ผู้เขียน | ธนกฤต ก้องเวหา |
---|---|
เผยแพร่ |
ต้นเดือนสิงหาคม 2567 ชีค ฮาสินา (Sheikh Hasina) นายกรัฐมนตรีหญิงวัย 76 ปี ของบังคลาเทศ ลาออกจากตำแหน่งและลี้ภัยออกนอกประเทศ เนื่องจากมวลชนที่เดือดดาลบุกเข้าไปในบ้านพักของเธอ หลังสถานการณ์การประท้วงอันดุเดือด นับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศบังกลาเทศ
เกิดอะไรขึ้นที่บังกลาเทศ?
อันบาราซาน เอธิราจัน บก. ภูมิภาคเอเชียใต้ของ BBC เล่าว่า ความรุนแรงในบังกลาเทศตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศแห่งเอเชียใต้ ซึ่งมีประชากรถึง 170 ล้านคน อย่างน้อยก็เลวร้ายที่สุดในความทรงจำของคนที่ยังมีชีวิตอยู่
ความรุนแรงดังกล่าวมาจากการต่อต้านการกำหนดโควตารับผู้เข้าทำงานในภาครัฐ เพราะ 1 ใน 3 ของตำแหน่งงานในหน่วยงานรัฐถูกสงวนไว้ให้ญาติของทหารผ่านศึกในสงครามประกาศอิสรภาพจากปากีสถานตั้งแต่ พ.ศ. 2514
จากมาตรการข้างต้น นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ในบังกลาเทศมองว่าเป็นระบบที่เลือกปฏิบัติอย่างรุนแรง จึงออกมาเรียกร้องขอให้เปลี่ยนมาคัดเลือกจากความสามารถอย่างเป็นธรรม โดยการประท้วงดังกล่าวเริ่มมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567
กระทั่งเกิดการใช้ความรุนแรงกับผู้เรียกร้องอย่างสงบ จุดประกายไฟแห่งความไม่พอใจเป็นวงกว้างไปสู่ประชาชนทุกภาคส่วน การประท้วงยกระดับเดือดดาลจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการปะทะกันจำนวนมาก
เพื่อควบคุมสถานการณ์ รัฐบาลบังกลาเทศใช้มาตรการปิดกั้นการสื่อสารอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทั้งปิดอินเทอร์เน็ต จำกัดการใช้โทรศัพท์ การประท้วงต่อต้านรัฐบาลนางฮาสินาจึงขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ เพื่อเรียกร้องให้เธอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
มติชนรายงานว่า วันที่ 4 สิงหาคม 2567 ผู้ประท้วงชาวบังกลาเทศหลายหมื่นคนที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีหญิงของพวกเขาลาออกจากตำแหน่งได้ปะทะกับผู้สนับสนุนพรรครัฐบาล ขณะที่ตำรวจพยายามสลายการชุมนุม
ผู้ชุมนุมใช้ไม้และมีดปะทะกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่มาพร้อมปืนไรเฟิล จุดไฟเผารถยนต์และจักรยานยนต์ คนจำนวนหนึ่งมีบาดแผลจากการถูกยิง แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้กระสุนจริง มีเพียงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง และระเบิดแสงเพื่อสลายการชุมนุม
อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงในวันนั้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตวันเดียวอย่างน้อย 91 ราย กับผู้บาดเจ็บอีกหลายร้อยราย ถือว่ารุนแรงและดุเดือดที่สุดตั้งแต่เริ่มการประท้วง และหากนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา มียอดผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบนี้อย่างน้อย 300 ราย
นางสิงห์เหล็กยอมถอย (?)
บังกลาเทศอยู่ภายใต้การบริหารกว่า 15 ปี ของชีค ฮาสินา เธอเป็นทั้งทายาททางสายเลือดและทายาททางการเมืองของมูจิบู เราะห์มาน (Mujibur Rahman) บิดาผู้ก่อตั้งประเทศบังกลาเทศ
ในฐานะนายกรัฐมนตรี นางฮาสินานำการพัฒนาและความเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศมากมายก็จริง แต่บางส่วนคือการช่วยเหลือเครือข่ายของพรรคสันนิบาตอาวามี (Awami League) ของเธอเท่านั้น ทั้งมีการทุจริตให้เห็นอยู่เนือง ๆ โดยไม่มีการจัดการคนพวกนี้อย่างเหมาะสม รวมถึงมีการปราบปรามนักเคลื่อนไหวและฝ่ายการเมืองขั้วตรงข้ามอยู่ตลอด
สำนักข่าวอย่าง The Guardian วิพากษ์วิจารณ์นางฮาสินาอย่างเจ็บแสบว่า “ลูกสาวนักปฏิวัติและบิดาแห่งชาติบังกลาเทศกำลัง ‘กัดกร่อน’ ประชาธิปไตยของประเทศนี้อยู่”
เมื่อการประท้วงลุกลามบานปลายในเดือนกรกฎาคมและเกิดความรุนแรงทั่วประเทศ ศาลสูงสุดของบังกลาเทศมีวินิจฉัยตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม ให้ลดโควตาตำแหน่งงานภาครัฐสำหรับญาติทหารผ่านศึกให้เหลือ 5% รัฐมนตรีกระทรวงกฎหมายในรัฐบาลของนางฮาสินาน้อมรับ แต่กลุ่มผู้ประท้วงยังคงชุมนุมต่อเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิต และยืนยันข้อเรียกร้องให้นางฮาสินาลาออก
การปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงหลายหมื่นรายกับเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้สนับสนุนพรรครัฐบาลในกรุงธากา ทำให้เมืองหลวงของประเทศกลายเป็นสนามรบ
จากเหตุการณ์วันที่ 4 สิงหาคม รัฐบาลบังกลาเทศประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศอย่างไม่มีกำหนด เป็นครั้งแรกที่มีการประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่มีการประท้วงของนักศึกษา โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันนั้น และประกาศวันหยุด 3 วัน เริ่มวันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม รัฐบาลยังให้ผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระงับบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทันที
ฝ่ายที่วิจารณ์รัฐบาลและกลุ่มสิทธิมนุษยชนชี้ว่า นางฮาสินากำลังทำเกินกว่าเหตุเพื่อสลายการชุมนุม แต่รัฐบาลปฏิเสธข้อกล่าวหา นางฮาสินายังกล่าวหลังการประชุมกับคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติว่า ผู้ที่ออกมาก่อความรุนแรงไม่ใช่นักศึกษา แต่เป็นผู้ก่อการร้ายที่มุ่งทำลายความมั่นคงของประเทศ
กระทั่งวันที่ 5 สิงหาคม เหตุรุนแรงและการเรียกร้องยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ผู้ประท้วงหลายพันคนบุกเข้าทำเนียบนายกรัฐมนตรีในกรุงธากา ชีค ฮาสินา ตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่งและเดินทางออกจากประเทศทันที
สำนักข่าวหลายแหล่งอ้างว่า เฮลิคอปเตอร์ของนางฮาสินาลงจอดที่เมืองอาการ์ทาลา ทางตะวันออกของอินเดีย และมีรายงานเกี่ยวกับเหตุรุนแรงในวันที่ 5 สิงหาคม ก่อนนางฮาสินายุติบทบาท มีผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะในวันเดียวสูงถึง 109 ราย ซึ่งถือเป็นยอดผู้เสียชีวิตมากที่สุดในหนึ่งวัน
การลาออกของนางฮาสินาเป็นการยุติการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ต่อเนื่องมากว่า 15 ปี (พ.ศ. 2552 – 2567) และหากรวมกับวาระแรกที่เธอดำรงตำแหน่ง (พ.ศ. 2539 – 2544) เป็นเวลาจะยาวนานถึง 20 ปี
เมื่อต้องลี้ภัยในต่างประเทศ ด้วยวัยกว่า 76 ปี ท่ามกลางกระแสต่อต้านจากประชาชนที่มีจุดเริ่มต้นคือความไม่พอใจต่อระบบอยุติธรรม บทบาทของนางสิงห์เหล็กแห่งเบงกอล “ชีค ฮาสินา” จะเป็นอย่างไรต่อจากนี้? คงต้องติดตามกันต่อไป
อ่านเพิ่มเติม :
- ภิกษุเวียดนามเผาตัวเอง ประท้วงการเลือกปฏิบัติทางศาสนาในเวียดนามใต้
- 2 มี.ค. 2500 รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินฯ นักศึกษา-ประชาชนเดินขบวนประท้วงเลือกตั้งสกปรก
- 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512 ชาวอเมริกันกว่าครึ่งล้านชุมนุมประท้วงการส่งทหารไปรบในสงครามเวียดนาม
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
https://www.bbc.com/thai/articles/cydv93n5ry8o
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4717803
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4718455
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4719490
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4721281
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 7 สิงหาคม 2567