การเจรจาสงบศึก ก่อนเสียกรุงศรีฯ ครั้งที่ 2

กองทัพพม่า โจมตี กรุงศรีอยุธยา แม่ทัพพม่า ยุทธการคีมหนีบ เสียกรุงฯ ครั้งที่ 2 การเจรจาสงบศึก
ภาพประกอบเนื้อหา - (ซ้าย) ภาพจิตรกรรมแสดงเหตุการณ์กองทัพพม่าโจมตีกรุงศรีอยุธยา สมัยเสียกรุงครั้งที่ 2 จากอนุสรณ์สถานแห่งชาติ (ขวา) แม่ทัพพม่า (ภาพจาก Wikimedia Commons)

การเจรจาสงบศึก ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ด้วยทูต และสาส์น ความพยายามที่ไม่สำเร็จตั้งแต่แรกคิด!?

เมื่อกองทัพพม่าเปิดฉากโจมตีกรุงศรีอยุธยา กระทั่งรุกไล่แล้วเข้าล้อมเมืองทุกทิศทุกทาง พร้อมเปิดฉากยิงปืนใหญ่ถล่มพระนครนั้น ทำให้สถานการณ์คับขันถึงที่สุด จนเป็นเหตุให้ขุนนางกรุงศรีอยุธยาปรึกษาหารือที่จะขอเจรจาสงบศึกกับเนเมียวสีหบดีแม่ทัพพม่า 

ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาส่งตัวแทนคือ พระยากลาโหม ไปเจรจากับฝ่ายพม่า ดังที่พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา บันทึกว่า

“กรุงเทพมหานครศรีอยุธยา กับกรุงรัตนปุระอังวะ ก็ร่วมสโมสรสามัคคีรส เป็นพระราชสัมพันธมิตรไมตรีสุวรรณปัถพีทองแผ่นเดียวกันมาแต่ก่อน มิได้เคยเป็นปัจจานึกแก่กัน บัดนี้มีมูลเหตุแห่งเภทนาธิกรณ์เกิดร้าวรานเป็นประการใด พระเจ้าอังวะผู้เป็นอิสราธิปไตยในพุกามประเทศทิศอัษฎงค์จึงส่งพยุหโยธาทัพ มากระทำวิหิงสาการแก่พระนครศรีอยุธยา ฝ่ายปราจีนทิศประเทศเขตสยาม ให้ได้ความร้อนอกสมณพราหมณาประชาราษฎรทั้งปวงดังนี้”

เนเมียวสีหบดีตอบกลับขุนนางกรุงศรีอยุธยา ตามความในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ว่า

“แต่ก่อนพระนครศรีอยุธยาเคยถวายสุวรรณหิรัญบุปผาบรรณาการแก่กรุงหงสาวดีมาตราบเท่าถึงกรุงอังวะได้เป็นใหญ่ บัดนี้กรุงไทยตั้งแข็งเมืองมิได้ไปอ่อนน้อมยอมออกแก่กรุงอังวะ ละขนบธรรมเนียมบูรพประเพณีเสีย พระเจ้ากรุงอังวะจึงให้ยกกองทัพมาตีเอาเป็นเมืองออกเหมือนอย่างแต่ก่อน”

กองทัพพม่า โจมตี กรุงศรีอยุธยา สมัย พระเจ้าเอกทัศ
ภาพจิตรกรรมแสดงเหตุการณ์กองทัพพม่าโจมตีกรุงศรีอยุธยา สมัยเสียกรุงครั้งที่ 2 จากอนุสรณ์สถานแห่งชาติ

นอกจากจะเจรจาผ่านทางทูตแล้ว ในมหาราชวงษ์พงษาวดารพม่า มีบันทึกถึงการเจรจาผ่านสาส์นอีกด้วย โดยฝ่ายกรุงศรีอยุธยามีสาส์นว่า

“หนังสือเราพระยาสุรเทพ พระมนตรีผู้เป็นมหาจัตุรงค์บรินายก ดุจจักรแก้วอันประดิษฐานใต้เบื้องบงกชเรณุมาศพระบาทสมเด็จพระบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว กรุงเทพทวารวดีศรีอยุทธยา อันประกอบด้วยบุญญาธิการเป็นอันมาก มีเสวตร์กุญชรเผือกขาวแดงด่างหลายช้าง มาถึงผู้เปนมหาจัตุรงค์บรินายก ซึ่งประกอบด้วยปัญญาวิริยะสูรสัตติ

ด้วยบัดนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวกรุงรัตนบุระอังวะ ซึ่งพระองค์ประกอบด้วยเสวตร์กุญชรเผือกขาว แดงด่าง หลายช้าง แลประกอบด้วยบ่อแก้วบ่อทองเป็นพื้นเมือง มีพระบรมราชโองการให้พวกท่านยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุทธยานั้น ก็มิได้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด ตั้งแต่แผ่นดินพระเจ้าปู่ทวด แลจนแผ่นดินพระเจ้าปู่นั้นมาก็เผื่อแผ่ผูกราชสัมพันธมิตรไมตรีร่วมสามัคคีรศธรรมเป็นสุวรรณปถพีเดียวกันอันสนิท มิได้ร้าวฉานจนถึงพระเจ้าแผ่นดินเราทุกวันนี้ 

ซึ่งข้างเรามิได้เอาเครื่องราชบรรณาการแลช้างศรีต้นมงคล แลม้าศรีต้นมงคลไปถวายแด่ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทสมเด็จพระเจ้ากรุงอังวะนั้น เพราะรามัญประเทศเป็นขบถขวางทางอยู่มิได้ไปถวาย 

เพราะฉนั้นบัดนี้เราจะจัดถวายช้างศรีต้นมงคล ม้าศรีต้นมงคล กับเครื่องราชบรรณาการตามอย่างตามธรรมเนียมเดีม”

ฝ่ายพม่ามีสาส์นตอบกลับว่า

“แจ้งความมายังอมาตย์เสนาบดีอยุทธยาทั้งหลายทราบ ด้วยพระเจ้าช้างเผือกผู้มีบุญญาธิการผ่านพิภพกรุงรัตนบุระอังวะ มีพระบรมราชโองการให้พวกเราผู้เป็นข้าของพระองค์ยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุทธยานั้น

บัดนี้กรุงทั้ง 2 ได้กระทำยุทธนากันอุบประมาเปรียบเหมือนคันชั่งอันตรงข้างหนึ่งใส่กล่ำหนึ่ง ข้างหนึ่งใส่ซึ่งหนึ่งน้ำหนักผิดกันนัก ซึ่งท่านมีสารมาว่าจะถวายพระราชบุตรีบุตรา แลช้างศรีต้นมงคล แลม้าศรีต้นมงคล แลเครื่องราชบรรณาการนั้นท่านจงเอาไว้เมื่อภายหลังเถีด เวลานี้ขอท่านส่งปืนใหญ่สองพี่น้องให้แก่เราก่อน หรือท่านหยากจะยุทธตรองดูฝีมืออิก ให้ท่านจัดพลทหารที่มีฝีมือมา 1,000 คน ฝ่ายเราจะจัดพลทหารแต่ร้อยเดียวออกจับพลทหารท่านหรือท่านจะจัดมาหมื่นคนเราจะจัดแต่เพียงพันคนออกตีกองทัพท่านให้แตกยับเยีนไป”

ทว่า สมเด็จพระเจ้าเอกทัศมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการเจรจาสงบศึกครั้งนี้ว่า “อ้ายพม่าเจรจาโกหกเอาเปล่า ๆ ความหาจริงไม่”

อย่างไรก็ดี เรื่องการจะมอบพระราชบุตร พระราชธิดา ช้างศรีมงคล ม้าศรีมงคลนั้น ไม่ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารไทย

การเจรจาสงบศึกเหล่านี้ ดูเหมือนจะเป็นความพยายามของฝ่ายกรุงศรีอยุธยาที่ไม่น่าจะสำเร็จผลแต่แรก เพราะฝ่ายพม่ากำลังได้เปรียบในการสงครามอย่างมาก ขณะที่ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ขีดสุด 

การเจรจาต่อรองใด ๆ ก็คงไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะทำให้ฝ่ายพม่าพอใจ

ภาพวาดลายเส้นซากโบราณสถานปรักหักพังที่อยุธยา (สันนิษฐานว่าคือวัดพระราม) (ภาพจาก หนังสือ : Siam the land of the white elephant)

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

ปรามินทร์ เครือทอง. SHUTDOWN กรุงศรี. กรุงเทพฯ : มติชน, 2558


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 17 มกราคม 2568