“วิชาอุตุนิยมวิทยา” พัฒนาสู่ “กรมอุตุฯ” เกิดครั้งแรกในไทยเมื่อใด?

ฝนตก ไฟไหม้ วิชาอุตุนิยมวิทยา
(ภาพโดย Keli Black ใน Pixabay)

ก่อนจะมีแอปพลิเคชันให้ติดตามสภาพอากาศแต่ละวัน ใครอยากรู้ว่าวันพรุ่งนี้ฝนจะตกแดดจะออกยังไง อากาศจะหนาวจะร้อนแค่ไหน น้ำจะท่วมฝนจะแล้งเพียงใด ก็ต้องอาศัยรายงานสภาพอากาศจากทีวี แต่ไม่ว่าจะเป็นช่องทางใด ข้อมูลที่ได้ ล้วนอาศัย “วิชาอุตุนิยมวิทยา”  และหน่วยงานหลักๆ อย่าง “กรมอุตุนิยมวิทยา”

แรกเกิดวิชาอุตุนิยมวิทยา

อริสโตเติล นักปราชญ์ชาวกรีก น่าจะเป็นบุคคลแรกๆ ที่บุกเบิกเรื่องนี้ เขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับปรัชญาทางธรรมชาติชื่อว่า “Meteorologica” ขึ้นก่อนปีคริสต์ศักราช 340 รวบรวมความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนสิ่งที่ตกจากท้องฟ้า หรือที่เห็นได้ในอากาศ เช่น เมฆ ฝน หิมะ ลม ฟ้าร้อง พายุ ฯลฯ และพยายามอธิบายเรื่องดังกล่าวในเชิงปรัชญาและทฤษฎี หลายความคิดของเขาเป็นที่ยอมรับ แม้ว่าจะพบข้อผิดพลาด

ความจริงแล้วอุตุนิยมวิทยาเป็นวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติ ที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจนกระทั่งมีการสร้างเครื่องมือตรวจวัดสภาพอากาศ เช่น เทอร์โมมิเตอร์-วัดอุณหภูมิ (ปลายศตวรรษที่ 16), บาโรมิเตอร์-วัดความกดอากาศ (ค.ศ. 1643) และ ไฮโกรมิเตอร์-วัดความชื้น (ปลายทศวรรษ 1700)

ต่อมาในทศวรรษ 1800 เครื่องมือต่างๆ มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ทำให้วิทยาการด้านนี้ยิ่งมีความก้าวหน้ามากขึ้น ถึงทศวรรษที่ 1950 เมื่อมีคอมพิวเตอร์ความเร็วสูงเข้ามาใช้งาน งานด้านอุตุฯ ก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก

ผู้บุกเบิกในไทย 

สำหรับประเทศไทย “วิชาอุตุนิยมวิทยา” เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ทรงนำมาสอนเพิ่มเติมใน “วิชาการเดินเรือ” เมื่อ พ.ศ. 2449 ซึ่งทรงบรรยายด้วยพระองค์เอง เพราะทรงตระหนักถึงความปลอดภัยในการเดินเรือว่า จำเป็นต้องรู้เรื่องลมฟ้าอากาศ

พระรูปปั้นกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หน้าวิทยาลัยพณิชยการพระนคร

พ.ศ. 2466 มีการจัดตั้งหน่วยงานด้านนี้โดยตรงคือ แผนกอุตุนิยมศาสตร์ และสถิติกองรักษาน้ำ กรมทดน้ำ (ปัจจุบันคือ กรมชลประทาน) กระทรวงเกษตราธิการ และตั้งสถานีตรวจอากาศในต่างจังหวัดหลายสถานี ทำการตรวจฝนและอุณหภูมิอากาศ เพื่อทราบปริมาณของฝนที่ตกตามบริเวณลุ่มน้ำสายต่างๆ สำหรับใช้เป็นข้อมูล

พ.ศ. 2479 โอนงานอุตุนิยมวิทยาจาก กระทรวงเกษตราธิการ ตั้งเป็น กองอุตุนิยมวิทยา กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม และมีฐานะเป็น “กรมอุตุนิยมวิทยา” (พ.ศ. 2485 )

ถึง พ.ศ. 2505 รัฐบาลพิจารณาว่า งานอุตุนิยมวิทยามีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับกิจการหลากหลายด้าน จึงได้โอนกิจการของกรมอุตุฯ จากกองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม ไปสังกัด “สำนักนายกรัฐมนตรี” และย้ายมาสังกัดกระทรวงคมนาคม (พ.ศ. 2515) จวบจน พ.ศ. 2546 ได้ย้ายไปขึ้นกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ปัจจุบันคือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม)

ขณะที่วิทยาการด้านอุตุนิยมวิทยาก้าวหน้าขึ้น หน่วยงานที่รับกำกับดูแลมีกำลังและศักยภาพเพิ่มขึ้น หากกิจกรรมของมนุษย์มีผลทำให้บรรยากาศโลกเปลี่ยนแปลง ทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม ความแปรปรวนที่สังเกตได้จากภาวะโลกร้อน, ปรากฏการณ์เอลนีโญ-ลานีญา ฯลฯ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ท้าทายเทคโนโลยีด้านอุตุนิยมวิทยาอยู่ตลอดเวลา 

ลักษณะอากาศทั่วไป 19 กันยายน 2567 (ภาพจาก กรมอุตุนิยมวิทยา : https://www.tmd.go.th/weather/weatherthailand)

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

<http://www.rnd.tmd.go.th/doc/public/MetToday_ver1.pdf>

สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่มที่ 35, พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2546.

<https://tmd.go.th/aboutus>


เผยแพร่ในระบบออนลไน์ครั้งแรกเมื่อ 19 กันยายน 2567