ออเดรย์ มันสัน นางแบบรูปปั้น-สายเซ็กซี่ยุคแรกผู้ล่วงลับ แต่ยังเห็นเธออยู่ทั่วมุมเมือง

ออเดรย์ มันสัน กับแมว Buzzer ภาพถ่ายโดย Genthe, Arnold เผยแพร่เมื่อ 1915

คำว่า “ซูเปอร์โมเดล” หรือ “นางแบบ” คนดังในสมัยนี้ไม่ได้เชื่อมโยงกับสถานะ “ดารา-นักแสดง” เท่านั้น คนทั่วไปก็สามารถได้รับสถานะนี้เช่นกันเมื่อปัจจุบันมีบุคคลธรรมดาก็มีสื่อและช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มคนได้อย่างกว้างขวาง แต่หากย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 100 ปีก่อน การจะเป็น “นางแบบ” ระดับซูเปอร์โมเดล คงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็มีหญิงสาวที่ไปถึงจุดนั้นได้อย่าง “ออเดรย์ มันสัน” (Audrey Munson)

สำหรับวงการบันเทิงในระดับนานาชาติ สื่อตะวันตกทั้งจากยุโรปและอเมริกันมีอิทธิพลต่อความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่อื่นรอบโลก และในช่วงต้นรอยต่อศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 สังคมอเมริกันรู้จักซูเปอร์โมเดลรายแรกนามว่า ออเดรย์ มันสัน ในยุคสมัยของเธอ อเมริกันชนขนานนามเธอด้วยหลากหลายฉายา ไม่ว่าจะเป็น “อเมริกันวีนัส” หรือ “มิสแมนฮัตตัน” คนจำนวนไม่น้อยยกให้เธอเป็น “ซูเปอร์โมเดล” อเมริกันคนแรก หรือขั้น “ซูเปอร์โมเดล” คนแรกในยุคสมัยใหม่ (โมเดิร์น) เช่นเดียวกับนามเรียกขาน เธอมีชีวิตที่โลดโผนไม่เบาทีเดียว

ออเดรย์ มันสัน กำเนิดเมื่อค.ศ. 1891 ว่ากันว่า เมื่อเธออายุ 5 ขวบ หมอดูยิปซีทิ้งคำนายที่หลอกหลอนมาตลอดชีวิตของเธอว่า เธอจะเป็นที่รักของคนจำนวนมากและมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่หากคิดว่าจะเป็นเรื่องที่มอบความสุขให้ มันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา เธอจะต้องโหยหาเศษเงินหลังจากที่ได้ใช้จ่ายจำนวนมากไปอย่างทิ้งขว้าง เช่นเดียวกับโหยหาความรัก และคนรัก ไม่ว่าคำทำนายนี้จะส่งผลต่อแนวคิดหรือวิธีดำเนินชีวิตของเธอหรือไม่ แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว คำทำนายนี้ก็มีบางส่วนที่สะท้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอได้

ในปี ค.ศ. 1909 เธอย้ายไปที่นิวยอร์ก เพื่อไล่ตามเป้าหมายทำอาชีพนักแสดงหรือนักร้องประสานเสียงในการแสดงบรอดเวย์ ซึ่งเธอก็ไขว่คว้าฝันในขั้นต้นได้สำเร็จ ยังได้รับบทบาทรองบ้าง ช่วงเวลาสำคัญที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปอย่างสิ้นเชิงคือเมื่อเธอไปเลือกซื้อของกับแม่ ฟิลิกซ์ แฮร์ซอก (Felix Herzog) ศิลปินรายหนึ่งพบเห็นเธอและรู้สึกต้องตา และชักชวนเธอไปทดลองงานโพสต์ท่าเป็นแบบให้ที่สตูดิโอของเขา และเธอก็เริ่มก้าวเข้าสู่โลกของศิลปินรายนี้ ได้รู้จักกับเพื่อนของฟิลิกซ์

เธอได้ลองโพสต์ท่าให้กับศิลปินจำนวนหนึ่งก่อนที่จะรู้จักนักปั้นนามว่า Isidore Konti ซึ่งเป็นผู้ปั้นรูปปั้นของเธอเป็นรายแรก และยังเป็นครั้งแรกที่เธอเป็นแบบให้การปั้นรูปปั้นแบบเปลือย Konti พยายามโน้มน้าวใจแม่ของออเดรย์ และตัวออเดรย์ เอง โดยให้เหตุผลว่า เหล่าศิลปินสนใจแค่ผลงานในกลุ่มลักษณะเหล่านี้

หลังจากนั้น เธอก็กลายเป็นที่สนใจของเหล่านักปั้นในนิวยอร์ก รูปปั้นที่ผู้คนพบเห็นในเมืองแทบจะเป็นรูปปั้นที่มีเธอเป็นแรงบันดาลใจต้นแบบ ผลงานซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือรูปปั้นซึ่งตั้งอยู่ที่เทศบาลแมนฮัตตัน เมื่อ ค.ศ. 1913 หลังจากนั้นก็มีรูปปั้นเลียนแบบเธอออกมากระจัดกระจายไปทั่วจนผู้คนขนานนามเธอว่า “มิสแมนฮัตตัน” (Miss Manhattan) ดังเช่นงานศิลปะรอบเมืองในคลิปด้านล่าง

ไม่กี่ปีต่อมา เธอได้โอกาสที่จะไขว่คว้างานเพื่อก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพ ในค.ศ. 1915 เธอได้รับเลือกจากศิลปินเป็นต้นแบบโพสต์ท่าสำหรับรูปปั้นจำนวนมากในงานเทศกาลระดับนานาชาติซึ่งจัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโก หลังจากความนิยมในเทศกาล เธอจึงเริ่มก้าวสู่วงการแผ่นฟิล์ม และไปปรากฏตัวในภาพยนตร์นู้ดเต็มรูปแบบชื่อ “ดิ อินสไปเรชั่น” (The Inspiration) ผู้คนจึงรู้จักเธอในฐานะผู้หญิงคนแรกที่ร่วมแสดงในซีนซึ่งมีฉากเปลือยในภาพยนตร์ที่ไม่ใช่ “หนังโป๊” ในวงการภาพยนตร์อเมริกัน

ในการทำหน้าที่นี้ มันสัน ยืดอกยืนยันจุดยืนของตัวเองอย่างมั่นใจซึ่งทำให้เธอเริ่มคัดคานกับมาตรฐานทางสังคมแบบอเมริกันในสมัยนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เธอปฏิเสธแต่งกายตามมาตรฐานทางสังคมที่ต้องสวมใส่ corselet (ชุดชั้นในผู้หญิงที่สวมเพื่อให้สะโพกและหน้าอกเข้ารูปทรง) และรองเท้าส้นสูง และเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่เข้ากับความเป็นผู้หญิงตามธรรมชาติแบบปกติทั่วไป

ออเดรย์ ร่วมแสดงในภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง ซึ่งได้เสียงตอบรับไม่เลวทีเดียว และทำให้เธอคิดว่าเธอมีโอกาสเป็นดาราระดับฮอลลีวูด แต่ที่สุดแล้วก็ไม่ได้ไปไกลถึงขนาดนั้น หลังจากนั้นเธอก็หันกลับมาเข้าสู่แวดวงสังคมชนชั้นสูงในนิวยอร์ก อันเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนในชีวิตของเธอ

ในช่วง ค.ศ. 1917 มีกระแสว่า แม่ของออเดรย์ ระบุว่า เธอแต่งงานกับ Hermann Oelrichs Jr. ทายาทของกลุ่ม Comstock Lode ธุรกิจสายแร่ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นคนโสดที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่ไม่เคยมีหลักฐานจากตัวเธอเองที่ยืนยันเรื่องนี้ มีรายงานว่าอีก 2 ปีต่อมา แม่และเธอเองอาศัยในบ้านพักที่แมนฮัตตัน ซึ่งถือครองโดยดร.วอลเตอร์ วิลกินส์ ผู้ที่หลงรักเธอแบบหัวปักหัวปำ กระทั่งเขาตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมจูเลีย ภรรยาของเขาเอง ภายหลังมีรายงานว่า มันสันและแม่เดินทางออกจากนิวยอร์ก ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการตัวเธอมาสอบปากคำ แม้เจ้าหน้าที่จะสืบทราบที่อยู่ได้ แต่พวกเธอปฏิเสธเดินทางกลับนิวยอร์ก ภายหลังวิลกินส์ ถูกตัดสินว่ามีความผิด ก่อนที่จะถูกประหารด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า วิลกินส์ กลับแขวนคอฆ่าตัวตายในเรือนจำก่อน

เหตุการณ์เสมือนเป็นคดีอื้อฉาวที่มีชื่อออเดรย์ ไปเกี่ยวข้องจนเธอไม่สามารถหางานนางแบบได้อีกต่อไป เนื่องจากคนส่วนใหญ่หวาดหวั่นที่จะร่วมงานกับเธอ ในค.ศ. 1920 สื่อท้องถิ่นถึงกับรายงานว่า เธอทำงานเลี้ยงปากท้องด้วยการเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์ มีรายงานบางแหล่งอ้างว่า แม่ของเธอต้องขายเฟอร์นิเจอร์ในบ้านไปทีละชิ้นเพื่อประทังชีวิต

กระแสข่าวเกี่ยวกับเธอปรากฏเป็นหัวข้อสนทนาไปทั่วเมืองอีกครั้งในช่วงกลางปี ค.ศ. 1921 เมื่อมีบทความในนิตยสารเผยแพร่โดยใช้ชื่อเธอเป็นผู้เขียนซีรีส์ที่เรียกว่า “ราชินีแห่งสตูดิโอของศิลปิน” (Queen of the Artists’ Studios) เนื้อหาในบทความเชื่อมโยงกับเรื่องราวในอาชีพของเธอ และเตือนใจนางแบบรายอื่น หลังจากนั้นก็ยังมีคดีความเกิดขึ้นกับผู้สร้างหนัง ไปจนถึงกระแสประกาศหาเจ้าบ่าวไปทั่วประเทศเมื่อค.ศ. 1921 และปลายปีเดียวกัน เธอถูกจับกุมจากข้อหาร่วมแสดงในหนังนู้ดชื่อ Innocence แต่เธอและผู้กำกับก็พ้นโทษในเวลาต่อมา นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ถือเป็นช่วงขาลงของออเดรย์ อย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงอยู่ในอาการซึมเศร้า แต่ยังเป็นคนที่ถูกมองว่าพยายามไขว่คว้าความสำเร็จ ทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จัก และมักมีพฤติกรรมที่ไม่สามารถคาดเดาได้

ปี 1922 เธอพยายามฆ่าตัวตาย ชีวิตของเธอยังวนเวียนอยู่ในห้วงเวลาที่ยากลำบากอีก 9 ปี กระทั่ง ค.ศ. 1931 แม่ของเธอต้องส่งออเดรย์ เข้าบำบัดในสถานบำบัดผู้ป่วยทางจิตเพื่อรักษาอาการซึมเศร้าและโรคจิตเภท และใช้ชีวิตอยู่ในสถานบำบัดตราบกระทั่งเสียชีวิตเมื่อปี 1996 ในวัย 104 ปี ซึ่งก่อนหน้าที่เธอจะเสียชีวิตไม่กี่ปี วงการภาพยนตร์ค้นพบผลงานเรื่อง Purity อันเป็นภาพยนตร์โป๊ของฝรั่งเศส และยังเป็นภาพยนตร์เรื่องเดียวที่มีเธอแสดงและหลงเหลือรอดมาอยู่จนถึงปัจจุบัน

อ่านเพิ่มเติมกว่าจะเป็นหนัง-เว็บโป๊ ค้นสิ่งเร้ากามารมณ์ชิ้นแรกๆ ของโลก สู่สื่อโป๊สมัยใหม่ยุคดิจิทัล

ในแวดวงศิลปะยุคหลังโดยเฉพาะศิลปินในนิวยอร์กยังมีผู้รำลึกถึงเธอ และเคลื่อนไหวระดมทุนไปจัดสร้างอนุสรณ์เพื่อมาประดับหน้าหลุมศพของเธอในนิวยอร์ก เหล่าศิลปินท้องถิ่นยังรำลึกถึงความงามของเธอ โดย Saki Knafo คอลัมนิสต์ที่เขียนบทความในนิวยอร์ก ไทมส์ อธิบายลักษณะใบหน้าของเธอว่า ด้วยรูปทรงของจมูกที่โดดเด่น รูปร่างที่ดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ออเดรย์ มันสัน เปรียบเสมือนความงามในอุดมคติแบบกรีก

 


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2562