พระสนมเอกในสมัยอยุธยา สนมเอกสี่ทิศ จาก 4 ราชวงศ์ 

ใหม่ ดาวิกา รับบท ท้าวศรีสุดาจันทร์ พระสนมเอกในสมัยอยุธยา ในละคร เรื่อง แม่หยัว แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์เรืองอำนาจ
ใหม่ ดาวิกา รับบท ท้าวศรีสุดาจันทร์ ในละครเรื่อง แม่หยัว (ภาพจาก เฟซบุ๊ก : ช่อง one31)

4 พระสนมเอกในสมัยอยุธยา ท้าวศรีสุดาจันทร์ อินทรสุเรนทร์ ท้าวอินทรเทวี และท้าวศรีจุฬาลักษณ์ จากเชื้อสายละโว้-อโยธยา สุพรรณภูมิ นครศรีธรรมราช และสุโขทัย

พระสนมเอกในสมัยอยุธยาที่คนไทยรู้จักกันดีคือ “ท้าวศรีสุดาจันทร์” ซึ่งชื่อนี้เป็นชื่อตำแหน่ง ไม่ใช่ชื่อตัวบุคคล ตำแหน่งท้าวศรีสุดาจันทร์เป็น 1 ใน 4 พระสนมเอกของราชสำนักอยุธยา อีก 3 ตำแหน่งที่เหลือคือ ท้าวอินทรสุเรนทร์ ท้าวอินทรเทวี และท้าวศรีจุฬาลักษณ์

พระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน ในกฎหมายตราสามดวง ระบุว่า พระสนมเอกทั้ง 4 คนนี้มีศักดินาเพียง 1,000 ซึ่งเท่ากับท้าววรจันทร์พระพี่เลี้ยง นับว่าตำแหน่งพระสนมเอกมียศศักดิ์ไม่สูงเท่าใดนัก แม้ศักดินาจะน้อย แต่พระสนมเอกจะสูงศักดิ์ขึ้นก็ต่อเมื่อให้กำเนิดพระราชโอรสแก่กษัตริย์

สุจิตต์ วงษ์เทศ กล่าวถึงพระสนมเอกในสมัยอยุธยาทั้ง 4 ว่า นางเหล่านี้ไม่ใช่สามัญชนคนธรรมดา แต่เป็นสตรีที่มีเชื้อสายเจ้านายที่เคยเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองอาณาจักรอิสระโดยรอบอยุธยา เมื่อบ้านเมืองเหล่านี้ถูกผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาแล้ว สิ่งที่จะแสดงถึงพระราชอำนาจของกษัตริย์อยุธยาคือ บรรดาเจ้าเมืองเหล่านั้นต้องถวายสตรีเข้ามาเป็นพระสนมเอก

ขณะที่ พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ กล่าวถึงพระสนมเอกทั้ง 4 ว่า นางเป็นตัวแทนของพลังอำนาจทั้ง 4 แห่งในราชสำนักอยุธยา ตั้งแต่เมื่อแรกเริ่มจนถึงสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราชเป็นอย่างน้อย ตำแหน่งพระสนมเอกทั้ง 4 มีอำนาจเท่า ๆ กัน เพราะยังไม่มีการสถาปนาตำแหน่งพระมเหสี ผู้ใดจะมีอำนาจก็ขึ้นอยู่กับการเมืองในราชสำนัก โดยเฉพาะการให้กำเนิดพระราชโอรส

ทั้งสุจิตต์และพิเศษมีความเห็นพ้องในลักษณะเดียวกันว่า การสถาปนาอาณาจักรอยุธยาขึ้นมาได้นั้นเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มอำนาจ 4 กลุ่มใหญ่ นั่นคือ

1. กลุ่มละโว้-อโยธยา หรือราชวงศ์ของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ผู้สถาปนาอยุธยา มีศูนย์กลางอำนาจแถบตะวันออกของลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ละโว้-ลพบุรี)

2. กลุ่มสุพรรณภูมิ หรือราชวงศ์ของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) พระเชษฐา (พี่ชาย) ของพระมเหสีในพระเจ้าอู่ทอง มีศูนย์กลางอำนาจแถบตะวันตกของลุ่มน้ำเจ้าพระยา (สุพรรณบุรี)

3. กลุ่มนครศรีธรรมราช มีศูนย์กลางอำนาจที่นครศรีธรรมราช

4. กลุ่มสุโขทัย มีศูนย์กลางอำนาจที่อาณาจักรสุโขทัย

อย่างไรก็ตาม ในกฎหมายตราสามดวง ไม่ได้ระบุว่า พระสนมเอกทั้ง 4 สืบเชื้อสายมาจากเจ้านายหรือราชวงศ์ใด การนำเอาตำแหน่งพระสนมเอกทั้ง 4 คือ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ท้าวอินทรสุเรนทร์ ท้าวอินทรเทวี และท้าวศรีจุฬาลักษณ์ มาเชื่อมโยงกับกลุ่มอำนาจ 4 กลุ่มใหญ่ข้างต้น ล้วนเป็นการวิเคราะห์ตีความของนักวิชาการยุคหลัง ซึ่งสุจิตต์และพิเศษมีความเห็นในเรื่องนี้ต่างกัน

ludea ยูเดีย

ท้าวศรีจุฬาลักษณ์

สุจิตต์อธิบายว่า ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ สืบเชื้อสายราชวงศ์สุโขทัย เนื่องจากปรากฏตำแหน่งพระมเหสีของกษัตริย์สุโขทัยในจารึกวัดบูรพารามว่า “สมเด็จพระราชเทวี สรีจุฬาลักษณ์…” จนเมื่ออาณาจักสุโขทัยถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา เชื้อสายราชวงศ์สุโขทัยจึงถูกลดฐานะลงเป็นเพียงพระสนมเอก

แต่พิเศษเห็นต่างออกไป โดยอธิบายว่า ท้าวศรีจุฬาลักษณ์สืบเชื้อสายราชวงศ์สุพรรณภูมิ ด้วยเหตุผล 2 ประการสำคัญคือ

1. พบพระพุทธรูปองค์หนึ่งเรียกขานว่า “เจ้าแม่วัดบูรพาราม” ที่วัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย เป็นศิลปะแบบอู่ทอง มีจารึกที่ฐานสรุปความได้ว่า พระมหาเทวีศรีจุฬาลักษณ์เป็นผู้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้

พิเศษตั้งข้อสงสัยว่า พระพุทธรูปศิลปะแบบอู่ทองเป็นศิลปกรรมของอยุธยาตอนต้น พบมากในลุ่มแม่น้ำภาคกลาง แถบสุพรรณบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท ฯลฯ แต่เหตุใดพระพุทธรูปองค์นี้กลับไปปรากฏในสุโขทัย ทั้งที่อาณาจักรสุโขทัยก็มีรูปแบบศิลปกรรมของตนเอง การนำพระพุทธรูปจากต่างแดนเข้ามาจึงน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองแฝงอยู่

จากการค้นคว้าและตรวจสอบ พิเศษจึงได้ข้อสรุปว่า พระมหาเทวีศรีจุฬาลักษณ์ ผู้สร้างพระพุทธรูป “เจ้าแม่วัดบูรพาราม” สืบเชื้อสายราชวงศ์สุพรรณภูมิที่ได้เป็นพระมเหสีของกษัตริย์สุโขทัย

พระนางเสด็จจากบ้านเกิดเมืองนอนไปยังอาณาจักรสุโขทัยพร้อมด้วยข้าราชบริพารจำนวนมาก ทั้งพระญาติวงศ์ นักปราชญ์ ราชบัณฑิต ขุนนาง ข้าราชการ พระเถระทั้งหลาย รวมถึงไพร่บ้านพลเมือง 

ดังนั้น พระพุทธรูป “เจ้าแม่วัดบูรพาราม” ก็สร้างด้วยฝีมือช่างจากสุพรรณภูมิที่เดินทางไปพร้อมกับพระนางนั่นเอง

2. ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยากล่าวถึงสมเด็จพระเพทราชาทรงสถาปนาหม่อมแก้ว ซึ่งเป็นพระโอรสในท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระสนมเอกสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ขึ้นเป็นกรมขุนเสนาบริรักษ์ ซึ่งท้าวศรีจุฬาลักษณ์ผู้นี้ยังเป็นพระขนิษฐา (น้องสาว) ของสมเด็จพระเพทราชา

แต่เดิมนั้นสมเด็จพระเพทราชาทรงมีพื้นเพอยู่ที่ “บ้านพลูหลวง” ซึ่งอยู่ในเขตสุพรรณบุรี พิเศษจึงวิเคราะห์ว่า ตำแหน่งท้าวศรีจุฬาลักษณ์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ จึงต้องมีพื้นเพเดิมเป็นคนจากสุพรรณบุรีด้วย

พิเศษสรุปว่า เมื่ออาณาจักรอยุธยาได้ผนวกอาณาจักรสุโขทัยแล้ว ตำแหน่งท้าวศรีจุฬาลักษณ์ก็ถูกลดลงมาเป็นตำแหน่งพระสนมเอกของราชสำนักอยุธยา แต่ก็ยังรักษาธรรมเนียมเดิมอยู่ตลอดมา นั่นคือ ตำแหน่งท้าวศรีจุฬาลักษณ์ต้องเป็นสตรีที่สืบเชื้อสายราชวงศ์สุพรรณภูมิ

ท้าวอินทรสุเรนทร์ ท้าวอินทรเทวี

ตำแหน่งท้าวอินทรสุเรนทร์ สุจิตต์เชื่อว่า สืบเชื้อสายจากราชวงศ์สุพรรณภูมิ 

ในกฎหมายตราสามดวง พบตำแหน่งเจ้าเมืองซึ่งอยู่ในเขตอาณาจักรสุพรรณภูมิ เช่น เจ้าเมืองเพชรบุรี ตำแหน่งเจ้าเมืองว่า “ออกพระศรีสุรินทฤๅไชย” เจ้าเมืองชัยนาท ตำแหน่งเจ้าเมืองว่า “ออกพระสุรบดินสุรินทฤๅไชย” ซึ่งล้วนมีคำว่า สุรินทร กำกับอยู่ คำนี้มีที่มาจากคำว่า สุร + อินทร ซึ่งสุรินทรก็สามารถแผลงเป็นสุเรนทรได้

จิตร ภูมิศักดิ์ ตั้งข้อสังเกตว่า เขตอาณาจักรสุพรรณภูมิมีความเกี่ยวข้องกับ “ตระกูลอินทร์” ซึ่งเชื่อมโยงไปถึง “ขุนงั่วอิน(ทร)” ลูกคนที่ 7 ของ “ขุนบรม” ซึ่งเป็นตำนานที่เกี่ยวข้องกับปฐมบรรพบุรุษของกลุ่มชาติพันธุ์ที่พูดภาษาตระกูลไท-ไต

นอกจากนี้ เขตอาณาจักรสุพรรณภูมิยังปรากฏชื่อเมือง “อินทรบุรี” และปรากฏนามกษัตริย์อยุธยาที่มาจากสุพรรณบุรีอย่าง “พระอินทราชา” (พระนครอินทร์)

ส่วนตำแหน่งท้าวอินทรเทวี สุจิตต์เชื่อว่า สืบเชื้อสายจากราชวงศ์นครศรีธรรมราช

ขณะที่พิเศษมีความเห็นว่า ท้าวอินทรสุเรนทร์มาจากสตรีสุโขทัย ส่วนท้าวอินทรเทวีมาจากสตรีนครศรีธรรมราช

ละครเรื่อง แม่หยัว ออกอากาศ พ.ศ. 2567 (ภาพจาก เฟซบุ๊ก : ช่อง one31)

ท้าวศรีสุดาจันทร์

เมื่อตำแหน่งพระสนมเอกในสมัยอยุธยาเรียงครบทั้ง 3 ทิศแล้ว คือ ท้าวอินทรสุเรนทร์ ทิศเหนือ-สุโขทัย ท้าวอินทรเทวี ทิศใต้-นครศรีธรรมราช และท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ทิศตะวันตก-สุพรรณบุรี 

สุจิตต์จึงวิเคราะห์ว่า ตำแหน่งท้าวศรีสุดาจันทร์ต้องสืบเชื้อสายจากราชวงศ์ละโว้-อโยธยา หรืออู่ทอง ที่มีศูนย์กลางอำนาจแถบตะวันออกของลุ่มน้ำเจ้าพระยา คือ ละโว้-ลพบุรี ซึ่งตั้งอยู่ทิศตะวันออกของอยุธยานั่นเอง

สุจิตต์อธิบายว่า หากวิเคราะห์จากข้อมูลของขุนวรวงศาธิราช ที่มีน้องชายชื่อ จัน (บ้างสะกดจันทร์) บ้านอยู่ที่มหาโลก แถบลำน้ำป่าสัก ซึ่งก็อยู่ด้านทิศตะวันออกของอยุธยา อันเป็นดินแดนของอาณาจักรละโว้มาแต่เก่าก่อน และเป็นแหล่งกำเนิดของบรรพบุรุษของราชวงศ์อู่ทองนั่นเอง ซึ่งสอดคล้องกับข้อสังเกตของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ทรงคาดว่า ท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นญาติกับขุนวรวงศาธิราช

ด้านพิเศษก็มีความเห็นว่า ท้าวศรีสุดาจันทร์สืบเชื้อสายจากราชวงศ์อู่ทองเช่นกัน โดยวิเคราะห์จากการเถลิงอำนาจของพระนาง สถาปนาขุนวรวงศาธิราชเป็นกษัตริย์ พร้อมกันนั้นก็กำจัดเชื้อสายของสมเด็จพระไชยราชาออกไป นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า กลุ่มของท้าวศรีสุดาจันทร์คือราชวงศ์ของพระเจ้าอู่ทองที่พยายามกลับเข้ามามีอำนาจในอยุธยาอีกครั้งหนึ่ง หลังเสียราชบัลลังก์ให้แก่ราชวงศ์สุพรรณภูมิไป

อนึ่ง การเรียกชื่อราชวงศ์ เช่น ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ราชวงศ์สุโขทัย ฯลฯ เป็นการกำหนดของนักประวัติศาสตร์ในสมัยหลัง ไม่ปรากฏว่าในสมัยอยุธยามีการกำหนดเรียกชื่อราชวงศ์ของตนเองแต่อย่างใด

บทบาทของ ท้าวศรีสุดาจันทร์ อินทรสุเรนทร์ ท้าวอินทรเทวี และท้าวศรีจุฬาลักษณ์ 4 พระสนมเอกในสมัยอยุธยา นอกจากจะเป็นบาทบริจาริกาในราชสำนักอยุธยาแล้ว พวกนางเหล่านี้ยังมีบทบาทเป็นตัวแสดงแทนสัญลักษณ์ของขุมอำนาจเก่าที่ร่วมก่อกำเนิดอาณาจักรอยุธยาอีกด้วย ดังที่สุจิตต์กล่าวว่า 

“สนมเอกทั้งสี่ก็คือสัญลักษณ์ของอำนาจกษัตริย์กรุงศรีอยุธยาที่ปกแผ่ออกไปทั้ง 4 ทิศนั่นเอง”

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง. (2529). ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ 1 จุลศักราช 1166 พิมพ์ตามฉะบับหลวง ตรา 3 ดวง เล่ม 1. กรุงเทพฯ : เรือนแก้วการพิมพ์.

สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2544). ท้าวศรีสุดาจันทร์ “แม่หยัวเมือง” ใครว่าหล่อนชั่ว?. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน.

พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. (ตุลาคม, 2532). เจ้าแม่สุโขทัย ใน, “ศิลปวัฒนธรรม”. ปีที่ 10 : ฉบับที่ 12.

พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. (กรกฎาคม, 2544). เจ้าแม่ศรีจุฬาลักษณ์ มิใช่ชาวสุโขทัย ใน, “ศิลปวัฒนธรรม”. ปีที่ 22 : ฉบับที่ 9.

พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. (2557). ความหมายของพระพุทธรูปศิลปะอู่ทองซึ่งพบที่สุโขทัย ใน, “ดำรงวิชาการ”. ปีที่ 13 : ฉบับที่ 1.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 23 ตุลาคม 2567