รู้จัก “วัวต่าง” กับวิถีชีวิตทางเหนือ ทำไมถึงเรียกว่า “วัวต่าง”?

วัวต่าง
วัวต่าง (ภาพจาก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน)

“วัวต่าง” ไม่ได้มีลักษณะต่างจากวัวทั่วไปแต่อย่างใด เพียงแต่เติมคำว่า “ต่าง” ต่อท้าย  พจนานุกรมฉบับมติชนอธิบายคำว่า “ต่าง” 1. เป็นคำกริยา บรรทุก, ขนย้าย 2. คำนามแปลว่าภาชนะทรงกระบอกปากผายก้นสอบเล็กน้อย ใช้บรรจุสิ่งของเพื่อการขนย้ายด้วยสัตว์์ มักใช้เป็นคู่หรือสองข้าง 3. คำวิเศษณ์ ใช้ประกอบชื่อสัตว์พาหนะที่ทำหน้าที่บรรทุก เช่น วัวต่าง, ม้าต่าง  ฯลฯ

ในประเทศไทย พื้นที่ที่นิยมใช้วัวต่างมากที่คือ ภาคเหนือ เรื่องการใช้วัวต่างเป็นพาหนะค้าขายนี้มีการทำวิจัยไว้อย่างสนใจโดย ชูสิทธิ์ ชูชาติ

วัวต่าง
วัวต่างทางเหนือของไทย (ภาพจาก หนังสือพ่อค้าวัวต่างฯ ของ ชูสิทธิ์ ชูชาติ)

เขาทำวิจัยและตีพิมพ์เป็นผลงานชื่อ “รายงานวิจัยเรื่อง พ่อค้าวัวต่าง ผู้บุกเบิกการค้าขายในหมู่บ้านภาคเหนือของประเทศไทย (พ.ศ. 2398-2503)” (ศูนย์ศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่น, 2545) และ เขียนเป็นบทความชื่อ “พ่อค้าวัวต่าง ผู้บุกเบิกการค้าขายในหมู่บ้านภาคเหนือ” (ศิลปวัฒนธรรม, ก.ย.2546) ซึ่งขอสรุปเนื้อหามาเพียงบางส่วนให้ได้เห็นภาพการเดินทางค่้า

เริ่มจากว่าทำไมต้องเป็น “วัว” สัตว์อื่นสามารถใช้งานได้หรือไม่

แม้สัตว์อื่นที่ใช้แรงงานในบ้านเราอย่าง ช้าง, ม้า, วัว, ควาย จะใช้บรรทุกสิ่งของ และผู้คนได้เหมือนกัน แต่ช้าง-ใช้เฉพาะเจ้านาย, ขุนนาง และบุคคลที่ร่ำรวยเท่านั้น ส่วนช้างมีราคาแพง ม้า-ไม่เป็นที่นิยมใช้ มีการใช้อยู่บ้างสำหรับคนไทยลื้อ ควาย-เป็นสัตว์ที่ชอบน้ำ และทนต่อสภาพอากาศแห้งแล้งได้ไม่ดี

วัวที่ใช้เป็นวัวต่าง ก็คือวัวที่ใช้ไถนา จะเป็นวัวตัวผู้หรือตัวเมียก็ได้ วัวต่าง 1 ตัวรับน้ำหนักได้ประมาณ 40-60 กิโลกรัม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของวัว, ระยะทาง และความกันดารของเส้นทางที่ใช้ วัวต่าง 1 ตัวเดินทางได้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง/วัน ด้วยความเร็วประมาณ 3 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในวันหนึ่งเดินทางได้ประมาณ 15-18 กิโลเมตร

แผนที่ แสดง เส้นทาง วัวต่าง
แผนที่แสดงเส้นทางวัวต่าง (เฉพาะที่สำคัญ) ในภาคเหนือของประเศไทย (ภาพจาก หนังสือพ่อค้าวัวต่างฯ ของชูสิทธิ์ ชูชาติ)

ด้วยสภาพภูมิประเทศของภาคเหนือประกอบด้วยป่าไม้, ภูเขา, หุบเขา และมีสัตว์ป่านานาชนิด การเดินทางจึงต้องรวมกันเป็นหมู่พวก เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการเดินทาง

ใน 1 กองคาราวานจึงประกอบด้วย นายฮ้อย (พ่อค้าวัวต่าง) ประมาณ 3-4 คน แต่ละคนมีวัวต่างประมาณ 10-60 ตัวขึ้นกับฐานะของแต่ละบุคคล โดยวัวต่างทุกๆ 10 ตัว ต้องมีคนควบคุม 1 คน ซึ่งส่วนมากมักเป็นญาติพี่น้องของพ่อค้าวัวต่าง

คาราวานวัวต่างนำสินค้าหายาก เช่น เกลือทะเล, เกลือสินเธาว์, น้ำมันก๊าด, ไม้ขีดไฟ ฯลฯ มาจำหน่ายในหมู่บ้าน และนำสินค่าของแต่ละหมู่บ้าน เช่น ข้าว, เขาสัตว์,หนังสัตว์, ขี้ผึ้ง, ยาสูบ ฯลฯ ไปขายในเมือง

กองคาราวานวัวต่างค่อยลดบทบาทลงไปเรื่อยเมื่อมีการสร้างถนนสายต่างๆ ในภาคเหนือ การบรรทุกสินค้าเปลี่ยนเป็นรถยนต์ และปิดฉากลงโดยสิ้นเชิงใน พ.ศ. 2520 เมื่อถนนสายเชียงใหม่-เชียงรายสร้างเสร็จ

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 27 มิถุนายน 2561