ผู้เขียน | เสมียนนารี |
---|---|
เผยแพร่ |
“เทศกาลไหว้พระจันทร์” ในวันที่มีมนุษย์ไปถึง “ดวงจันทร์”
เทศกาลจีนยุคแรกมีลักษณะเป็นนักขัตฤกษ์ตามฤดูกาล แสดงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ (มากกว่าแสดงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสังคม) เพราะในสังคมเก่านั้น การทำนาทำไร่ คืออาชีพหลักของประชาชน เป็นอาชีพที่ต้องพึ่งพิงธรรมชาติ ต้องสอดคล้องกับฤดูกาล การเซ่นสรวงบูชาฟ้า ดิน ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ฯลฯ เพื่อขอบคุณธรรมชาติ จึงเกิดเป็นเทศกาลตามลัทธิศาสนาของชุมชน และบางเทศกาลของประเทศ หรือยกระดับเป็นพิธีกรรมของรัฐ ดังนั้น “เทศกาลไหว้พระจันทร์” ก็มีที่มาในลักษณะเดียวกัน
เทศกาลไหว้พระจันทร์ กำหนดตามปฏิทินจันทรคติของจีน คือ วัน 15 ค่ำ เดือน 8 วันนี้เป็นวันหนึ่งพระจันทร์เต็มดวงสวยงามจากมุมองศาที่มองจากเมืองจีน ช่วงเวลานี้มีข้าวเจ้า, ข้าวเหนียวสุก สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว จึงมีข้าวที่จะใช้เซ่นสรวง มีเงินที่จะใช้จับจ่าย มีเวลารื่นเริงนอกจากเซ่นสรวงเทพเจ้าและบรรพชนแล้ว จึงมีกิจกรรมเที่ยวชมจันทร์, เอร็ดอร่อยไปกับ ขนมไหว้พระจันทร์, คนหนุ่มสาวได้พบปะรู้จักกัน, กลับบ้านกินข้าวเย็นพร้อมกับครอบครัว นัยว่าเหมือนดวงจันทร์เต็มดวง ฯลฯ
สมัยราชวงศ์ถัง เทศกาลไหว้พระจันทร์ เป็นแค่เทศกาลพื้นบ้านของประชาชนเท่านั้น เมื่อถึง สมัยราชวงศ์ซ่ง (พ.ศ. 1503-1822) จึงมีฐานะเป็นเทศกาลของรัฐ มีการเฉลิมฉลองกันทั้งคืน แต่ความจดจำของเทศกาลไหว้พระจันทร์กลับเป็นตำนาน สมัยราชวงศ์หยวน ซึ่งเป็นสมัยที่ชาวมองโกลปกครองประเทศจีน ที่สอดจดหมายน้อยในไส้ของ “ขนมไหว้พระจันทร์” เพื่อนัดหมายกันต่อสู้กับมองโกลจนได้ชัยชนะ
ยุคสาธารณรัฐ เมื่อ พ.ศ. 2492 รัฐบาลพรรคคอมนิวนิสต์ กำหนดวันหยุดราชการใหม่ มีเพียง “ตรุษจีน” เท่านั้นที่เป็นวันหยุดราชการ ต่อมาวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2550 รัฐบาลออกประกาศเรื่อง “วันหยุดเทศกาลและวันหยุดราชการ” ว่าตั้งแต่ พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป ให้เทศกาลตรุษจีนเป็นวันหยุดยาว 7 วัน เทศกาลเช็งเม้ง, เทศกาลบะจ่าง, และเทศกาลไหว้พระจันทร์ หยุดเทศกาลละ 1 วัน
ที่ประเทศจีนไหว้นอกจากตรุษจีนแล้ว รองลงมาก็คือไหว้พระจันทร์ที่เป็นเทศกาลคึกคักไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมณฑลฮกเกี้ยน ตั้งแต่ฉวนโจว ลงมาถึงเซี่ยเหมิน (เอ้หมึง) และจางโจว
เพราะรัฐบาลจีนพยายามใช้เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นสื่อในการสื่อสารไปยังชาวไต้หวัน ซึ่งอยู่บนแผ่นดินตรงข้าม ให้กลับมาร่วมชาติจีน ร่วมภาษาฮกเกี้ยน เสมือนสมาชิกในบ้านที่กลับมาพร้อมหน้าในเทศกาลไหว้พระจันทร์
สำหรับลูกหลานจีนโพ้นทะเลในไทย อดีตที่ผ่านมาเมื่อ 40-50 ปีก่อน เทศกาลไหว้พระจันทร์มีกิจกรรมหนึ่งสำหรับผู้หญิง เรียกว่า “ง๊วยเนี้ยหวย” ที่ชักชวนผู้หญิงในชุมชนเก็บเงินกันคนละเล็กละน้อยแต่ละเดือน เมื่อถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็จะนำเงินก้อนนี้ไปซื้อของให้ตามที่สมาชิกทุกคนที่ร่วมออมเงินตกลงกัน (คล้ายกับการเล่นแชร์ แต่ไม่มีดอก และไม่มีแข่งกันเปียทุกๆ เดือน) เช่น เครื่องสำอาง, เสื้อผ้า, ผลไม้, ขนม ฯลฯ ขึ้นกับเงินที่รวบรวมได้มากน้อยเพียงใด
ปัจจุบัน เทศกาลไหว้พระจันทร์ถูกลดบทบาทลงไปพอสมควร เทศกาลจีนที่ยังคงให้ความสำคัญ และมีการเซ่นไหว้ ในหลายๆ ครอบครัว หลายชุมชน เหลือเพียง ตรุษจีน, เช็งเม้ง และสารทจีน เป็นหลัก
เทศกาลไหว้พระจันทร์ในวันนี้ ที่ดูเหมือนจะหมดเสน่ห์ สิ้นมนต์ขลังนั้น ไม่ใช่เพราะมนุษย์หลายสัญชาติสามารถเดินทางออกนอกโลกไปเหยียบดวงจันทร์ได้ แต่เพราะวิถีชีวิตที่ห่างไกลจากสังคมเกษตรกรรม และธรรมชาติ ที่เป็นจุดตั้งต้นของเทศกาล
อ่านเพิ่มเติม :
อ้างอิง :
ถาวร สิกขโกศล. เทศกาลจีนและการเซ่นไหว้, สำนักพิมพ์มติชน มีนาคม 2557
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 13 กันยายน 2562