ผู้เขียน | วิภา จิรภาไพศาล |
---|---|
เผยแพร่ |
ปัจจุบันการคมนาคมระบบรางของจีน คือ “รถไฟจีน” ติด 1 ใน 3 รถไฟที่เร็วที่สุดของโลก ที่ทำให้การเดินทางของผู้คน, สินค้า และผลิตผลการเกษตร เป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายขึ้น แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อแรกมีรถไฟในประเทศจีนเมื่อ 160 ปีก่อน รับรองว่าได้อึ้งไปตามๆ กัน
เพราะนี่คือประเทศที่ “ใช้ม้า” ลากรถไฟ แทน “หัวรถจักร”
รถไฟจีน
ค.ศ. 1825 ทางรถไฟสายแรกของโลกเปิดใช้งานในประเทศอังกฤษ ด้วยความยาว 27 กิโลเมตร หลังจากนั้นก็ค่อยกระจายไปสู่ทวีปอเมริกาเหนือแพร่ไปถึงยุโรปภาคพื้นทวีป และภูมิภาคอื่นในโลก รวมทั้งประเทศจีน
เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1865 พ่อค้าชาวอังกฤษได้สร้างทางรถไฟสายหนึ่งยาว 0.5 กิโลเมตร บริเวณด้านนอกของประตูเมืองเสวียนอู่เหมินในกรุงปักกิ่ง การทดลองเดินรถไฟดังกล่าว เหล่าขุนนางราชสำนักชิงเห็นตรงกันว่า รถไฟนั้นแล่นเร็วราวกับเหาะ ของประหลาดนี้ทำให้ตกใจหวาดผวา และลงท้ายด้วยคำสั่งให้ “รื้อทิ้ง”
ค.ศ. 1876 บริษัทจาร์ติน แมทเธอสัน ของอังกฤษ สร้างทางรถไฟสายซงฮู่ แต่เมื่อเปิดเดินรถก็มีเสียงคัดค้านไม่ขาดสาย เมื่อเกิดเหตุรถไฟวิ่งทับคนเสียชีวิต ยิ่งทําให้คนกลัวรถไฟมากขึ้น หลังเปิดใช้ไปครึ่งปี รัฐบาลชิงยอมจ่ายเงิน 2.85 แสนตำลึง ไถ่ซื้อทางรถไฟสายนี้ และ “รื้อทิ้ง” ทั้งหมด หัวรถจักรและตู้รถไฟทั้งหมดถูกนำไปทิ้งลงแม่น้ำ

ค.ศ. 1874 ญี่ปุ่นบุกรุกไต้หวัน สถานการณ์ทางทะเลเข้าขั้นวิกฤต ค.ศ. 1876 ข้าหลวงมณฑลฝูเจี้ยน ถวายฎีกาแด่จักรพรรดิและทูลว่า ไต้หวันอยู่ห่างไกล มีเพียงการสร้างทางรถไฟและสายไฟฟ้าเท่านั้นที่จะสามารถป้องกันศัตรูภายนอก และสร้างความสงบสุขให้คนในประเทศ แม้ราชสํานักชิงเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ แต่งบประมาณไม่เพียงพอ จึงไม่ได้ดำเนินการใดๆ
ค.ศ. 1880 ขุนนางหัวก้าวหน้าถวายฎีกาเรื่องสร้างทางรถไฟอีกครั้ง เขาเชื่อว่าการสร้างทางรถไฟไปเมืองต่างๆ จะทําให้ประเทศเข้มแข็งได้ แต่ว่าถูกกลุ่มขุนนางหัวโบราณโจมตี และชี้โทษภัยของทางรถไฟ เช่น ทําลายระบบขนส่งเดิมๆ อย่างรถและเรือ, ทําลายพื้นที่การเกษตร ฯลฯ
รถไฟ หรือ ปีศาจ
แต่โทษของรถไฟที่เกินคาดมาจาก หลิวซีหง-ราชเลขาธิการที่ว่า “รถไฟถือเป็นสิ่งอัปมงคล” เพราะการสร้างทางรถไฟที่ต้องเจาะภูเขาทำอุโมงค์ทะลุ หรือสร้างสะพานข้ามแม่น้ำลําธาร เป็นการรบกวนเจ้าป่าเจ้าเขาและพญามังกร ทําให้เทพเจ้าโกรธเคืองได้ และจะนํามาซึ่งภัยพิบัติรุนแรง
ในปีเดียวกันนี้ เหมืองแร่ที่เมืองไคผิงใกล้เปิดดําเนินการ หน่วยกิจการเหมืองแร่จึงเสนอให้สร้างทางรถไฟสายถังซาน-ซวีเก้อจวง เพื่อขนส่งถ่านหิน ด้วยเส้นทางที่จะสร้างค่อนข้างสั้น และอยู่ไกลจากเมืองหลวงกรุงปักกิ่ง ราชสํานักชิงจึงอนุมัติให้สร้างได้ แต่เมื่อเริ่มการก่อสร้าง กลุ่มขุนนางหัวโบราณลุกขึ้นประท้วงเช่นเคย

สุดท้ายจาก “ทางรถไฟ” จึงต้องเปลี่ยนเป็น “ขุดคลอง” เพื่อขนส่งแทน แต่พื้นที่บริเวณเหมืองมีลักษณะสูงชัน น้ำไหลขึ้นไปไม่ได้ หน่วยกิจการเหมืองแร่จึงขออนุมัติสร้างทางรถไฟอีกครั้ง และเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคัดค้าน จึงชี้แจงในฎีกาอย่างชัดเจนว่าจะใช้ “ม้าลากหัวขบวน” ที่สุดก็ได้รับการอนุมัติอย่างฝืนใจ
ทางรถไฟสายถังซาน-ซวีเก้อจวง ระยะทางยาว 9.7 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 1.1 แสนตําลึง เปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1881 แต่หลังเปิดใช้ได้ไม่นาน กลุ่มขุนนางหัวโบราณก็ก่อเรื่องทันทีว่า ขบวนรถไฟทําให้บริเวณสุสานหลวงของบูรพจักรพรรดิชิงต้องสั่นสะเทือน หน่วยกิจการเหมืองแร่ถูกโจมว่าหลอกลวงเบื้องสูง ราชสํานักชิงสั่งตรวจสอบ ก่อนระงับโครงการ
จากนั้นไม่นาน ช่างเทคนิคของโรงซ่อมทางรถไฟซวีเก้อจวงลงมือออกแบบ และดัดแปลงหม้อและเตาที่ทิ้งแล้วมาเป็นเครื่องจักรไอน้ำรถไฟ คนงานช่วยกันสลักรูปมังกรไว้บนหัวขบวนรถไฟ แล้วเรียกรถไฟขบวนนี้ว่า “รถไฟมังกร” เพื่อปิดปากกลุ่มขุนนางหัวโบราณ
เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1882 การทดลองโดยสาร “รถไฟมังกร” เกิดขึ้นและจบลงด้วยดี สรุปได้ว่า “มังกร” เยียวยาทุกสิ่ง ไม่เช่นนั้นวันนี้การรถไฟจีนคงไม่มีรถไฟความเร็วสูง
อ่านเพิ่มเติม :
- ขุนนางยุคก่อนปฏิวัติ คุย “รถไฟสยาม” เจ๋งกว่า “รถไฟอังกฤษ” ในดินแดนอาณานิคม
- นโยบายสร้างชาติของจอมพล ป. “รถไฟต้องมา”
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
เส้าหย่ง, หวังไท่เผิง เขียน, กำพล ปิยะศิริกุล แปล, หลังสิ้นบัลลังก์มังกร ประวัติศาสตร์จีนยุคเปลี่ยนผ่าน, สำนักพิมพ์มติชน, ตุลาคม 2560
เผยแพร่ในระบบออนไลนครั้งแรกเมื่อ 18 มีนาคม 2568