“พระนางซูสีไทเฮา” ผู้ปกครองมากฝีมือ ที่ไม่ได้มีแต่ด้านลบ

พระนางซูสีไทเฮา

พระนางซูสีไทเฮา หรือ “ซูสีไทเฮา” (ค.ศ. 1835-1908) เมื่ออายุ 16 ปี เข้าคัดเลือกเป็นพระสนมของจักรพรรดิเสียนเฟิง นักประวัติศาสตร์จำนวนไม่น้อยตำหนิพระนางว่า เป็นผู้ปกครองที่ล้มเหลว เป็นหายนะที่ทำให้ราชวงศ์ชิงล่มสลาย ฯลฯ

หากทำใจให้เป็นกลางก็ต้องถามว่า แล้วพระนางไม่มีฝีมือ ไม่มีผลงานเข้าตากรรมการบ้างเลยหรือ ในบทบาทต่างๆ ของพระนางที่ผ่านมา

ซูสีไทเฮา และราชสำนักฝ่ายใน รวมถึงขันที

พระสนม “คนโปรด”

บทบาท “พระสนม” ซูสีไทเฮาสอบผ่านฉลุยขึ้นแท่น “คนโปรด” ซึ่งได้มาจากความสามารถและโชค โชคดีที่พระสิริโฉมงดงามแต่กำเนิด หากแค่นั้นคงไม่พอ เพราะจักรพรรดิเสียนเฟิงได้ชื่อว่า “เจ้าสำราญ” เรื่องให้สยบต่อสาวงามเพียงนางเดียวคงไม่ง่าย

นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่โหวตว่า ส่วนหนึ่งของความโปรดปรานมาจากความรู้ความสามารถของพระนางเอง ในสมัยที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือ ซูสีไทเฮากลับอ่านออกเขียนได้ทั้งภาษาจีนและแมนจู ทั้งแตกฉานถึงขั้นร่างราชโองการ, ตรวจฎีกาของเหล่าขุนนางได้ และบางครั้งก็ได้มีโอกาสพิจารณาฎีกาต่างๆ แทนจักรพรรดิ ขณะที่การวาดภาพ, ลายสือศิลป์, แต่งบทกวี ฯลฯ ก็ล้วนมีฝีมือ

ที่สำคัญที่สุดคือการประสูติ “องค์ชายไจ้ฉุน” พระราชโอรสพระองค์แรกของจักรพรรดิเสียนเฟิง ซึ่งที่ผ่านการไม่มีลูกชายเสมือนหินก้อนใหญ่ในใจของพระองค์ เมื่อมีพระราชโอรสแล้วก็เสมือนช่วยสร้างความมั่นคงแก่ราชบัลลังก์

ทว่าในบทบาทของ “แม่” แม้ซูสีไทเฮาตั้งใจเลี้ยงดูพระราชโอรสเพียงใด แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองกลับห่างเหินกันอย่างยิ่ง พระราชโอรสยังดูเหมือนมีอคติกับพระมารดา และหลายครั้งที่ทรงสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม

ผู้ปกครอง “หลังม่าน”

หลังจักรพรรดิเสียนเฟิงสวรรคต พระบรมราชโองการของพระองค์ทรงแต่งตั้ง “ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” 8 คน และมอบพระราชลัญจกร 2 องค์ ให้จักรพรรดินีและซูสีไทเฮาถือเพื่อคานอำนาจผู้สำเร็จราชการ แต่ซูสีไทเฮาก็สามารถเกลี้ยกล่อมจักรพรรดินี, พระบรมวงศานุวงศ์ และเหล่าขุนนาง ยึดอำนาจจากผู้สำเร็จราชการ เริ่ม “บริหารบ้านเมืองหลังม่าน” ได้

ความห้าวหาญของพระนางซูสีไทเฮาเพาะบ่มจาก “ชีวิตวัยเยาว์” 

ครอบครัวของพระนางต้องเผชิญกับ “อำนาจของสถาบัน” หลายครั้ง เช่น กรณีเงินท้องพระคลังสูญหายกว่า 9 ล้านตำลึง หลังการสอบสวนมีพระบรมราชโองการให้ขุนนางที่เกี่ยวข้องร่วมกันรับผิดชอบเงินคืนให้ราชสำนัก ปู่ทวดของพระนางอยู่กรมพระคลัง ทางการกำหนดให้ชดใช้เงินราว 20,000 ตำลึง

แม้เขาเสียชีวิตแล้ว แต่ปู่ของพระนางยังคงต้องรับหนี้ก้อนใหญ่แทน ทางบ้านต้องยืมเงินจากญาติ, ขายทรัพย์สินต่างๆ ให้กับทางการ ทำให้สถานะของครอบครัวตกต่ำอย่างยิ่ง

มุมบวก จากนักวิชาการ 

ซูสีไทเฮาเป็นหนึ่งในผู้ปกครองแผ่นดินที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ เช่น ความฟุ่มเฟือยเรื่องการเสวยที่อลังการ, ฉลองพระองค์และเครื่องประดับหรูหรา ฯลฯ กระทบกับงบประมาณพัฒนาประเทศ เรื่องเหล่านี้มีนำเสนอผ่านเอกสารวิชาการ, แบบเรียน, ภาพยนตร์ ฯลฯ หากนักวิชาการบางกลุ่มเห็นต่างออกไปว่า

ซูสีไทเฮา (นั่ง) ที่จงหนานไห่ ราชอุทยานในกรุงปังกิ่ง ภาพถ่ายราวทศวรรษ 1900

สถานการณ์ของบ้านเมือง ที่พระนางต้องเผชิญ หนักหนากว่าหลายรัชกาลที่ผ่านมา ความวุ่นวายไม่ได้เกิดจาก “กบฏชาวนา” ในประเทศที่ลุกฮือขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่รัฐเอาอยู่ แต่เป็น “มหาอำนาจตะวันตก” ที่มีแสนยานุภาพเหนือกว่า ทั้งกำลังทหารและวิทยาการเทคโนโลยีก็ล้ำหน้ากว่า อย่าง อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี, รัสเซีย, ฝรั่งเศส ฯลฯ และไม่แน่ว่าจักรพรรดิทั้งหลายจะรับมือได้ดีกว่า

พระนางทรงรับมือสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยการ “แต่งตั้งขุนนางชาวจีน (ฮั่น)” ที่มีความรู้ความสามารถ ถือเป็นความกล้าหาญของพระนางที่ทรงเปลี่ยนแปลงพระราชนิยมเดิมของราชสำนักชิง ที่ผูกติดกับ “เชื้อสายแมนจู” ขุนนางชาวฮั่นเป็นกำลังสำคัญใน “ขบวนการเลียนแบบตะวันตก” เพื่อปฏิรูปจีนให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก เช่น การตั้งโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศ, การส่งคนไปศึกษาต่อต่างประเทศ, การริเริ่มอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ฯลฯ

นอกจากนี้ พระนางทรงสร้าง “สมดุลย์อำนาจระหว่างฝ่ายราชสกุล-ราชนิกูล” โดยยึดความยุติธรรมและธรรมเนียมปฏิบัติ ที่ไม่มีผู้สามารถตำหนิพระนางได้ การแต่งตั้งจักรพรรดิพระองค์ใหม่ (จักรพรรดิกวงซู่และปูยี) ล้วนทรงเลือกจากทายาทราชสกุลที่เป็นเชื้อสายของจักรพรรดิ และมีความใกล้ชิดกับอดีตจักรพรรดิมากที่สุดทั้งสิ้น  ขณะเดียวกันก็ไม่ทรงแต่งตั้งพระญาติในตระกูลตนเองให้มีบรรดาศักดิ์หรือตำแหน่งสูงเกินไป

เวลา 47 ปี ในการปกครองแผ่นดินของพระนางซูสีไทเฮา จึงมีทั้งลบและบวก

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

พิภู บุษบก. “พระนางซูสีไทเฮา กับประเด็นข้อโต้แย้งทางประวัติศาสตร์” ใน, วารสารอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่ 35 (2556) ฉบับที่ 1


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 15 ตุลาคม 2567.