“รัชกาลที่ 3” แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ “พระเจ้าแผ่นดินอยุธยา” องค์สุดท้าย?

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชานุกิจ วัดที่รัชกาลที่ 3 ทรงมีส่วนร่วมในการสถาปนา มีที่ใดบ้าง? กลุ่มอำนาจ ราชสกุลรัชกาลที่ 3 เวลาแห่งการเปลี่ยนผ่าน กลุ่มอำนาจ กลุ่มอำนาจ สมัยรัชกาลที่ 3 รัชกาลที่ 3 พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา แผ่นดินไหวสมัยรัชกาลที่ 3
พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3

รัชกาลที่ 3 พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาพระองค์สุดท้าย?

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว “รัชกาลที่ 3” พระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ไฉน ส.ศิวรักษ์ ให้นิยามว่าเป็น “พระเจ้าแผ่นดินอยุธยา” องค์สุดท้าย?

ส.ศิวรักษ์ (สุลักษณ์ ศิวรักษ์) ปัญญาชนชาวไทย เจ้าของรางวัลอัลเทอเนทีฟโนเบล (Alternative Nobel) และรางวัลศรีบูรพา เมื่อ พ.ศ. 2538 กล่าวไว้ในรายการ “เสมเสวนา : จักรีปริทัศน์ รัชกาลที่ 3 ตอนที่ 1 พระเจ้าแผ่นดินอยุธยาองค์สุดท้าย” ตอนหนึ่งว่า

“ผมว่าท่านเก่งในฐานะที่เป็น ‘พระเจ้าแผ่นดินอยุธยา’ องค์สุดท้าย”

ludea ยูเดีย

ที่ส.ศิวรักษ์ กล่าวเช่นนั้น เพราะเมื่อพิจารณาพระราชประวัติและการบริหารราชการแผ่นดินในสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แล้ว จะเห็นความเป็นจารีตหรืออนุรักษนิยมอันมีต้นแบบจากสมัยอยุธยาอย่างเข้มข้น ก่อนจารีตประเพณีแบบดั้งเดิมทั้งหลายจะค่อย ๆ ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นสมัยใหม่มากขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4-5

ส.ศิวรักษ์ ยกย่องรัชกาลที่ 3 ว่า “รักษาความเป็นอยุธยาไว้อย่างมั่นคงแข็งแรง” ดังเห็นจากด้านพระราชประเพณี พิธีกรรม พระองค์จะยึดถือตามแบบอยุธยาทั้งหมด ตั้งแต่การออกว่าราชการแบบไม่สวมฉลองพระองค์ (เสื้อ) เพราะทรงถือว่าเป็นธรรมเนียมมาแต่โบราณ

ส.ศิวรักษ์ กล่าวว่า “ท่านถือว่าพระเจ้าแผ่นดินจะต้องอนุวัต (ประพฤติตาม) การแต่งเนื้อแต่งตัวตามธรรมชาติ… หน้าหนาวถึงจะใส่เสื้อได้ ใครใส่เสื้อ (เข้าเฝ้า) ท่านกริ้วมาก ท่านเชื่อว่าประเพณี จารีต ‘ฤตุ’ (ฤดู) กับ ‘ฤต’ (ธรรมเนียม) ต้องไปด้วยกัน”

แม่น้ำเจ้าพระยา
แม่น้ำเจ้าพระยา มองเห็นพระบรมมหาราชวังและเรือนแพที่พักชาวสยาม ภาพเขียนหลังเหตุการณ์ไข้ห่าระบาดใหญ่ในกรุงเทพฯ ในหนังสือของครอว์เฟิร์ด (ภาพจาก Journal of An Embassy to the Courts of Siam And Cochin China by John Crawfurd. Oxford University Press, 1967)

ตั้งแต่การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ในสมัยรัชกาลที่ 1 สืบเนื่องถึงรัชกาลที่ 3 เราจะพบความพยายามในการ “จำลอง” กรุงเก่า หรือกรุงศรีอยุธยามาไว้ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งสมัยรัชกาลที่ 3 คือช่วงเวลาที่ชนชั้นนำสยามบรรลุเป้าหมายดังกล่าว คือสามารถทำให้กรุงเทพฯ เป็นราชธานีแห่งใหม่ที่ทดแทนการเสียกรุงฯ ได้อย่างสมบูรณ์ จนอยู่ในจุดที่ว่า “เราจะไม่กลับไปกรุงศรีอยุธยาอีกแล้ว”

ดังจะเห็นว่าพระราชกรณียกิจในแผ่นดินรัชกาลที่ 3 เต็มไปด้วยกิจการด้านวัฒนธรรมที่แสดงออกผ่านสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม ตลอดจนจิตรกรรมต่าง ๆ จากวิสัยทัศน์สมัยบ้านเมืองยังดีมีวัดวาอารามมากมาย ฉะนั้น ต้องเพิ่มวัดวาอารามให้กรุงเทพฯ เหมือนกรุงเก่า นำมาสู่การสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดหลายแห่งทั้งในและนอกเขตพระนคร รวมถึงการปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ด้วย

แม้จะมีสงครามขนาดใหญ่หลายศึกตลอดรัชสมัยของสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ เช่น สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์ สงครามกับญวนที่เรียกว่า “อานามสยามยุทธ” และการปราบปรามหัวเมืองมลายู แต่ความมั่งคั่งจากการค้าขายด้วยเรือสําเภา ทําให้การก่อสร้างวัดวาอาราม และอาคารสถานที่ต่าง ๆ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยเฉพาะบริเวณสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ตัวเมืองลงไปทางทิศใต้ อันเป็นย่านการค้ากับต่างประเทศ

ตัวตนของ “กรุงเทพฯ” ในแบบที่ข้ามพ้นความเป็นกรุงศรีอยุธยา จึงกระจ่างชัดในสมัยรัชกาลที่ 3 นี่เอง

อีกตัวอย่างในความเป็นพระเจ้าแผ่นดินอยุธยาของสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ที่ปรากฏให้เห็นคือ กรณีการห่มจีวรของพระสงฆ์ในสมัยนั้น ดังที่ ส.ศิวรักษ์ เล่าว่า

“ท่านอนุรักษนิยมมากทีเดียว ก่อนสวรรคตยังเป็นห่วงเรื่อง ‘พระห่มแหวก’ เขียนจดหมายถึงน้องชาย (รัชกาลที่ 4) ว่าพระกรุงศรีอยุธยา ‘ห่มคลุม’ (คลุมไหล่) มาตลอด ตอนนี้จะมาห่มแหวกแบบมอญ-พม่า เป็นที่น่าเสียใจ คนจะจำแผ่นดินท่านว่าเป็นแผ่นดินที่เมืองไทยกลายเป็นเมืองมอญไป”

อย่างไรก็ตาม รัชกาลที่ 3 ยังทรงยึดมั่นในอุดมการณ์ของรัฐที่สถาปนาขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ รัชกาลที่ 1 นั่นคือแนวความคิดเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์บนรากฐานพระพุทธศาสนาใหม่ ซึ่งแตกต่างจากสมัยอยุธยา เพราะมีความเป็นมนุษยนิยมและเหตุผลนิยมมากขึ้น ด้วยการวางพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีตามคติศาสนา

กล่าวได้ว่า ความเป็น “พระเจ้าแผ่นดินอยุธยา” ของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สิ้นสุดที่รัชกาลที่ 3 เพราะรัชกาลที่ 4 ทรงปรับปรุงธรรมเนียมในราชสำนักหลายอย่าง ทรงรับค่านิยมสมัยใหม่อย่างตะวันตกเข้ามา เพื่อแสดงออกถึงความเป็นอารยประเทศให้ประจักษ์แก่ชาวต่างชาติ รวมถึงระบอบกษัตริย์นิยมแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งถูกปรับให้เท่าทันโลกมากยิ่งขึ้นไปอีกเพื่อรับมือการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

https://www.silpa-mag.com/history/article_42217

https://www.youtube.com/watch?v=JzhgFOFg0Co

ปวีณา หมู่อุบล. (2567). อำนาจนำพระนั่งเกล้าฯ การเมืองวัฒนธรรมของชนชั้นนำต้นรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ : มติชน.


เผแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 10 มิถุนายน 2567