ช้างเผือกรัชกาลที่ 1-7 มีจำนวนกี่ช้าง?

ช้างเผือก รัชกาลที่ 7 ช้างเผือกรัชกาลที่ 1-7 ช้างไทย
“พระเศวตคชเดชน์ดิลก” ช้างเผือกในรัชกาลที่ 7 (ภาพ : Wikimedia Commons)

“ช้างเผือก” ถือเป็นช้างมงคล เป็นศรีแก่เมือง ในอดีตเชื่อกันว่าหากพระมหากษัตริย์พระองค์ใดมีช้างเผือกในครอบครองมากก็หมายถึงทรงมีพระบุญญาบารมีมาก แล้วในอดีต ช้างเผือกรัชกาลที่ 1-7 มีจำนวนกี่ช้าง?

ช้างเผือกรัชกาลที่ 1-7

หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล (ท่านหญิงพูน) พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเล่าถึงเรื่องช้างเผือกไว้ในพระนิพนธ์ “สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น” ว่า ช้างเผือกมีลักษณะที่เรียกว่า “ขาวบริสุทธิ์” 5 ประการ คือ ตาขาว ขนขาว เล็บขาว เพศขาว และหางขาว ส่วนช้างที่ไม่มีลักษณะครบถ้วน 5 ประการนี้ จะเรียกว่า ช้างสีประหลาด และทรงบันทึกถึงช้างเผือกรัชกาลที่ 1-7 ว่า

รัชกาลที่ 1 ทรงได้ช้างเผือก 2 ช้าง ช้างสีประหลาด 8 เชือก

รัชกาลที่ 2 ทรงได้ช้างเผือกเอกติดกันถึง 3 ช้าง จึงทรงได้พระนามตามราษฎรเรียกว่า “พระเจ้าช้างเผือก” และธงเรือรบหลวงจึงเริ่มใช้ตรารูปช้างเผือกขึ้นในรัชกาลนี้ นอกจากนี้ ยังทรงได้ช้างสีประหลาด 3 เชือก

รัชกาลที่ 3 ทรงมีแต่ช้างสีประหลาดถึง 20 เชือก เล่ากันว่าทรงเสียพระราชหฤทัยหลายครั้ง ตรัสถามกรมหลวงรักษ์รณเรศ ผู้ทรงบัญชาการกรมคชบาลอยู่ในเวลานั้นว่า “เผือกหรือไม่เผือก?” ซึ่งทุกครั้งที่ได้ช้างสีประหลาดมา กรมหลวงรักษ์รณเรศจะนิ่งเสีย และทูลตอบว่า “ไม่เผือก” เพียงเท่านั้น

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ช้างเผือกรัชกาลที่ 1-7
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ภาพ : Wikimedia Commons)

รัชกาลที่ 4 ทรงได้ช้างเผือก 5 ช้าง และช้างประหลาด 10 เชือก

รัชกาลที่ 5 ทรงได้ช้างเผือก 13 ช้าง และทรงมีช้างสีประหลาด 6 เชือก สำหรับช้างเผือกนั้น มีช้างหนึ่งได้ที่มณฑลเชียงใหม่ สีชมพูอ่อนทั้งตัว ขนและหางขาวเหมือนวุ้นเส้น

ท่านหญิงพูนทรงเล่าในพระนิพนธ์ว่า…

“ข้าพเจ้าได้เห็นรูปเขาทำขึ้นเข้ากระบวนแห่เมื่อมีงานเปิดพระบรมรูปทรงม้า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอุรุพงศ์ฯ กราบทูลถามสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงว่า ‘มีจริงๆ หรือช้างอย่างนี้?’ พระเจ้าอยู่หัวทรงหันมาตรัสกับเสด็จพ่อว่า ‘กรมดำรงดูเจ้าชายซีถามได้ว่ามีจริงๆ หรือ?’”

พระเศวตวชิรพาหะ ช้างเผือกรัชกาลที่ 6 ช้างเผือกรัชกาลที่ 1-7
พระเศวตวชิรพาหะ เป็นช้างเผือกประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

รัชกาลที่ 6 ทรงครองราชย์ในสมัยที่บ้านเมืองพัฒนาหลายด้าน มีรถยนต์ รถไฟ เรือกลไฟ ทำให้ช้างอาจหลบอยู่แต่ในป่าไกลๆ ถึงอย่างนั้นพระองค์ก็ทรงมีช้างเผือก 1 ช้าง

“จนแม้แต่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเองก็ทรงพระราชปรารภไว้ในพระราชหัตถ์ที่ทรงมีถึงเสด็จพ่อว่า ไม่นึกว่าจะได้ช้างเผือกเลย แต่พอเสวยราชย์ได้ไม่ถึงปีก็ได้ช้างเผือก 1 เชือก ในแขวงมณฑลนครสวรรค์นี้เอง และทรงได้ช้างสีประหลาด 1 เชือก”

รัชกาลที่ 7 ทรงครองราชย์ในยุคที่สยามเจริญมากขึ้น ทำให้คาดกันว่าอาจหาช้างเผือกได้ยาก แต่ช้างเลี้ยงของบริษัทบอมเบย์เบอม่ากลับตกลูกออกมาเป็นเผือก เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวาย 1 ช้าง

ท่านหญิงพูนทรงบันทึกเหตุการณ์คราวนั้นไว้ว่า

“ข้าพเจ้ายังได้เห็นของประหลาดบางอย่างคือ เมื่อเสด็จเลียบ (ตรวจการ) มณฑลพายัพในปี พ.ศ. ๒๔๖๙ นั้น, ช้างเผือกเชือกนี้มีอายุราว ๑ ปี โปรดให้เลี้ยงไว้ที่เมืองเชียงใหม่ก่อน, เพราะจะนำมาสมโภชตามประเพณีในพระนครก็เกรงว่าจะชอกช้ำในการเดินทาง, จึงรอไว้ให้โตพอจะเดินทางได้สะดวก

ครั้นเสด็จถึงเมืองเชียงใหม่, วันหนึ่งเสด็จไปทอดพระเนตรช้างคู่บารมีนั้น, ในหลวงทรงเครื่องยูนิฟอร์มทหารบกเหมือนกันกับท่านอมรทัตสมุหราชองครักษ์, และทรงยืนอยู่ด้วยกันที่นอกคอกช้างอยู่. พอเขาเปิดคอกให้เดินออกมาเฝ้า, ช้างนั้นก็ตรงไปยกงวงขึ้นแตะหัว, อันเป็นกิริยาไหว้ของช้าง, ที่ตรงในหลวงโดยเฉพาะ. ไม่ใช่ท่านอมรทัต!”

หลังจากนั้น 1 ปี รัชกาลที่ 7 โปรดให้นำช้างเผือกช้างนั้นมามีงานสมโภชขึ้นระวางที่กรุงเทพฯ ที่พระที่นั่งอภิเษกดุสิต ในสวนดุสิต เมื่อขึ้นระวางเป็นช้างพระที่นั่ง พระองค์พระราชทานนามว่า “พระเศวตคชเดชน์ดิลก” แล้วก็เข้าอยู่ในโรง ซึ่งปลูกคู่กันไว้กับ “พระเศวตวชิรพาหะ” ช้างเผือกในรัชกาลที่ 6 ในสวนดุสิต

“ถึงคืนวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พระเศวตคชเดชน์ดิลกไม่ยอมนอน ร้องครวญครางอยู่ตลอดคืน จนคนเลี้ยงมาแต่เกิดก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร พอรุ่งเช้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง” ท่านหญิงพูนทรงบันทึก

ทั้งหมดคือช้างเผือกรัชกาลที่ 1-7 ที่หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล ทรงเล่าว่ามีทั้งสิ้น 45 ช้าง โดยรัชกาลที่ 5 ทรงมีช้างเผือกมากสุด คือ 13 ช้าง

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

พูนพิศมัย ดิศกุล, ม.จ.. สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น (รวมเล่ม), พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : มติชน, 2562.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2567