ผู้เขียน | วิภา จิรภาไพศาล |
---|---|
เผยแพร่ |
ปกติ “ป้ายทะเบียนรถ” ของไทย หากเป็นในกรุงเทพฯ ออกโดยกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ในส่วนภูมิภาคออกโดยสำนักงานขนส่งจังหวัดนั้นๆ ยกเว้น “อำเภอเบตง” จังหวัดยะลา อำเภอเพียงหนึ่งเดียวของไทย ที่มี “ป้ายทะเบียน” เป็นของตัวเองมาอย่างยาวนานเกือบ 100 ปี
ป้ายทะเบียน “เบตง”
ป้ายทะเบียนทั่วไปมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดและสีแตกต่างไปตามประเภทรถ ถ้าเป็นป้ายทะเบียนรถยนต์ ข้อความในป้ายทะเบียนจะมีอยู่ 2 บรรทัด โดย “บรรทัดบน” เป็นทะเบียนรถ ที่ใช้อักษรไทย และเลขอารบิก ส่วน “บรรทัดล่าง” เป็นชื่อจังหวัดที่รถคันนั้นๆ จดทะเบียน

แต่ ป้ายทะเบียน “เบตง” บรรทัดล่างจะเขียนชื่ออำเภอแทนว่า “เบตง”
เพราะ อ. เบตง จ. ยะลา เป็นอำเภอเดียวในไทย ที่ได้รับอนุญาตให้รับจดทะเบียนรถได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา สาขาอำเภอเบตง โดยป้ายทะเบียนที่ได้ใช้ชื่ออำเภอแทนชื่อจังหวัด
เหตุเกิดเมื่อเกือบ 100 ปีก่อน
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ดำรงตำแหน่ง 1 ต.ค. 2561-30 ก.ย. 2562) กล่าวถึงที่มาเรื่องนี้ว่า ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจาก อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เป็นอำเภอที่อยู่ในหุบเขา มีเส้นทางคดเคี้ยว ทั้งระยะทางยังห่างจากตัวอำเภอเมืองจังหวัดยะลากว่า 140 กิโลเมตร ในอดีตการมาขอทะเบียนรถหรือต่อทะเบียนจึงเป็นไปด้วยความลำบาก
ดังนั้น ตั้งแต่ปี 2469 ทางการจึงได้มีประกาศแก้ไขเพิ่มเติมของกระทรวงมหาดไทย ให้สำนักขนส่งจังหวัดยะลา สาขา อ. เบตง สามารถรับจดทะเบียนรถเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยไม่ต้องมาจดทะเบียนที่สำนักขนส่งจังหวัดยะลา
อนึ่ง แม้ทุกวันนี้การคมนาคมต่างๆ จะสะดวกรวดเร็วกว่าแต่ก่อน หากสำนักขนส่งจังหวัดยะลา สาขา อ. เบตง ก็ยังคงออกทะเบียนรถเช่นเดิม กฎหมายเกี่ยวกับป้ายทะเบียนรถปัจจุบันก็ยังมี “ข้อยกเว้น” สำหรับป้ายทะเบียนเบตง

อ่านเพิ่มเติม :
- กว่าจะมี “รถบรรทุก” ปรากฏในไทยครั้งแรก ย้อนอดีตยุคก่อนรถยนต์วิ่งว่อน ต้องผ่านอะไรมาบ้าง
- เจาะลึก “กราบรถ” ในวัฒนธรรมไทย หลักฐานทางคติชนแง่พิธีกรรม-ความเชื่อเรื่องพาหนะ
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
เพจสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา
“ป้ายเบตง 20 ล้าน วิ่ง กทม. เท่” ใน, นสพ.เดลินิวส์ พฤหัสบดี 8 สิงหาคม 2562.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 25 ธันวาคม 2567