ผู้เขียน | วิภา จิรภาไพศาล |
---|---|
เผยแพร่ |
สามก๊กเหตุการณ์ในช่วง 90 กว่าปี มีประชากรแค่ 10 กว่าล้าน แต่มีอัจฉริยะบุคคล, สถานการณ์ เป็นกรณีศึกษาเพียบ
ประวัติศาสตร์จีนที่ยาวนานกว่า 4,000 ปี ได้สร้างอัจฉริยบุคคลด้านต่างๆ จํานวนนับไม่ถ้วน ในบรรดาบุคคลเหล่านี้ มีอยู่ 3 ท่านที่ผู้คนรู้จักกันดีที่สุด ได้รับความศรัทธาและการกราบไหว้จากผู้คนนับไม่ถ้วนมานับพันปีนั่นก็คือ ขงจื้อ, กวนอู และขงเบ้ง ซึ่งสองท่านหลังนี้ก็คือบุคคลในยุคสามก๊กนั้นเอง
เมื่อเปรียบเทียบกับยุคสมัยอื่นแล้ว ยุคสามก๊กนับว่าสั้นมาก ถ้านับเฉพาะช่วงสําคัญที่สุดก็เพียง 60 ปีเท่านั้น (นับตั้งแต่โจผีสถาปนาราชวงศ์วุยแทนราชวงศ์ฮั่นใน ค.ศ. 220 จนถึงง่อก๊กล่มสลายใน ค.ศ. 280) หรือ หากจะนับให้กว้างกว่านั้นก็ไม่เกิน 96 ปี (นับตั้งแต่เกิดกบฏโจรโพกผ้าเหลือง ใน ค.ศ.184)
ยุคสามก๊กไม่เพียงเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ยังเป็นยุคที่มีประชากรเบาบางที่สุดในประวัติศาสตร์จีนอีกด้วย ใน ค.ศ.157 รัชศกหย่งโซ่วปีที่ 3 สมัยจักรพรรดิฮว๋านตี้แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออกนั้น ทั่วประเทศจีนมีประชากรมากถึง 56,480,000 คน แต่พอมาถึงยุคสามก๊ก ประชากรทั้งในวุยก๊ก ง่อก๊ก และจ๊กก๊กรวมกันแล้วมีแค่ 13,140,000 คน ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 60 กว่าปี จํานวนประชากรลดลงไปถึง 40 กว่าล้านคน สาเหตุสําคัญก็เพราะสงครามและทุพภิกขภัย
ทว่าในยุคสามก๊กที่มีประชากรเพียง 10 กว่าล้านคน ในช่วงเวลาไม่ถึง 100 ปีนี้ กลับเป็นยุคที่ผู้คนสนใจอย่างมาก
เหตุผลนั้นนอกจากจะเป็นเพราะเสน่ห์ความอัจฉริยะของกวนอูและ ขงเบ้ง บวกกับความสามารถของหลอกว้านจงที่เขียนวรรณกรรมสามก๊กได้อย่างถึงพริกถึงขิงแล้ว ยังเป็นเพราะยุคสามก๊กอันยิ่งใหญ่นี้เปิดโอกาสให้ผู้มีฝีมือได้ออกมาแสดงความสามารถกันอย่างเต็มที่อีกด้วย
จ้าวอี้ นักประวัติศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่สมัยราชวงศ์ชิง ได้กล่าวไว้ในหนังสือ บันทึกคําวิจารณ์พงศาวดาร 22 ชุด ว่า
“ยุคสามก๊กมีอัจฉริยบุคคลมากที่สุด และเหล่าผู้นําสามก๊กล้วนรู้จักใช้คน”
คําพูดเพียงประโยคเดียวก็อธิบายลักษณะเด่นที่สุด ของยุคสามก๊กได้อย่างชัดเจน
ความจริงแล้ว เมื่อพูดถึงผู้ที่มีความสามารถในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเมือง การทหาร เศรษฐกิจ วรรณกรรม คุณธรรม สติปัญญา หรือด้านอื่นๆ ก็ล้วนปรากฏอยู่ในยุคสามก๊กทั้งสิ้น ยุคสามก๊กนี้นับว่าเป็นยุคทองของบรรดาบุคคลผู้ประสบความสําเร็จ ไม่ว่าจะเป็นผู้กล้าหาญ ผู้ถือมั่นในสัจธรรม ผู้พลีชีพเพื่อชาติ ผู้มีปัญญาเฉียบแหลม ผู้มีบารมีสูงส่ง ผู้เป็นอัจฉริยะ และผู้ยิ่งใหญ่ระดับชาติ อีกทั้งยังมีคุณภาพสูงและมีจํานวนมาก ยากจะหาได้ในประวัติศาสตร์จีนยุคอื่นๆ
เมื่อกล่าวถึงอัจฉริยบุคคลทางด้านการเมืองแล้ว โจโฉ เล่าปี่ และซุนกวน ล้วนเป็นผู้นําที่ครองใจผู้คน เพราะพวกเขาดิ้นรนจนสามารถสถาปนารัฐและนํามาซึ่งความสงบร่มเย็น นําพาบ้านเมืองให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างดี โจโฉกับเล่าปี่เป็นวีรบุรุษที่ตั้งตัวจากศูนย์เหมือนกัน โจโฉกวาดล้างวีรบุรุษจากทั่วทุกสารทิศ ยุติความวุ่นวายและความแตกแยกของบ้านเมือง รวมภาคเหนือเป็นปึกแผ่นได้สําเร็จ ส่วนเล่าปี่รวมเกงจิ๋วและเอ๊กจิ๋วแล้วสถาปนาจ๊กก๊ก ซึ่งสามารถคานอํานาจกับวุยก๊กและง่อก๊กสองมหาอํานาจในขณะนั้นได้ สําหรับซุนกวน แม้จะเป็นผู้สืบทอดอํานาจจากบิดาและพี่ชาย แต่ก็สามารถบริหารกังตั๋งทั้งที่อายุยังน้อย ครองอํานาจทางตะวันออกเฉียงใต้ มีกําลังต้านสองเสือเฒ่าอย่างโจโฉและเล่าปี่
แต่ที่น่าแปลกคือ ประวัติศาสตร์ได้สร้างเวทีแก่สามวีรบุรุษนี้ให้มีพลังอํานาจอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็สร้างพวกเขาให้เป็นคู่แข่งในการแย่งชิงอํานาจกันและกัน เนื่องจากทั้งสามไม่มีใครเหนือกว่าใคร ดังนั้นทั้งสามจึงทําให้เกิดสถานการณ์สามขั้วอํานาจ และนี่ก็เป็นสาเหตุสําคัญที่ทําให้ยุคสามก๊กเป็นยุคที่มีสีสันที่สุด ตราตรึงใจคนที่สุด และยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นเอง
เมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์จีน ยังไม่เคยปรากฏสถานการณ์ ในยุคใดที่มียอดวีรบุรุษถึงสามคนมาแก่งแย่งกันเองดังเช่นในสามก๊กเลย ไม่เชื่อก็ลองพิจารณาจากจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ดูว่าท่านได้สร้างบ้านแปงเมืองและรวบรวมอํานาจไว้ได้อย่างไร
จิ๋นซีฮ่องเต้ ผู้นับว่าเป็นมหาจักรพรรดิ แต่ต้องอาศัยการสั่งสมอํานาจ เป็นกี่ร้อยปี กี่ชั่วอายุคน กว่าจะได้เป็นรัฐแข็งแกร่งเพียงหนึ่งเดียวที่ปราบอีกหกรัฐผู้อ่อนแอ ใช้กําลังเข้าสลายหกรัฐได้อย่างง่ายดาย
หลิวปัง ปฐมจักรพรรดิผู้สถาปนาราชวงศ์ฮั่น ไม่เอาไหนทั้งบู๊และบุ๋น แต่เขาเป็นคนมีโชคลาภและดวงแข็ง ไม่เพียงรอดตายมาหลายครั้ง แต่สวรรค์ยังได้ประทานสามวีรบุรุษมหัศจรรย์แห่งยุคให้เขา ได้แก่ หานซิน จางเหลียง และเซียวเหอ ใช้กําลัง 1 ต่อ 4 เข้าทําศึกกับเซี่ยงอวี่ผู้โดดเดี่ยวที่กล้าหาญการรบแต่ไร้กลยุทธ์ หนําซ้ำยังพลาดท่าครั้งแล้วครั้งเล่า
หลี่ซื่อหมิน (จักรพรรดิถังไท่จง) แม้ฉลาดหลักแหลมเป็นที่สุด แต่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างหลี่มี่ เซียวเสี่ยน หวังชื่อชง โต้วเจี้ยนเต๋อ เป็นต้น ล้วนไม่อาจครองใจประชาชนและไม่ได้มีความสามารถเหนือผู้อื่น คนเหล่านี้จึงเป็นได้เพียงตัวประกอบยิบย่อยเท่านั้น ไม่มีทางต่อกรกับหลี่ซื่อหมินได้เลย
สาเหตุสําคัญที่ทําให้ยุคสามก๊กเป็นสุดยอดแห่งยุคสมัยก็คือการ ก่อร่างสร้างตัวและการรู้จักใช้คนของสามวีรบุรุษอย่างโจโฉ เล่าปี่ และซุนกวน อีกทั้งการใช้กลอุบายในการต่อสู้ทั้งแบบซึ่งหน้าและลับหลังอย่างมีชั้นเชิง
นอกจากนี้ขงเบ้งกับกวนอูยังเป็นอีกสองบุคคลสําคัญผู้ผลักดันให้สามก๊กรู้จักแพร่หลายมากที่สุด ขงเบ้งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เปี่ยมคุณธรรม สติปัญญา และความสามารถ เขาได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสติปัญญาอันเฉียบแหลมมาเป็นเวลาช้านาน ส่วนกวนอูก็เป็นดั่งต้นแบบแม่ทัพจีน เนื่องจากกอปรด้วยความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ คุณธรรม ทั้งยังเชี่ยวชาญในการรบดังสมญานามเทพ ดังนั้น ยุคสามก๊ก แม้จะมีโจโฉ เล่าปี่ และซุนกวน แต่หากขาดสองคนนี้แล้วก็คงขาดสีสันไปไม่น้อย
เมื่อกล่าวถึงแม่ทัพผู้อัจฉริยะ นอกจากยุคจั๋นกัวแล้ว ก็คงยากจะหา วีรบุรุษจํานวนมากที่สุขุมลุ่มลึก สรวลเสเฮฮาได้ท่ามกลางเปลวเพลิงสมรภูมิ ทั้งยังอยู่ในยุคสมัยเดียวกันดังเช่นยุคสามก๊กนี้
ในศึกผาแดง จิวยี่ใช้ทหารเพียงสามหมื่นนายทําลายกองทัพนับแสนนายของโจโฉซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในขณะนั้นได้ เหตุการณ์นี้ส่งผลให้แผ่นดินจีนแตกเป็นสามขั้วอํานาจในเวลาต่อมา และจิวยี่ก็กลายเป็นบุคคลผู้มีผลงาน ที่ได้รับการกล่าวขวัญยกย่องยาวนานนับพันปี, ลิบองก็ใช้ทหารเก่งประดุจเทพ หลายครั้งที่ทําให้ข้าศึกสยบได้โดยไม่ต้องสู้รบ สุดท้ายยังยึดเกงจิ๋วกลับคืนมาให้ง่อก๊กได้ ทําให้ซุนกวนครองอํานาจในกังตั๋งได้อย่างมั่นคง, ลกซุน สามารถทําศึกอย่างรู้เขารู้เรา คุมคนได้โดยที่ไม่ถูกคุมเอง เขาโจมตีกองทัพเล่าปี่จนราบคาบในศึกอิเหลง ทําให้จ๊กก๊กซึ่งกําลังอยู่ในยุคเฟื่องฟูต้องถึงจุดตกต่ำ ฯลฯ
ผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศนั้นนับว่าเป็นลักษณะเด่นของยุคสามก๊ก เช่นเดียวกับอัจฉริยะทางทหาร ที่นอกจากยุคจั้นกั๋วแล้ว ไม่เคยปรากฏยุคสมัยใดที่ผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศจํานวนมากมารวมตัวกันอยู่ในยุคสั้น ๆ เช่นนี้มาก่อน ที่เห็นได้ชัดย่อมเป็นขงเบ้ง นอกจากนี้ก็ยังมี บังทอง หวดเจ้ง จอสิว เตียนห้อง จิวยี่ โลซก ลิบอง ลกซุน ลกข้อง ซุนฮก ซุนฮิว เล่าหัว กุยแก กาเซี่ยง เจียวเจ้ เทียหยก สุมาอี้ บุคคลเหล่านี้ล้วนสามารถเป็นมหาอํามาตย์ให้ประเทศชาติได้ทั้งสิ้น
เหตุที่สามก๊กยิ่งใหญ่และสะดุดใจผู้คนไม่ได้มีเพียงแค่นี้ เพราะในยุคสมัยที่บ้านเมืองวุ่นวายและยากลําบากเช่นนั้น บุคคลในยุคสามก๊ก ยังคงองอาจห้าวหาญ เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อความถูกต้องอย่างไม่เกรงกลัวความตาย แสดงให้เห็นถึงที่สุดของจริยธรรมอันสูงส่ง ที่สุดของปณิธานอันบริสุทธิ์ ที่สุดของความกล้าหาญอันแน่วแน่ ที่สุดของคุณธรรมอันน่าประทับใจที่สุดของกลอุบายอันสุขุมลุ่มลึกและเฉียบแหลม กระทั่งที่สุดของยอดขุนพลผู้กล้าหาญ สิ่งเหล่านี้ได้สร้างสรรค์ต้นแบบและจารึกตํานานเรื่องแล้วเรื่องเล่า กลายมาเป็นประวัติศาสตร์สามก๊กที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและดึงดูดผู้อ่านได้เป็นอย่างดี
ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับบุคคลในยุคสามก๊ก เอ่ยถึงทีไรก็สนุกสนาน เพลิดเพลินทุกครั้ง
กล่าวถึงแม่ทัพผู้กล้าหาญ ลิโป้ กวนอู เตียวหุย จูล่ง ม้าเฉียว เตียวเลี้ยว โจหยิน กําเหลง บุนเอ๋ง ฯลฯ ที่สามารถรับมือข้าศึกเรือนหมื่น
กล่าวถึงผู้มีคุณธรรมสูงส่ง ได้แก่ ก่วนหนิง ปิ่งหยวน เตียนติ๋ว อองสิ้ว อ้วนฮวน และจางฟ่าน
กล่าวถึงอัจฉริยะระดับชาติ ได้แก่ ขงเบ้ง บังทอง ซุนฮก ซุนฮิว จิวยี่ โลซก ลิบอง ลกซุน และลกข้อง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทําให้สามก๊กล้ำเลิศและสะเทือนใจคน ไม่ใช่เพียงเพราะบุคคลที่ฝากชื่อเสียงอันดีงามไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เหล่านี้เท่านั้น แม้แต่ประชาชนระดับรากหญ้า ทหารชั้นผู้น้อย หรือสาวน้อยในหอห้องก็ล้วนมีวีรกรรมที่โดดเด่น ไม่เพียงแค่นี้ นอกจากตั้งโต๊ะ ซุนโฮ ลิฉุย กุยกี ลิอี้แล้ว ยุคสามก๊กแทบจะไม่มีผู้ที่เลวทรามต่ำช้าจนไม่อาจให้อภัยเลย ทําให้ผู้คนชมไม่ขาดปากว่าคนในยุคสามก๊กมีรูปแบบการครองตนที่สูงส่ง
หากจะพูดถึงวีรบุรุษในสามก๊กและประวัติศาสตร์สามก๊ก สามวัน สามคืนก็พูดไม่จบ
ผู้อ่านจํานวนมากที่ได้อ่านวรรณกรรม สามก๊กของหลอกว้านจง แล้วหลงใหลบุคคลและเรื่องราวในสามก๊ก เมื่ออายุมากขึ้นและหูตากว้างไกลขึ้น จึงพบว่ามีเหตุการณ์ที่ไม่เป็น ตรรกะหรือดูเป็นแทพนิยายมากเกินไปในหนังสือเล่มนี้ เช่นเรื่อง “กวนอูสังหารฮัวหยง” “ขงเบ้งใช้เรือฟางยืมลูกเกาทัณฑ์” “ยืมลมตะวันออก” “จิวยี่กระอักเลือด” “เกิดจิวยี่ไยต้องเกิดขงเบ้ง” รวมถึงตัวตนที่แท้จริงของโจโฉ จิวยี่ และโลซก
เมื่อเกิดข้อสงสัย ผู้เขียนจึงหันไปอ่านจดหมายเหตุสามก๊กของเฉินโซ่วเพื่อหาคําตอบ และได้พบว่าวรรณกรรมสามก๊กของหลอกว้านจงนั้น มีหลายจุดที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในประวัติศาสตร์
โดยเฉพาะการยกย่องกวนอู ขงเบ้ง และเล่าปี่มากเกินไป ขณะเดียวกันก็ใส่ร้ายป้ายสี โจโฉ จิวยี่ โลซก และคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก เพราะความจริงแม้ขงเบ้งจะมีสติปัญญาเหนือคนทั่วไป เพียบพร้อมด้วยความสามารถและคุณธรรม มีคุณลักษณะราวกับเทพเทวดา แต่ก็ใช่จะเป็นเทวดาที่ทําได้ทุกเรื่องไป
กวนอูกับเล่าปีเป็นวีรบุรุษชั้นแนวหน้าในประวัติศาสตร์จีน แต่ก็ใช่ว่าดีเลิศสมบูรณ์ ไร้ที่ติ ที่ไร้เหตุผล ยิ่งกว่านั้นคือเขียนให้โจโฉเป็นตัวโกง คือกังฉินโฉด ชั่วช้า สามานย์ จิวยี่กลับเป็นแค่คนธรรมดาสามัญที่ใจคอคับแคบ ไร้ความสามารถ ให้ขงเบ้งปั่นหัวเล่น โลซกกลับกลายเป็นคนดีที่หูหนาตาบอด อย่างไรก็ตาม ตัวจริงของโจโฉนั้นเป็นคนธรรมดาสามัญคนหนึ่งซึ่งมีทั้งด้านเมืดและด้านสว่างปะปนกัน
จิวยี่เป็นบุรุษผู้มีพร้อมทั้งสติปัญญาและคุณธรรมที่พบได้ยากใน ประวัติศาสตร์จีน ถือได้ว่ารวมข้อดีทุกอย่างไว้ในคนคนเดียว ไม่เพียงเป็นบุรุษที่สง่างาม แต่ยังเก่งกล้าสามารถ ด้านบุ๋นคือช่ำชองท่วงทํานองดนตรี ด้านบู๊คือชํานาญการใช้ทหาร และที่หาได้ยากยิ่งกว่าคือแม้จะมีผลงานมากมาย และตําแหน่งใหญ่โต แต่ไม่ได้ทําตัวเย่อหยิ่งหรือใช้อํานาจบาตรใหญ่ต่อเบื้องบนเขาจงรักภักดี ต่อเบื้องล่างเขามีความเมตตา แม้แต่เทียเภาซึ่งเป็นขุนศึกเก่าที่ไม่เชื่อฟังเขาอย่างมาก ยังชื่นชมเขาด้วยความเลื่อมใสศรัทธาว่า
“คบกับจิวยี่ก็เหมือนการร่ำสุรา ดื่มไปก็เมาโดยไม่รู้ตัว”
หากไร้ซึ่งจิวยี่ในศึกผาแดง โจโฉก็คงรวมประเทศสําเร็จไปแล้ว ไหนเลยจะมีวรรณกรรมสามก๊ก
สามก๊กได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานจวบจนปัจจุบัน เพราะเมื่ออ่านแยกแยะอะไรถูกผิด อะไรคือมิตรแท้ อะไรคือบุคลิกที่พึงประสงค์ อะไรคือแบบแผน อะไรคือความกล้าหาญ เพียงคำถามไม่กี่ข้อนี้ เรื่องราวในประวัติศาสตร์สามก๊กก็สามารถเป็นอาจารย์สอนเราได้แล้ว
ข้อมูลจาก
หลี่อันสือ. สงครามสามก๊ก 26 ยุทธวิธีสู่ชัยชนะ, สนพ.มติชน 2558
หลี่อันสือ. วีรบุรุษสมาก๊ก 27 ขุนศึกผู้เป็นเลิศ, สนพ.มติชน 2560
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 25 ธันวาคม 2561