เหตุการณ์อัศจรรย์ เมื่อ รัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคต เกิดอะไรขึ้นบ้าง?

รัชกาลที่ 4 พระราชสวามี เจ้าจอมมารดาน้อย เจ้าจอมมารดาน้อย ในรัชกาลที่ 4 ประกอบ เหตุการณ์อัศจรรย์ เมื่อ รัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคต
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคตในวันพฤหัสบดี ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 ในวันนั้นมีข้อมูลเล่าว่า เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ เมื่อ รัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคต ขึ้น ดังปรากฏใน “อภินิหารการประจักษ์” โดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ สมเด็จพระสังฆราชไทย พระองค์ที่ 8

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์

เหตุการณ์อัศจรรย์ เมื่อ รัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคต…

พระองค์ทรงเล่าไว้ว่า… “เย็นพลบวันนั้น ดาวพฤหัสบดีใกล้จันทร์ ช่วงโชตินักหนา เลือกพวกว่าเห็น ดาวหางขึ้นมา ซื้อทิศเวลา เถียงแย่งกันไป ว่าหางกว่าศอก เห็นเข้าตกใจ อยู่ริมดาวใหญ่ ดวงหนึ่งเปนสำคัญ เลือกพวกว่าเห็น ที่ยอดสุทธาสวรรย์ เหมือนดวงพระจันทร์ สามวงซ้อนเรียง เปนเถาขึ้นไป เมื่อกาลจวนใกล้ ในวันใกล้เคียง มหาธนูขึ้น ทิศบูรพ์โก่งเฉลียง อุกกาบาตตกเคียง ประภาศพิธภัณฑ์

Advertisement

เมื่อบ่ายเย็นแล้ว บาทบทสำเนียง ไพเราะเพราะเสียง อ่านขึ้นสลดใจ กับเครื่องนมัสการ พนักงานนำไป บูชาสงฆ์ไช้ ที่ในปวารณา แสดงปฏิญาณ แต่ต้นเดินมา แล้วขอขมา ในที่สุดกาล แล้วลาพระสงฆ์ ที่ได้ฟังอ่าน ด้วยราชโองการ ดั่งนี้อ่านแสดง”

ทั้งยังกล่าวต่อไปว่า…

สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส
ภาพประกอบ – พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 (ถ่ายโดย John Thomson)

“ทุ่มเศษวันนั้น ท้องฟ้าเปนควัน หมอกกลุ้มโต ใช่น่าน้ำค้าง หมอกลงเหลือใจ บูราณว่าไว้ ทุมเกตุเกิดมี แลดูท้องฟ้า เตี้ยต่ำเต็มที ดวงพระจันทร์นี้ แดงคล้ำหมองไป ครั้งถึงเวลา พระสงฆ์ปวารณา เสด็จสวรรคาไลย สมกับเหตุเดิม ที่ได้ตรัสไว้ วันเพ็ญนี้ไซ้ ก็เหมือนวันเดิม เปนอัศจรรย์ใหญ่ ควรทำในใจ ไว้เชิดชูเฉลิม พระเกียรติต่อไป

มาเปนขึ้นได้ เหมือนพระวาจาเดิม ถูกกาลเวลา ไม่ต้องเพิ่มเติม ควรสรรเสริญเสริม เกียรติคุณความดี ค่ำหนึ่งข้างเช้า ภูมิเทพยเจ้า ที่ปถมเจดีย์ เจ้าสิงหญิงมอญ มาแสดงด้วยดี พระสุธรรมไมตรี ถามว่าอย่างไร ว่าเราจะมา บอกให้รู้ไว้ ตัวเรานี้ไซ้ อยู่มาช้านาน ที่พระปรางค์เจดีย์ เปนที่นมัสการ วิตกรำคาญ ถึงพระราชา เราเข้าไปเยี่ยม พอถึงเวลา ฝูงเทพคณา ลงมารับไป

เวลายามเศษ แห่ห้อมล้อมไสว สมเด็จจอมไทย ขึ้นทรงวอทอง ทองเงินอีกอัน มารับท่านนั้น ด้วยวอทั้งสอง พาไปส่งขึ้น บนปราสาททอง มียอดสิบสอง กว้างงใหญ่ไพบูลย์ แล้วพาลอยไป ยิ่งแลยิ่งไกล ลิบลิบลับสูญ เรากลับออกมา บอกให้รู้มูล เหตุท่านสมบูรณ์ สุคติทางไป เหตุนี้อัศจรรย์ สำคัญโตใหญ่ เพราะข่าวนำไป ถึงในสิบโมง เร็วเกินคนนัก เห็นจักไม่โกง เวลาทุ่มโมง ก็ถูกต้องกัน

เสียดายท่านรีบ เสด็จเร็วไปสวรรค์ พระคุณมหันต์ แก่หมู่ราษฎร ให้สัตว์เย็นสว่าง ทั่วทุกนคร เปรียบเหมือนจันทร ในวันบูรณ์มี ที่นี้จักมืด ไม่เห็นรัศมี แสงสว่างเช่นนี้ มาลับสูญไป ท่านมีพระคุณ แก่สัตว์มากใหญ่ ไม่เลือกว่าใคร ถ้วนทั่วทุกคน พนะชนม์ท่านนั้น สองหมื่นสามพัน สามร้อยเศษพ้น ขึ้นไปห้าสิบเก้า ถูกคราวสูรย์คน เกิดไข้เผาลน เสด็จสวรรคาลัย

รัชกาลของท่าน นับได้หกพัน สามร้อยเปนไป กับเศษห้าสิบ ครบถ้วนลงใน วันปวารณาใหญ่ เดือนสิบวันเพ็ญ ในศักราช ๑๒๓๐ ปีมโรงสัมฤทธิศก”

นี่จึงเป็นเหตุการณ์อัศจรรย์ เมื่อ รัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคต นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

ปรามินทร์ เครือทอง (บรรณาธิการ). จดหมายเหตุรัชกาลที่ ๔ สวรรคต วันสุดท้ายของกษัตริย์นักปราชญ์. กรุงเทพฯ: มติชน, 2547.


เผยแพร่ครั้งแรกในระบบออนไลน์เมื่อ 30 ตุลาคม 2567