความจารึก ซึ่งหลักฐานเหล่านี้บ่งบอกถึงรายละเอียดเล็กน้อยอันเกี่ยวกับกิจการทางเพศ อย่างข้อความที่คนในอาคารจารึกไว้อันแปลความหมายได้ว่า “เมอร์ทิส, คุณดูดได้ดีเลย” (‘Murtis, you suck well’) หรือมีอักษรจารึกชื่อนายจ้างของผู้ขายบริการทางเพศว่า “ฟาเบีย” (‘Hey, mistress Fabia!’)

เป็นเรื่องปกติที่อาคารซึ่งใช้เป็นสถานที่บริการ หรืออาคารที่ถูกใช้เป็นแหล่งขายบริการจะมีภาพเขียนสีเป็นภาพอีโรติกระหว่างชายและหญิง บางอาคารที่ถูกบ่งชี้ว่าอาจใช้เป็นแหล่งขายบริการนั้น นักวิชาการสันนิษฐานว่าภาพเขียนเหล่านี้ใช้เพื่อกระตุ้นอารมณ์ของลูกค้าด้วย ไม่เพียงเท่านั้นในแง่การใช้งานจริงก็อาจถูกใช้งานลักษณะ “เมนู” หรือ “คำแนะนำ” สำหรับลูกค้าที่ยังอ่อนด้อยประสบการณ์ ส่วนภาพเขียนที่ปรากฏในอาคารส่วนตัวทั่วไป ภาพเขียนเหล่านี้น่าจะถูกใช้งานในฐานะภาพตกแต่งสถานที่

ในชีวิตจริงของแรงงานทางเพศ อาคารที่เป็นแหล่งบริการเป็นหลักฐานชั้นดีที่บ่งชี้สภาพความเป็นอยู่ของผู้หญิงที่ทำงานในนั้น พวกเธออาศัยภายใต้สภาพห้องกรง แตกต่างจากภาพเขียนที่ดูมีรสนิยม ขนาดของห้องนั้นน่าจะไม่ใหญ่เกินเตียง

สภาพห้องที่ไม่มีหน้าต่างก็น่าจะสะท้อนสภาพความอึดอัดและขาดแสงอีกต่างหาก หลักฐานที่ขุดพบยังมีทั้งที่เป็นเตียงหิน และเชื่อว่าอาจมีเตียงไม้ แต่น่าจะสูญสลายไปหมดจากความเสียหายเมื่อภูเขาไฟระเบิดเมื่อปี 79 สภาพเหล่านี้ไม่ได้เป็นที่คำนึงถึงของเหล่านายจ้าง เนื่องจากแรงงานทางเพศในอิตาลีโบราณมีสถานะเป็นทาส

แรงงานทางเพศหญิงไม่มีหน้าที่อื่นนอกเหนือจากงานบำเรอบริการทางเพศที่ให้ประโยชน์แก่เจ้านาย พวกเธออยู่ภายใต้การกำกับของผู้ดูแลชายที่ให้สิ่งอำนวยความสะดวกแค่พอประทังชีพเท่านั้น ผู้หญิงยังถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

Marguerite Johnson นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล บรรยายการทำงานของแรงงานทางเพศที่เป็นสตรีซึ่งต้องออกไปหางานบนท้องถนนของปอมเปอี มักจะรออยู่ตามหนทางเดินทั่วไป อาทิ แหล่งอาบน้ำสาธารณะ หรือย่านแถบสุสาน แต่หากเป็นเมืองใหญ่ขึ้นมาหน่อย การดูแลอาจยากขึ้น ผู้หญิงบางคนอาจทำงานโดยไม่มีผู้ชายกำกับ

ปอมเปอี ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเนเปิลส์ และใกล้ท่าเรือ พื้นที่นี้ย่อมมีสภาพการค้าแลกเปลี่ยนที่รุ่งเรืองและมีประชากรที่มีความแตกต่างหลากหลายพอสมควร ความรุ่งเรืองของเมืองและการปรากฏขึ้นของพ่อค้าย่อมนำมาซึ่งตลาดแลกเปลี่ยนการค้าทางเพศ การค้ามนุษย์เพื่อบริการทางเพศเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำหรับเมืองที่ประสบความสำเร็จด้านสังคมโดยเฉพาะในแง่การแต่งงาน

การแต่งงานในยุคนั้น (โดยเฉพาะสำหรับชนชั้นสูง) มักมาจากการตกลงผูกมัดตั้งแต่แรก ฝ่ายสามีก็มักไม่ได้หาความสุขทางเพศจากภรรยา ฝ่ายชายจะจ่ายเงินซื้อความสุขทางเพศเสียมากกว่า การขายบริการไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่การคบชู้ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย นี่จึงเป็นอีกสาเหตุที่มีการจ่ายเงินแลกกับความสุขทางเพศ

ริชาร์ดสัน ยังอธิบายเกี่ยวกับการแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงระดับทางชนชั้นระหว่างเหล่าชาย ในแหล่งขายบริการโบราณ ทาสชายและหญิงมักถูกบรรจุให้ทำงานทางบริการ พวกเขาขายบริการแรงงานทางกายภาพตั้งแต่การร่วมเพศไปจนถึงการโกนขนให้ผู้ซื้อบริการ

ในขณะเดียวกันก็เชื่อได้ว่า ผู้ขายบริการยังถูกคาดหวังว่าต้องสามารถให้บริการทางจิตใจแก่ลูกค้าผ่านการสนทนาพูดคุยกับลูกค้า หรืออาจเขียนอะไรบางอย่างที่ช่วยให้ลูกค้ารื่นรมย์ในทางจิตใจ แต่ในขณะที่ร่างกายของผู้ขายบริการเหล่านี้เชื่อได้ว่าคลับคล้ายกับทาสอื่นๆ ซึ่งถูกทุบตี ทำร้ายร่างกาย, ข่มขืน และอาจถึงขั้นทรมาน

ภาวะของทาสที่ขายบริการในสังคมโรมันโบราณก็ไม่ต่างกับสภาพร่างกายของคนอ่อนแอ พวกเขาถูกตีตราทั้งทางสังคมและกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ลูกค้าที่ซื้อบริการใน ซ่องโสเภณี ไม่ได้ถูกมองในเชิงตีตราแต่อย่างใด

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

Sarah E. Bond. The Brothels of Ancient Pompeii. History Today. Online. Published 10 OCT 2019. Access 10 OCT 2019. <https://www.historytoday.com/reviews/brothels-ancient-pompeii>

Johnson, Marguerite. The grim reality of the brothels of Pompeii. The Conversation. Online. Published 13 DEC 2019. Access 10 OCT 2019. <http://theconversation.com/the-grim-reality-of-the-brothels-of-pompeii-88853>


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 10 ตุลาคม 2562