“เซนต์คิตส์และเนวิส” 1 ใน 10 ประเทศเล็กสุดในโลก ที่ “คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส” ตั้งชื่อให้

โบสถ์พระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล เกาะเซนต์คิตส์ เซนต์คิตส์และเนวิส
โบสถ์พระนางมารีอาปฏิสนธินิรมลที่เซนต์คิตส์และเนวิส สะท้อนอิทธิพลของฝรั่งเศสช่วงที่เข้ามาตั้งอาณานิคมบนเกาะ (ภาพจาก https://www.visitstkitts.com/gallery)

“เซนต์คิตส์และเนวิส” หรือชื่อทางการคือ สหพันธรัฐเซนต์คิตส์และเนวิส มีจุดเด่นอยู่ที่ธรรมชาติอันสวยงามและความเงียบสงบ หากจะมองเซนต์คิตส์และเนวิสในแง่ที่มาก็ดูจะน่าสนใจอยู่เหมือนกัน เพราะผู้ตั้งชื่อประเทศนี้คือ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักสำรวจและนักเดินเรือชื่อดังของโลก ที่รู้จักดินแดนนี้หลังจากเขาค้นพบทวีปอเมริกาเพียงปีเดียวเท่านั้น

เซนต์คิตส์และเนวิส (Saint Kitts And Nevis) ตั้งอยู่ในหมู่เกาะลีเวิร์ด ทะเลแคริบเบียน เป็นประเทศที่มี 2 เกาะ คือ เกาะเซนต์คิตส์ หรือเกาะเซนต์คริสโตเฟอร์ และ เกาะเนวิส อยู่ห่างจากเกาะเซนต์คิตส์ไปทางใต้ราว 3 กิโลเมตร พื้นที่โดยรวมของประเทศคือ 104 ตารางไมล์ หรือ 269 ตารางกิโลเมตร ทำให้ติด 1 ใน 10 ประเทศเล็กสุดในโลกไปโดยปริยาย (ประเทศที่เล็กสุดในโลกคือ นครรัฐวาติกัน ราว 0.44 ตารางกิโลเมตร)

เมื่อก่อน เซนต์คิตส์และเนวิส เป็นดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร ต่อมาได้รับเอกราชในวันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 1983 แต่ยังมีสถานะเป็นสมาชิกเครือจักรภพ

คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) นักเดินเรือและนักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่ ที่ทำให้อเมริกาเป็นที่รู้จักต่อชาวยุโรปตะวันตกเป็นคนแรก ได้ขึ้นฝั่งที่ “เกาะเซนต์คิตส์” ในการเดินทางสำรวจมหาสมุทรแอตแลนติก ครั้งที่ 2 ในปี 1493 และพบว่ามีชาวพื้นเมืองอาศัยอยู่บนเกาะ

โคลัมบัส ตั้งชื่อเกาะที่พบนี้ว่า “เซนต์คริสโตเฟอร์” (Saint Christopher) ตามชื่อนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเขา ต่อมาชื่อนี้ถูกย่อให้เหลือแค่ “เซนต์คิตส์” โดยผู้ที่ย้ายมาตั้งรกรากที่นี่ภายใต้การดูแลของ เซอร์ โธมัส วอร์เนอร์ (Sir Thomas Warner) ซึ่งเดินทางจากอังกฤษมาถึงเกาะเซนต์คริสโตเฟอร์ในปี 1623 และก่อตั้งอาณานิคมอังกฤษได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในหมู่เกาะเวสต์อินดีส (West Indies)

จากนั้นประวัติศาสตร์ของดินแดนแห่งนี้ก็อยู่ภายใต้อำนาจของอังกฤษและฝรั่งเศสสลับกันไปมา (โดยที่ชาวพื้นเมืองไม่มีสิทธิไม่มีเสียงของตนเองเลย) กระทั่งท้ายสุดก็กลับมาอยู่ในอาณานิคมของอังกฤษช่วงปลายศตวรรษที่ 18

ส่วน “เกาะเนวิส” ก็ไม่มีทางหลุดจากสายตาโคลัมบัสไปได้เช่นกัน โดยชื่อเกาะได้มาจากการที่โคลัมบัสบรรยายถึงเมฆที่ปกคลุมภูเขาไฟ “เนวิส พีค” (Nevis Peak) บนเกาะว่ามีลักษณะเหมือนหิมะ

ด้วยธรรมชาติอันสวยงามและความเงียบสงบ ทำให้ทุกวันนี้ เซนต์คิตส์และเนวิส สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

Mills, Gladstone E.M. and Momsen, Janet D.. “Saint Kitts and Nevis”. Encyclopedia Britannica, 19 Jan. 2024, https://www.britannica.com/place/Saint-Kitts-and-Nevis. Accessed 13 March 2024.

“สหพันธรัฐเซนต์คิตส์และเนวิส” (Saint Kitts and Nevis). https://www.mfa.go.th/th/country/KN?page=5d5bcb3915e39c3060006814&menu=5d5bd3c715e39c306002a87d. Accessed 13 March 2024.

Olivia Munson. “What is the smallest country in the world? The top 10 smallest countries, ranked”. https://www.usatoday.com/story/travel/news/2022/11/16/what-smallest-country-in-the-world/10226143002/. Accessed 13 March 2024.

“วันหยุด ‘โคลัมบัส’ กับประเด็นถกเถียงเรื่องใครคือผู้ ‘ค้นพบ’ อเมริกา?”. https://www.voathai.com/a/columbus-day-christopher-columbus-us-discovery-/5618524.html. Accessed 13 March 2024.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 13 มีนาคม 2567