“ชุดว่ายน้ำ” ในประวัติศาสตร์การโชว์เนื้อหนังมังสาเพื่อกิจกรรมเกี่ยวกับน้ำ

ผู้เข้าร่วมประกวดความงามสวมชุด "บิกินี" (Bikini) โดย Louis Réard ภาพถ่ายเมื่อ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 1946 ในปารีส ภาพจาก AFP

มนุษย์เป็นสัตว์บก หายใจด้วยอากาศบนพื้นผิวโลก ฉะนั้นการว่ายน้ำหรือใช้ชีวิตอยูในน้ำจึงมิใช่ธรรมชาติ ในทางตรงกันข้ามมันเป็นอันตรายด้วยซ้ำ แต่มนุษย์จำต้องดำรงชีพด้วย “น้ำ” อย่างน้อย 70% ในร่างกายมนุษย์ก็เป็นน้ำล่ะ

หลักฐานทางประวัติศาสตร์-โบราณคดีก่อนยุคอาณาจักรโรมันล่มสลาย ไม่ปรากฏบันทึกว่าผู้คนบนโลกนิยมการว่ายน้ำ ส่วนการ “อาบน้ำ” นั้นรู้จักกันดีแล้ว และผู้คนส่วนหนึ่งเชื่อว่า “น้ำแร่” เป็นยาบำบัดรักษาโรคอย่างหนึ่งเช่นเดียวกับการนั่งแช่ตัวในน้ำทะเล

ความนิยมอาบน้ำทะเลเริ่มต้นขึ้นที่ประเทศอังกฤษในสมัยพระเจ้าจอร์จที่ 3 ซึ่งประชวรด้วยโรครูมาติก และหมอหลวงถวายคำแนะนำให้พระองค์ทรงแช่และบริหารร่างกายในน้ำทะเล และตั้งแต่นั้นพสกนิกรชาวอังกฤษก็แห่แหนลงทะเล รักษาอาการเจ็บไข้ตามไปด้วย จุดนี้เองเป็นต้นกำเนิดให้มีการคิดค้นเสื้ออาบน้ำ (Bathing Suits) ที่เหมาะสมขึ้นมา แต่นั่นก็มิใช่ต้นกำเนิดที่แท้จริงของแฟชั่นชุดว่ายน้ำ

ต้นคริสตศตวรรษที่ 20 สตรียุโรปนิยมชมชอบการมีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ให้ความสำคัญค่อนข้างสูงกับทรวดทรงที่ได้สัดส่วน อกเป็นอก เอวเป็นเอว เพื่อตอบสนองกับแฟชั่นเสื้อผ้ารัดรูปที่เน้นให้เห็นสรีระของผู้สวมใส่ นัยว่าเพื่ออวดเสน่ห์ที่ซ่อนเร้นของหญิงสาว

แน่นอน สตรีที่จะมีรูปร่างงดงามได้ย่อมต้องรักษาสุขภาพและบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอถูกต้อง กีฬาว่ายน้ำได้รับการยอมรับกว้างขวางว่าเป็นวิธีการออกกำลังกายเพื่อรักษาทรวดทรงที่ดีของหญิงสาว แต่สตรีส่วนใหญ่ก็ยังใจไม่ถึงพอที่จะอวดเนื้อหนังมังสาเต็มตาคนอื่น ชุดอาบน้ำยุคเริ่มแรกนี้จึงเป็นชุดทรงเครื่องสำหรับเดินเล่นชายทะเลมากกว่าจะใส่ว่ายน้ำกันจริงจัง เพราะยังเป็นชุดกระโปรงยาว เสื้อคอสูงแขนยาว เพียงแต่มีกางเกงยาวเย็บติดกับเสื้อท่อนบนเป็นตัวใน พอถึงเวลาลงน้ำก็ถอดเสื้อตัวนอกออกเป็นใช้ได้

กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1 ระเบิดและเสร็จสิ้นลงด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำข้าวยากหมากแพงทั่วโลก สตรีที่เคยอยู่เหย้าเฝ้าเรือน ต้องออกมาช่วยครอบครัวทำงานหาเลี้ยงชีพตัวเป็นเกลียว เสื้อผ้าสำหรับสวมใส่แบบกรุยกรายหรูหรา หลายชิ้นในตัวเดียวเริ่มเปลี่ยนมาเป็นเสื้อผ้าแบบเรียบ ใช้ผ้าตัดเย็บในปริมาณน้อย รูปทรงง่าย ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ระบาดมาถึงการออกแบบเสื้อว่ายน้ำด้วย

ปี 1913 หนังสือโวค เป็นผู้เริ่มแนะนำวิธีการออกแบบตัดเย็บเสื้ออาบน้ำเก๋ ๆ ด้วยตนเอง ลักษณะของแบบเสื้อเป็นโครงง่าย ๆ รูปทรงตันเป็นแท่งสี่เหลี่ยม คอกว้าง เริ่มใช้เนื้อผ้าเบาแทนผ้าเนื้อหนักรุ่นเก่า มีสีสันเพิ่มมากขึ้นไปจากสีมาตรฐานเดิมก่อนสงครามโลกคือ สีดำ น้ำตาล น้ำเงินเข้ม

ปี 1920 เสื้อสำหรับสวมใส่อาบน้ำทะเลเริ่มกลายเป็นแขนงหนึ่งของเสื้อผ้าแฟชั่นอย่างแท้จริง เมื่อผู้คนทั่วทุกมุมโลกเริ่มเดินทางท่องเที่ยวกันอีกครั้งหลังจากถูกสภาวะสงครามโลก (ค.ศ. 1914 – 1918) ปิดกั้นมิให้เดินทางไกล ๆ มานานปี แหล่งท่องเที่ยวชายทะเลทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศสเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในภูมิภาคยุโรป ขณะที่ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแถบลองบีช แคลิฟอร์เนีย เป็นศูนย์กลางในทวีปอเมริกา

การประกวดประชันเสื้ออาบน้ำอย่างเป็นแฟชั่นจริงจังเริ่มต้นขึ้น โดยมีดาราฮอลลีวู้ดและสาวสังคมปารีสเป็นผู้จุดประกายความกล้าในการสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น แรก ๆ นั้นแทบจะเกิดสงครามแฟชั่นเสื้อผ้าขึ้นมาเลยทีเดียว เป็นสงครามระหว่างการสวมใส่เสื้อผ้าแบบประเพณีนิยมเพื่อปกป้องร่างกาย กับการเปิดเผยเนื้อหนังมังสา

ระหว่างปี 1914 – 1940 สงครามความคิดในเรื่องการเปิดเผยเนื้อหนังมังสากับแฟชั่นเสื้อผ้าระหว่างฝ่ายหัวก้าวหน้ากับฝ่ายอนุรักษ์นิยมเป็นการปะทะสังสรรค์ที่สนุกอย่างยิ่ง และบทสรุปสุดท้ายของมันคือผ้าน้อยชิ้นที่สุด รัดรูปที่สุด เปิดเผยเนื้อหนังมากที่สุดเป็นฝ่ายกำชัยในห้วงเวลาสั้น ๆ เพียง 1 ศตวรรษ

วิวัฒนาการของแฟชั่นชุดว่ายน้ำเป็นสื่อสะท้อนภาพสังคมที่กระชับ ชัดเจนตามปริมาณเนื้อผ้าอย่างไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ

 


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 30 กันยายน 2561