ราชทินนาม “บดินทรเดชา” รัชกาลที่ 3 พระราชทานให้ขุนนางคนเดียวเท่านั้น

ราชทินนามบดินทรเดชา เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กลุ่มอำนาจ
เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)

เราอาจได้ยินชื่อ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กันมาบ้าง เนื่องจากท่านเป็นขุนนางคนสำคัญสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น และเป็นที่มาชื่อโรงเรียนมัธยมในกรุงเทพมหานคร แต่เราอาจยังไม่รู้ว่าราชทินนามบดินทรเดชานั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) พระราชทานให้ท่านเป็นการเฉพาะ เป็นขุนนางคนแรกและคนเดียวเท่านั้นที่ใช้ราชทินนามนี้

เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ราชทินนามบดินทรเดชา
ภาพวาดเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) (ภาพจากเว็บไซต์โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี))

ราชทินนามบดินทรเดชามาจากไหน?

เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นบุตรของเจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) กับท่านผู้หญิงฟัก เกิดในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เติบโตเข้าสู่วัยรับราชการช่วงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1)

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ท่านต้องโทษหนักมากถึง 2 ครั้ง

ครั้งหนึ่งเกิดจากการพายเรือตัดหน้าฉานขบวนเรือพระที่นั่งรัชกาลที่ 2 ต้องโทษถึงขั้นกบฏ ถูกนำตัวไปจำทิม และอีกครั้งเกิดเนื่องจากท่านมีกิจการค้าขายเหล็กกับจีนเป็นการส่วนตัว ประจวบกับขณะที่ท่านรับราชการเป็นพระเกษตรารักษา ต้องเดินทางไปปฏิบัติราชการตามแขวงเมืองเก่าอยู่บ่อยครั้ง ต้องควบคุมกำลังคนในการทำนาเป็นจำนวนมาก จึงเป็นเหตุให้ต้องโทษว่าซ่องสุมกำลังคนโดยมีเหล็กเป็นอาวุธ

แต่ด้วยรัชกาลที่ 3 ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น “กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์” ทรงเมตตาอนุเคราะห์ ทำให้เจ้าพระยาบดินทรเดชาพ้นพระราชอาญามาได้ทุกครั้ง

เมื่อกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เจ้าพระยาบดินทรเดชาก็มีบทบาทสำคัญต่อการขยายพระราชอำนาจของรัชกาลที่ 3 ออกไปเหนือหัวเมืองลาวและเขมร ทั้งยังช่วยทำนุบำรุงฐานอำนาจทางเศรษฐกิจของราชสำนักสยามในหัวเมืองลาวและเขมรอีกด้วย

โดยเฉพาะการทำนุบำรุง เมืองพระตะบอง ยุทธศาสตร์สำคัญของสยามในแถบเขมร ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสินค้าของป่า เช่น กระวาน สินค้าสำคัญในตลาดโลก แม้ว่าเมืองจันทบุรีจะผลิตกระวานได้ แต่คุณภาพกลับสู้กระวานเมืองพระตะบองไม่ได้

เจ้าพระยาบดินทรเดชาปฏิบัติราชการอย่างเต็มกำลังในหัวเมืองลาวและเขมรนานถึง 15 ปี กระทั่งรัชกาลที่ 3 ทรงยกย่องว่า

“ออกไปตรากตรำ คิดราชการจะเอาเมืองเขมรคืนตั้งแต่ปีมะเส็ง เบญจศก ช้านานถึง 15 ปี อุปมาเหมือนหนึ่งว่ายน้ำอยู่กลางพระมหาสมุทรไม่เห็นเกาะไม่เห็นฝั่ง พึงมาได้ขอนไม้น้อยลอยมา ได้เกาะเป็นที่ยึดเหนี่ยวว่ายเข้าหาฝั่ง”

ความดีความชอบที่สั่งสมมานาน ทำให้รัชกาลที่ 3 พระราชทานราชทินนาม “บดินทรเดชา” แก่ขุนนางท่านนี้แต่เพียงผู้เดียว เมื่อครั้งโปรดให้เลื่อนยศขึ้นเป็นเจ้าพระยา เมื่อ พ.ศ. 2373

เมื่อพิจารณาความหมาย “บดินทรเดชา” คือ อำนาจของ “บดินทร์” ซึ่งคำนี้เป็นส่วนหนึ่งของพระนามรัชกาลที่ 3 คือ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ 

เจ้าพระยานิกรบดินทรมหินธรรมกัลยาณมิตร ราชทินนามบดินทรเดชา
เจ้าพระยานิกรบดินทรมหินธรรมกัลยาณมิตร (ภาพ : Wikimedia Commons)

นอกจากนี้ ยังปรากฏหลักฐานว่าพระองค์ทรงเรียกเจ้าพระยาบดินทรเดชาว่า “เจ้าคุณผู้ใหญ่” ซึ่งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายว่า เป็นคำเรียกที่แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้มีอำนาจและเกียรติยศเหนือขุนนางทั้งปวง

ในรัชกาลที่ 3 ยังมีขุนนางอีกท่านหนึ่งที่มีคำว่า “บดินทร” ปรากฏในราชทินนามเช่นกัน คือ เจ้าพระยานิกรบดินทรมหินธรรมกัลยาณมิตร (โต กัลยาณมิตร) แต่โดยรวมมีความหมายว่า พวกที่เป็นมิตร ไม่ใช่ “เดชา” ที่หมายถึงอำนาจ

จากบริบทต่างๆ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) จึงเป็นพันธมิตรคนสำคัญยิ่งของรัชกาลที่ 3 อันนำมาสู่ราชทินนามบดินทรเดชานั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

ปวีณา หมู่อุบล. อำนาจนำพระนั่งเกล้าฯ: การเมืองวัฒนธรรมของชนชั้นนำต้นรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: มติชน, 2567


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 30 เมษายน 2568