ผู้เขียน | เสมียนนารี |
---|---|
เผยแพร่ |
เทศกาลจีนยุคแรกจึงมีลักษณะเป็นนักขัตฤกษ์ตามฤดูกาล แสดงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ (มากกว่าแสดงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสังคม) เพราะในสังคมเก่านั้น การทำนาทำไร่คืออาชีพหลักของประชาชน เป็นอาชีพที่ต้องพึ่งพิงธรรมชาติ ต้องสอดคล้องกับฤดูกาล การเซ่นสรวงบูชาฟ้า ดิน ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ฯลฯ เพื่อขอบคุณธรรมชาติ จึงเกิดเป็นเทศกาลตามลัทธิศาสนาของชุมชน และบางเทศกาลของประเทศ หรือยกระดับเป็นพิธีกรรมของรัฐ
เทศกาล “ไหว้พระจันทร์” ก็มีที่มาในลักษณะเดียวกัน
เทศกาลไหว้พระจันทร์ กำหนดตามปฏิทินจันทรคติของจีน คือ วัน 15 ค่ำ เดือน 8 (ปี 2564 ตรงกับวันที่ 21 กันยายน) วันนี้เป็นวันหนึ่งพระจันทร์เต็มดวงสวยงามจากมุมองศาที่มองจากเมืองจีน ช่วงเวลานี้มีข้าวเจ้า, ข้าวเหนียวสุกสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว จึงมีข้าวที่จะใช้เซ่นสรวง มีเงินที่จะใช้จับจ่าย มีเวลารื่นเริงนอกจากเซ่นสรวงเทพเจ้าและบรรพชนแล้ว จึงมีกิจกรรมเที่ยวชมจันทร์ คนหนุ่มสาวได้พบปะรู้จักกัน, กลับบ้านกินข้าวเย็นพร้อมกับครอบครัว นัยว่าเหมือนดวงจันทร์เต็มดวง ฯลฯ

คลิกอ่านเพิ่มเติม : ความเป็นมาของ “เทศกาลไหว้พระจันทร์” ทำไมต้องไหว้พระจันทร์ ?
ในสมัยราชวงศ์ถังเทศกาลไหว้พระจันทร์ เป็นแค่เทศกาลพื้นบ้านของประชาชนเท่านั้น ถึงสมัยราชวงศ์ซ่ง (พ.ศ. 1503-1822) จึงมีฐานะเป็นเทศกาลของรัฐมีการเฉลิมฉลองกันทั้งคืน แต่ความจดจำของเทศกาลไหว้พระจันทร์กับเป็นตำนานในราชวงศ์หยวน ซึ่งเป็นสมัยที่ชาวมองโกลปกครองประเทศจีน ที่สอดจดหมายน้อยในไส้ขนมไหว้พระจันทร์เพื่อนัดหมายกันต่อสู้กับมองโกลจนได้ชัยชนะ
สำหรับยุคสาธารณรัฐ เมื่อปี 2492 รัฐบาลพรรคคอมนิวนิสต์ กำหนดวันหยุดราชการใหม่ มีเพียง “ตรุษจีน” เท่านั้นที่เป็นวันหยุดราชการ ต่อมาวันที่ 7 ธันวาคม 2550 รัฐบาลออกประกาศเรื่อง “วันหยุดเทศกาลและวันหยุดราชการ” ว่าตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไป ให้ เทศกาลตรุษจีนเป็นวันหยุดยาว 7 วัน เทศกาลเช็งเม้ง, เทศกาลบะจ่าง, และไหว้พระจันทร์ หยุดเทศกาลละ 1 วัน
ที่ประเทศจีนไหว้นอกจากตรุษจีนแล้ว รองลงมาก็คือไหว้พระจันทร์ที่เป็นเทศกาลคึกคักไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมณฑลฮกเกี้ยน ตั้งแต่ ฉวนโจวลงมาถึงเซี่ยเหมิน (เอ้หมึง) และจางโจว เพราะรัฐบาลจีนพยายามใช้เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นสื่อในการสื่อสารไปยังชาวไต้หวันซึ่งอยู่บนแผ่นดินตรงข้าม ให้กลับมาร่วมชาติจีน ร่วมภาษาฮกเกี้ยน เสมือนสมาชิกในบ้านที่กลับมาพร้อมหน้าในเทศกาลไหว้พระจันทร์
สำหรับลูกหลานจีนโพ้นทะเลในไทย อดีตที่ผ่านมาเมื่อ 40-50 ปีก่อน เทศกาลไหว้พระจันทร์มีกิจกรรมหนึ่งสำหรับผู้หญิง เรียกว่า “ง๊วยเนี้ยหวย” ที่ชักชวนผู้หญิงในชุมชนเก็บเงินกันคนละเล็กละน้อยแต่ละเดือน เมื่อถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็จะนำเงินก้อนนี้ไปซื้อของให้ตามที่สมาชิกทุกคนที่ร่วมออมเงินตกลงกัน (คล้ายกับการเล่นแชร์ แต่ไม่มีดอก และไม่มีแข่งกันเปียทุกๆเดือน) เช่น เครื่องสำอาง, เสื้อผ้า, ผลไม้, ขนม ฯลฯ ขึ้นกับเงินที่รวบรวมได้มากน้อยเพียงใด
ปัจจุบันไหว้พระจันทร์ถูกลดบทบาทลงไปพอสมควร เทศกาลจีนที่ยังคงให้ความสำคัญ และมีการเซ่นไหว้ ในหลายๆ ครอบครัว หลายชุมชน เหลือเพียง ตรุษจีน, เช็งเม้ง และสารทจีน เป็นหลัก
เทศกาล“ไหว้พระจันทร์” ในวันนี้ ที่ดูเหมือนจะหมดเสน่ห์ สิ้นมนต์ขลังนั้น ไม่ใช่เพราะมนุษย์หลายสัญชาติสามารถเดินทางออกนอกโลกไปเหยียบดวงจันทร์ได้ แต่เพราะวิถีชีวิตที่ห่างไกลจากสังคมเกษตรกรรม และธรรมชาติที่เป็นจุดตั้งต้นของเทศกาล
ข้อมูลจาก ถาวร สิกขโกศล. เทศกาลจีนและการเซ่นไหว้, สำนักพิมพ์มติชน มีนาคม 2557
เผยแพร่ครั้งแรกในระบบออนไลน์เมื่อ :13 กันยายน 2562