เบื้องหลังความงามสุดเจ็บปวดของสตรีชาวอาปาตานี (Apatani) ชาติพันธุ์แห่งอรุณาจัลประเทศ

อาปาตานี (Apatani) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในรัฐอรุณาจัลประเทศ (Arunachal Pradesh) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย มีประชากรประมาณ 70,000 คน อาศัยอยู่ที่หุบเขาซีโร (Ziro) ชาวอาปาตานีส่วนใหญ่ยังคงนับถือศาสนาที่เรียกว่า ทงอี-โปโล (Donyi-Polo) คือ การนับถือดวงอาทิตย์ (ทงอี) และดวงจันทร์ (โปโล) ศาสนานี้แพร่หลายในบางพื้นที่ อาทิ รัฐอรุณจัลประเทศ และรัฐอัสสัมของอินเดีย บางส่วนของทิเบต และพม่า ปัจจุบันมีผู้นับถือศาสนาประมาณ 370,000 คน

ทงอี-โปโลถูกปรับให้เข้ากับศาสนาดั้งเดิมของชนเผ่า นั่นคือ การนับถือผี พวกเขาเชื่อว่าความโชคร้ายที่เกิดขึ้นนั้นมาจากวิญญาณบางตน ดังนั้น พวกเขาจึงทำการสังเวยไก่ วัว และสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เพื่อบรรเทาทุกข์ และอีกหนึ่งความน่าสนใจในประเพณีอันเก่าแก่ของชาวอาปาตานี คือ การทำนายดวงชะตาเด็กทารกโดยการดูจากลักษณะตับของไก่ป่า ซึ่งหมอผีจะทำการควักตับไก่ป่าออกมาเพื่อทำนายดวงชะตาให้เด็กคนนั้นว่ามีสุขภาพแข็งแรงหรือไม่ 

เรื่องราวของชาวอาปาตานีนั้นไม่ปรากฎบันทึกที่เป็นลายลักษณ์อักษร อีกทั้งหลักฐานทางโบราณคดีก็มีน้อยเกินไป เรื่องราวความเป็นมาของชาวอาปาตานีจึงเป็นการเล่ากันปากต่อปาก จึงทำให้ตำนานและประเพณีของชนเผ่ายังคงถูกสืบทอดต่อไปโดยผ่านตำนาน สุภาษิต คำพูด นิทานพื้นบ้าน เรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ ฯลฯ ซึ่งเรื่องเล่าดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความรู้และภูมิปัญญาโบราณของผู้เฒ่าในชนเผ่า

ชาวอาปาตานีใช้ภาษา “ตานีอะกุน” (Tanii agun) เป็นภาษาที่หมอผีจะใช้ในพิธีกรรมและเป็นภาษาที่รู้กันเฉพาะผู้อาวุโสในหมู่บ้านเท่านั้น ซึ่งภาษานี้มีแนวโน้มที่จะสูญหายไป เนื่องจากมีผู้คนเพียง 26,000 คนที่ยังคงรู้จักภาษานี้อยู่ อีกทั้งการศึกษาแบบตะวันตกที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาที่อาจจะทำให้ภาษานี้สูญหายไป เนื่องจากการเข้ามาแทนที่ของภาษาอังกฤษ

วัฒนธรรมที่ทำให้ชาวอาปาตานีเป็นที่รู้จักมากที่สุด คือ การติดเครื่องประดับกลม ๆ สีดำของสตรี ที่เรียกว่า Yaping Hurlo โดยจะทำการเจาะจมูกและติดไว้ตรงปีกจมูกทั้ง 2 ข้าง เครื่องประดับดังกล่าวทำมาจากไม้และนำมาแกะสลักเป็นวงกลม โดนจะนำมาประดับเริ่มจากขนาดเล็กแล้วปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นจนกว่ารูจมูกจะใหญ่และผิดรูป นอกจากนี้สตรีชาวอาปาตานีจะทำการสักบนใบหน้า โดยจะสักเป็นเส้นยาวตั้งแต่หน้าผากลงมาจรดปลายจมูก และที่คางอีก 5 เส้น หมึกที่ใช้สักจะเป็นไขมันหมูที่ผสมกับเขม่าจากเตาผิง โดยจะเริ่มสักเมื่อตอนมีประจำเดือนครั้งแรก เชื่อว่าเป็นการเลียนแบบเคราของบุรุษ

ภาพถ่ายสตรีชาวอาปาตานี (Apatani) วัย 109 ปี เมื่อ ค.ศ. 1954 (ภาพจาก University of Washington Libraries)

วัฒนธรรมเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นจากความเจ็บปวดในอดีตของสตรีในชนเผ่า เนื่องจากในสมัยก่อนสตรีชาวอาปาตานีถูกยกย่องว่าสวยที่สุดในพื้นที่บริเวณนี้ จึงทำให้พวกเธอเป็นที่หมายปองของบรรดาบุรุษต่างเผ่าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งบุรุษเหล่านั้นจะแอบเข้าไปในหุบเขาซีโร และลักพาตัวสตรีชาวอาปาตานี เพื่อข่มขื่น บังคับให้แต่งงาน หรือนำไปเป็นทาส

ดังนั้น เพื่อเป็นการปกป้องสตรีในชนเผ่าจึงมีการคิดหาวิธีที่จะทำให้ความสวยนั้นลดลง ชาวเชื่ออาปาตานีมีความเชื่อว่า ความสวยมาพร้อมกับอันตรายและนำความเจ็บปวดมาสู่จิตใจของสตรี จากการถูกฉุดและลักพาตัวโดยบุรุษจากชนเผ่าอื่น ทั้ง ๆ ที่พวกเธอนั้นไม่เต็มใจ

ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นประสบความสำเร็จ เพราะสตรีชาวอาปาตานีถูกลักพาตัวน้อยลง การสักและใส่ Yaping Hurlo ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและประเพณีของชาวอาปาตานี จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1970 รัฐบาลอินเดียได้สั่งห้ามไม่ให้มีการสักและใส่ที่อุดจมูก จึงส่งผลให้ประเพณีดังกล่าวเริ่มที่จะเลือนหายไป

ปัจจุบัน สามารถพบเห็นการเจาะจมูกลักษณะดังกล่าวนี้ได้เพียงเฉพาะในหมู่สตรีวัยชราเท่านั้น เพราะประเพณีดังกล่าวถูกปฏิเสธจากเด็กรุ่นใหม่ เนื่องจากพวกเธอไม่ต้องการดูผิดแปลกไปจากสตรีอื่น จนหมู่บ้านต้องออกประกาศให้รางวัลแก่ผู้หญิงที่มีรูจมูกใหญ่ที่สุดหมู่บ้าน เพื่อหวังที่รักษาขนบธรรมเนียมความบริสุทธิ์ในวัยสาวให้ยังคงอยู่ต่อไป

 


อ้างอิง :

Adam Koziol. “India, Apatani People”. Atlas of Humani discovering the culture diversity. Retrieved June 19, 2021, https://www.atlasofhumanity.com/apatani

Anurag Trivedi. 2020. “India’s Tribal Communities- The Apatani Tribe of Arunachal Pradesh”. SHAAN foundation Education to Ethics. Retrieved June 19, 2021, https://www.shaanfoundation.org/blog/india-tribal-communities-the-apatani-tribe-of-arunachal-pradesh

Zinnia Ray Chauchuri. 2018. “The fading tradition of North East India’s Apatani and Konyak tribes”. Scroll.in. Retrieved June 20, 2021, https://scroll.in/magazine/903683/photos-the-fading-traditions-of-north-east-indias-apatani-and-konyak-tribes


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 21 มิถุนายน 2564