ชะตาชีวิต 2 โหรคนดัง หลังทายทักว่าขุนนางใหญ่จะได้เป็น “กษัตริย์”

โหร
ภาพประกอบเนื้อหา (ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรม ฉบับเมษายน 2547)

ในประวัติศาสตร์ไทย มี “โหรคนดัง” เพียงไม่กี่ราย ที่กล้าทำนายทายทักดวงชะตา “ขุนนางใหญ่” ว่าจะได้เป็น “พระมหากษัตริย์” บางรายก็ทายแม่น แต่บางรายก็ไม่เฉียด แล้วชะตาชีวิตของโหรเหล่านี้เป็นอย่างไรหลังจากนั้น? 

โหรคนแรกคือ ขุนโลกทีป เจ้ากรมโหรหลวง แห่งราชสำนักกรุงธนบุรี ที่ทำนายดวงชะตาของ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ว่าจะได้ “ราชสมบัติ”

ซึ่งก็เป็นจริงตามคำนายนั้น เพราะต่อมาสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกปราบดาภิเษกเป็น สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ขุนโลกทีป ก็ได้ความดีความชอบ เมื่อมีการแต่งตั้งข้าราชการใหม่ของราชสำนักกรุงเทพฯ ขุนโลกทีปก็ได้รับความดีความชอบเป็น “พระโหราธิบดี” เจ้ากรมโหรหน้า เป็นหัวหน้าโหรทั้งปวง

โหรคนที่ 2 คือ “อาจารย์เซ่ง” เป็นโหรที่คำนวณพระชะตา “พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงรักษรณเรศ” พระราชโอรสในรัชกาลที่ 1 ว่าจะเป็น “พระเจ้าแผ่นดิน” และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ จะเป็น “วังหน้า”

ขณะนั้น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงรักษรณเรศ เป็นขุนนางสำคัญ และเป็นพระปิตุลา ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ส่วนอาจารย์เซ่งนั้น ก.ศ.ร.กุหลาบ บันทึกว่า “อาจารย์เซ่งโหรหรือหมอดูวิเศษ” 

หากความไม่ได้เป็นไปดังคำทำนาย เพราะต่อมา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงรักษรณเรศ ถูกลงโทษเป็น “หม่อมไกรสร” แล้วให้สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ที่วัดปทุมคงคา ส่วนอาจารย์เซ่งถูกลงโทษจำคุกจนตาย

ผลลัพธ์ที่แตกต่างนี้ จะด้วยความสามารถของ “โหรคนดัง” ทั้งสองหรือไรไม่อาจยืนยัน แต่หนึ่งในเหตุที่ผลิกผันนั้นเกิดจาก “จับโป๊ะ” หม่อมไกรสรและพวก ว่าคิดทำการใหญ่เสียก่อน เมื่อเรื่องถึงพระเนตรพระกรรณจึงถูกลงโทษในที่สุด

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

ปรามินทร์ เครือทอง “โหรพระเจ้าตาก ‘กบฏ’ ลอบทายดวงกษัตริย์รัชกาลที่ 1” ใน, ศิลปวัฒนธรรม ฉบับเมษายน 2547

วรชาติ มีชูบท. “เจ้าพระยารามราฆพ” ใน, เบื้องลึก เบื้องหลัง ในพระราชบันทึกเรื่อง “ประวัติต้นรัชกาลที่ 6”, สำนักพิมพ์มติชน มีนาคม 2559.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 25  มิถุนายน 2567