
ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
การเจรจาสงบศึก ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ด้วยทูต และสาส์น ความพยายามที่ไม่สำเร็จตั้งแต่แรกคิด!?
เมื่อกองทัพพม่าเปิดฉากโจมตีกรุงศรีอยุธยา กระทั่งรุกไล่แล้วเข้าล้อมเมืองทุกทิศทุกทาง พร้อมเปิดฉากยิงปืนใหญ่ถล่มพระนครนั้น ทำให้สถานการณ์คับขันถึงที่สุด จนเป็นเหตุให้ขุนนางกรุงศรีอยุธยาปรึกษาหารือที่จะขอเจรจาสงบศึกกับเนเมียวสีหบดีแม่ทัพพม่า
ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาส่งตัวแทนคือ พระยากลาโหม ไปเจรจากับฝ่ายพม่า ดังที่พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา บันทึกว่า
“กรุงเทพมหานครศรีอยุธยา กับกรุงรัตนปุระอังวะ ก็ร่วมสโมสรสามัคคีรส เป็นพระราชสัมพันธมิตรไมตรีสุวรรณปัถพีทองแผ่นเดียวกันมาแต่ก่อน มิได้เคยเป็นปัจจานึกแก่กัน บัดนี้มีมูลเหตุแห่งเภทนาธิกรณ์เกิดร้าวรานเป็นประการใด พระเจ้าอังวะผู้เป็นอิสราธิปไตยในพุกามประเทศทิศอัษฎงค์จึงส่งพยุหโยธาทัพ มากระทำวิหิงสาการแก่พระนครศรีอยุธยา ฝ่ายปราจีนทิศประเทศเขตสยาม ให้ได้ความร้อนอกสมณพราหมณาประชาราษฎรทั้งปวงดังนี้”
เนเมียวสีหบดีตอบกลับขุนนางกรุงศรีอยุธยา ตามความในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ว่า
“แต่ก่อนพระนครศรีอยุธยาเคยถวายสุวรรณหิรัญบุปผาบรรณาการแก่กรุงหงสาวดีมาตราบเท่าถึงกรุงอังวะได้เป็นใหญ่ บัดนี้กรุงไทยตั้งแข็งเมืองมิได้ไปอ่อนน้อมยอมออกแก่กรุงอังวะ ละขนบธรรมเนียมบูรพประเพณีเสีย พระเจ้ากรุงอังวะจึงให้ยกกองทัพมาตีเอาเป็นเมืองออกเหมือนอย่างแต่ก่อน”

นอกจากจะเจรจาผ่านทางทูตแล้ว ในมหาราชวงษ์พงษาวดารพม่า มีบันทึกถึงการเจรจาผ่านสาส์นอีกด้วย โดยฝ่ายกรุงศรีอยุธยามีสาส์นว่า
“หนังสือเราพระยาสุรเทพ พระมนตรีผู้เป็นมหาจัตุรงค์บรินายก ดุจจักรแก้วอันประดิษฐานใต้เบื้องบงกชเรณุมาศพระบาทสมเด็จพระบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว กรุงเทพทวารวดีศรีอยุทธยา อันประกอบด้วยบุญญาธิการเป็นอันมาก มีเสวตร์กุญชรเผือกขาวแดงด่างหลายช้าง มาถึงผู้เปนมหาจัตุรงค์บรินายก ซึ่งประกอบด้วยปัญญาวิริยะสูรสัตติ
ด้วยบัดนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวกรุงรัตนบุระอังวะ ซึ่งพระองค์ประกอบด้วยเสวตร์กุญชรเผือกขาว แดงด่าง หลายช้าง แลประกอบด้วยบ่อแก้วบ่อทองเป็นพื้นเมือง มีพระบรมราชโองการให้พวกท่านยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุทธยานั้น ก็มิได้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด ตั้งแต่แผ่นดินพระเจ้าปู่ทวด แลจนแผ่นดินพระเจ้าปู่นั้นมาก็เผื่อแผ่ผูกราชสัมพันธมิตรไมตรีร่วมสามัคคีรศธรรมเป็นสุวรรณปถพีเดียวกันอันสนิท มิได้ร้าวฉานจนถึงพระเจ้าแผ่นดินเราทุกวันนี้
ซึ่งข้างเรามิได้เอาเครื่องราชบรรณาการแลช้างศรีต้นมงคล แลม้าศรีต้นมงคลไปถวายแด่ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทสมเด็จพระเจ้ากรุงอังวะนั้น เพราะรามัญประเทศเป็นขบถขวางทางอยู่มิได้ไปถวาย
เพราะฉนั้นบัดนี้เราจะจัดถวายช้างศรีต้นมงคล ม้าศรีต้นมงคล กับเครื่องราชบรรณาการตามอย่างตามธรรมเนียมเดีม”
ฝ่ายพม่ามีสาส์นตอบกลับว่า
“แจ้งความมายังอมาตย์เสนาบดีอยุทธยาทั้งหลายทราบ ด้วยพระเจ้าช้างเผือกผู้มีบุญญาธิการผ่านพิภพกรุงรัตนบุระอังวะ มีพระบรมราชโองการให้พวกเราผู้เป็นข้าของพระองค์ยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุทธยานั้น
บัดนี้กรุงทั้ง 2 ได้กระทำยุทธนากันอุบประมาเปรียบเหมือนคันชั่งอันตรงข้างหนึ่งใส่กล่ำหนึ่ง ข้างหนึ่งใส่ซึ่งหนึ่งน้ำหนักผิดกันนัก ซึ่งท่านมีสารมาว่าจะถวายพระราชบุตรีบุตรา แลช้างศรีต้นมงคล แลม้าศรีต้นมงคล แลเครื่องราชบรรณาการนั้นท่านจงเอาไว้เมื่อภายหลังเถีด เวลานี้ขอท่านส่งปืนใหญ่สองพี่น้องให้แก่เราก่อน หรือท่านหยากจะยุทธตรองดูฝีมืออิก ให้ท่านจัดพลทหารที่มีฝีมือมา 1,000 คน ฝ่ายเราจะจัดพลทหารแต่ร้อยเดียวออกจับพลทหารท่านหรือท่านจะจัดมาหมื่นคนเราจะจัดแต่เพียงพันคนออกตีกองทัพท่านให้แตกยับเยีนไป”
ทว่า สมเด็จพระเจ้าเอกทัศมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการเจรจาสงบศึกครั้งนี้ว่า “อ้ายพม่าเจรจาโกหกเอาเปล่า ๆ ความหาจริงไม่”
อย่างไรก็ดี เรื่องการจะมอบพระราชบุตร พระราชธิดา ช้างศรีมงคล ม้าศรีมงคลนั้น ไม่ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารไทย
การเจรจาสงบศึกเหล่านี้ ดูเหมือนจะเป็นความพยายามของฝ่ายกรุงศรีอยุธยาที่ไม่น่าจะสำเร็จผลแต่แรก เพราะฝ่ายพม่ากำลังได้เปรียบในการสงครามอย่างมาก ขณะที่ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ขีดสุด
การเจรจาต่อรองใด ๆ ก็คงไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะทำให้ฝ่ายพม่าพอใจ

อ่านเพิ่มเติม :
- ชะตากรรมเจ้าหญิงอยุธยาหลังกรุงแตก ย้อนบันทึกพม่าที่น่าสลดใจ
- หลังกรุงแตกครั้งที่ 2 “ไทย” พัฒนาตัวเองอย่างไรให้กลับมาเหนือ “พม่า” ?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ปรามินทร์ เครือทอง. SHUTDOWN กรุงศรี. กรุงเทพฯ : มติชน, 2558
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 17 มกราคม 2568