ที่มา | ศิลปวัฒนธรรม ฉบับสิงหาคม 2558 |
---|---|
ผู้เขียน | หลวงเมือง |
เผยแพร่ |
ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่มีนิสัยกลัวผีมาตราบกาลนานแล้ว แม้เรื่องผีจะไม่มีเหตุผลอะไรใดทั้งสิ้นเลย แต่ข้าพเจ้าก็มีเหตุผลที่จะกลัว และทุกวันนี้ยังกลัวเป็นปกติ เมื่อข้าพเจ้ายังไม่แก่หง่อมขนาดนี้ ได้แต่งหรือประพันธ์เรื่องผีไว้หลายเรื่อง พอดำรงชีพไปได้ตามอัตภาพ ที่แต่งเรื่องผีได้เพราะกลัวผีเท่านั้นเอง
เมื่อข้าพเจ้ายังเล็กๆ ภาพยนตร์ทั้งไทยและฝรั่งมาฉายที่วิกข้างบ้านก็มีเรื่องผีต่างๆ หนังฝรั่งก็มีเรื่อง “เดชผีดิบ” เป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ชุบคนตายให้ฟื้น คำว่า “ชุบ” ในภาษาไทยมีใช้ทั้งไสยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เช่น พระสังข์ชุบตัวให้เป็นทอง และ “ไปชุบตัวมาจากอเมริกา” สำนวนนี้หมายถึงไปเรียนต่อจากต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังมีเรื่อง “สาวสองพันปี” คือนางเอกรักพระเอกมาก พระเอกตายก็ทำไม่ให้เน่า หลังจากเวลาผ่านไปพระเอกพบนางเอกซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีอายุยืนถึงสองพันปีแต่ยังไม่แก่ เรื่องผีแบบนี้ถ้าให้คนไทยสร้างคงเข้าทีกว่าเยอะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผี คนดูก็ไม่กลัว เพราะเรากลัวผีประเภทนางนากพระโขนงมากกว่า ขนาดได้ยินแต่ชื่อซึ่งเรียกกันเมื่อก่อนสงครามว่า “อีนากควักโขนง” ก็กลัวกันจะแย่อยู่แล้ว เพราะไม่รู้ว่าโขนงที่นางนากควักออกมาคืออะไร
ส่วนของไทยมีเรื่อง “ผีตายซาก” ออกฉายหลังจากเรื่อง “เดชผีดิบ” ไม่นานนัก คือมีนักวิทยาศาสตร์แผนโบราณของไทยได้ตำราชุบคนตายให้ฟื้น ไปขุดศพนายทหารโบราณชั้นพระยามาได้ พอท่านพระยานั้นได้รับการชุบให้ฟื้นแล้วเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เกิดจำได้ว่าเป็นแฟนเก่าของพี่แกมาเกิดใหม่ เรื่องก็พัลวันกันพอสมควร เป็นเรื่องผีที่ไม่น่ากลัวแม้คนไทยสร้างเอง
ภาพยนตร์ไทยเรื่องผีที่ประทับใจข้าพเจ้ามากคือ “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” แม้ข้าพเจ้าจำเรื่องไม่ได้ แต่จำเพลงที่บรรเลงเป็นภูมิหลังได้ เขาใช้เครื่องดนตรีไทย เพลงเช่นนี้เมื่อข้าพเจ้าเล็กๆ มีละครเรื่อง “แม่ศรีไพรวัลย์” มาแสดงที่วิกข้างบ้าน เวลาผีมาเขาก็บรรเลงเพลงดังกล่าว สุนัขหอนกันทั้งตลาด ผู้แสดงก็ขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน เวลาที่พี่ๆ น้องๆ ของข้าพเจ้าจะเล่นผีหลอกกัน ก็ร้องเพลงนี้เป็นประจำ น่ากลัวทุกที
ผู้ใหญ่เล่าว่า สมัยโบราณเมื่อข้าศึกมาล้อมบ้านล้อมเมือง ผู้มีทรัพย์ก็นำไปฝังไว้ในที่ลึกลับต่างๆ ผู้มีบริวารมากก็หอบหิ้วสมบัติเข้าไปในป่าห่างไกล เล่ากันว่าครั้งหนึ่งนายโสมหัวหน้าคนสนิทของขุนนางผู้ใหญ่นำทรัพย์สมบัติมีค่าเป็นอันมากไปซ่อนไว้ในถ้ำ นายโสมฆ่าพวกพ้องของตนจนตายหมด เหลือนายโสมคนเดียว
เมื่อกรุงแตกสูญหายกันไป ไม่มีใครมารับของกลับคืน นายโสมก็ตายอยู่กับสมบัติเหล่านั้น วิญญาณนายโสมเฝ้าทรัพย์อยู่ตลอดมา เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้ คนร้ายขุดได้ทรัพย์สินมีค่ามหาศาลอันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครประดิษฐ์ได้อีกแล้ว ที่วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คนที่ขุดก็เป็นบ้า ร้านทองที่รับซื้อไว้ก็เจ๊งไปตามๆ กัน
มีผู้กล่าวว่าสำหรับในป่าเขาลำเนาไพรอันลี้ลับ น่าจะยังมีทรัพย์ล้ำค่ามหาศาลซ่อนอยู่มากมาย ผู้ที่ไปพบเห็นก็เป็นพระธุดงค์ไม่มีเยื่อใยในสิ่งนั้นอีกแล้ว
สำหรับการค้นหาสมบัติโบราณที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น มีผู้ออกความเห็นว่า ในพิธีฌาปนกิจร่างไร้วิญญาณที่ไม่มีญาติ เขาให้ผู้ที่มีสัมผัสพิเศษวิ่งไปปักไม้ตามที่ต่างๆ ขุดลงไปก็ได้ทุกครั้ง จะใช้วิธีเดียวกันชี้จุดซ่อนทรัพย์โบราณได้บ้างหรือไม่ ขนาดศพเก่าๆยังพบ ทรัพย์สินมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่ไม่น้อย จะรอดพ้นพลังจิตนอกสำนึกของคนเหล่านั้นไปได้หรือ แต่คนที่จะกระทำกิจการอันนี้ควรเป็นเจ้าหน้าที่โบราณคดีของกรมศิลปากรเท่านั้น ผู้ไม่มีความรู้ไม่ควรเข้าไปยุ่ง
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดยุติไม่นานนัก หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า ในระหว่างสงครามทางราชการได้อพยพเครื่องยศและบรรดาราชูปโภคของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศ์ซึ่งสะสมกันมาแต่โบราณกาล ไปซ่อนไว้ในป่าดงดิบที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีนายตำรวจยศชั้นนายพันตำรวจเอก (มีบรรดาศักดิ์ – จำไม่ได้) คุมกำลังตำรวจหน่วยกล้าตายและสละชีวิตแล้วดูแลอยู่ ถ้าสงครามเลิกก็จะจัดกำลังไปรับกลับ แต่บ้านเมืองพินาศล่มจมก็ต้องเฝ้าอยู่ที่นั่นไปจนตาย
ข่าวกล่าวต่อไปว่า รถไฟจะขนย้ายเครื่องราชูปโภคเหล่านี้จำนวน 40 ลังใหญ่ เข้ามายังสถานรับส่งสินค้าที่หัวลำโพงที่อยู่ใกล้สะพานนพวงศ์ เพื่อส่งต่อให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ของกองทัพบก คันละ 1 ลัง รถบรรทุกแต่ละคันมีรถจี๊ปคุ้มครอง อาวุธพร้อม 1 คัน กำหนดความเร็วรถบรรทุกด้วย จำได้ว่าวิ่งช้ามาก แล่นข้ามสะพานนพวงศ์เลี้ยวซ้ายไปทางถนนบำรุงเมือง ตรงที่ต่อมาเป็นโรงภาพยนตร์เฉลิมเขต แต่ตอนนั้นยังเป็นตึกสองชั้นที่พังๆ เพราะถูกลูกระเบิด แล่นไปทางสี่แยกแม้นศรี แล้วไปไหนก็มองไม่เห็น เข้าใจว่าเข้าพระบรมมหาราชวังทางประตูใดประตูหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม ระหว่างสงคราม ตลอดเวลาที่มีการโจมตีทิ้งระเบิด ไม่มีกระแสข่าวอะไรใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวแก่พระแก้วมรกต
แม้ในการขนย้ายเครื่องราชูปโภคจากถ้ำในป่าที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ก็ไม่มีการพูดถึงพระแก้วมรกต ตามความเข้าใจของข้าพเจ้านั้น คงไม่มีการอาราธนานิมนต์องค์พระแก้วมรกตไปไหนใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงว่าการดำเนินการป้องกันอันตรายที่จะมากระทบกระทั่งองค์พระแก้วมรกตนั้น รัฐบาลไทยในครั้งนั้น ดำเนินการเป็นความลับสุดยอดของชาติ ไม่ให้เกิดการรั่วไหลได้แม้แต่น้อย กิจกรรมใดๆ ที่ปรากฏขึ้นแก่ประเทศชาติและสังคมซึ่งใครๆ ไม่เข้าใจ เป็นไปเพื่อรักษาองค์พระแก้วมรกตไว้ให้ไม่ให้มือของอริราชศัตรูใดๆ อาจเอื้อมแตะต้องได้ นับแต่การออกพระราชกำหนดพุทธบุรีมณฑล และพระราชกำหนดนครบาลเพชรบูรณ์ ซึ่งต้องมีการอพยพขนย้ายสิ่งของต่างๆ มากมาย แม้แต่โรงเรียนนายร้อยทหารบกก็ไปตั้งมั่นอยู่ที่นั่น
กองกำลังส่วนนี้คือชนวัยรุ่นผู้รักชาติซึ่งได้รับความไว้วางใจจากกองทัพไทยให้ถืออาวุธและเรียนรู้ยุทธวิธีชั้นสูง เชื่อแน่ว่าถ้านักเรียนนายร้อยป่าแดงยังอยู่ที่นั่นแม้แต่คนเดียว ข้าศึกจะยึดพระแก้วมรกตของไทยไปไม่ได้ง่ายๆ เด็ดขาด แต่ถึงกระนั้นนักเรียนนายร้อยทหารบกรุ่นนั้น ก็คงไม่ทราบความมุ่งหมายของผู้บังคับบัญชาชั้นสูง แม้ในปัจจุบันจะหาผู้รู้อย่างกระจ่างแจ้งก็คงยากเต็มที เคยอ่านพบในหนังสือเกี่ยวแก่อาชญากรสงครามของไทยเล่มใดเล่มหนึ่ง มีความว่า ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม กล่าวว่า “ถึงอย่างไรผมก็รักษาพระแก้วมรกตไว้ได้”
ข้าพเจ้าเชื่อว่า ในอนาคตนักประวัติศาสตร์ไทยที่ไม่แสวงกำไร คงจะบอกเราได้ว่า ในยามคับขันบุคคลสำคัญของเรายังรักษาสมบัติของชาติไว้ได้ แต่จะปิดบังไว้ก่อนก็เป็นการดี ด้วยไม่แน่ใจว่า “สงครามมหาอาเซียบูรพา” จะอุบัติเมื่อไร เห็นสัญญาณสงครามตามสื่อชุมขึ้นทุกวัน
อ่านเพิ่มเติม :
ปรับปรุงเนื้อหาในระบบออนไลน์ครั้งล่าสุดเมื่อ 14 สิงหาคม 2562 จัดย่อหน้าใหม่และเน้นคำใหม่โดยกองบรรณาธิการ