“ศีล 5” แต่ละข้อมีที่มาจากไหน คนไทยเป็นคนคิดเอง?

ศีล 5 ข้อบัญญัติทางศาสนา สุรา สยาม อากรสุรา ภาษี
ล้อมวงดื่มเหล้า จิตรกรรมฝาผนังวิหารลายคำ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

เปิดจุดกำเนิด ศีล 5 ข้อบัญญัติทางศาสนาที่เกิดมาเพื่อคนไทย!

“ศีล 5” เป็นข้อบัญญัติทางพุทธศาสนา ที่คนไทยมักใช้กำหนดการปฏิบัติตน ประกอบด้วย ห้ามฆ่าสัตว์, ห้ามลักทรัพย์, ห้ามผิดลูกเมียผู้อื่น,  ห้ามพูดเท็จ และห้ามดื่มสุรา รวมถึงของมึนเมา โดยจุดกำเนิดของศีล 5 ข้อบัญญัติทางศาสนานี้เกิดมาจากการตีความของคนไทย สอดรับวิถีชีวิตของเราในอดีต…

หนังสือ THAI CULTURE AND BEHAVIOR วัฒนธรรมและพฤติกรรมของไทย (สำนักพิมพ์มติชน) ของ รูธ เบเนดิกท์ (Ruth Benedict) นักสังคมวิทยา แปลโดย พรรณี ฉัตรพลรักษ์ ได้วิเคราะห์เรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า…

คนไทยเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตสนุกสนาน ไม่ว่าจะเจอใครก็มักจะทักทายและเป็นมิตรอยู่เสมอ งานนักขัตฤกษ์ของไทยล้วนแต่เป็นงานเพื่อความรื่นเริงทั้งสิ้น เช่น พระราชพิธีพืชมงคล งานนมัสการพระพุทธบาท ฯลฯ ทั้งหมดนี้ล้วนมีการแสดงละคร วงมโหรี เพื่อให้คนที่เข้าร่วมงานมีความสุขและเพลิดเพลิน

ด้วยความสนุกสนานที่คนไทยพบเจอและได้รับตั้งแต่เกิด ทำให้เรื่องพุทธศาสนาของไทยต่างจากชีวิตในทัศนะของพระพุทธเจ้า ว่าด้วยเรื่องการมีชีวิตเป็นทุกข์และการดับขันธ์ นั่นคือการพ้นทุกข์

ในหนังสือกล่าวว่า “แต่คนไทยมีความตั้งมั่นว่าการมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งดี และโดยลักษณะเฉพาะแล้ว คนไทยหวังสิ่งตอบแทนตามหลักพุทธศาสนาในชีวิตนี้มากกว่าในชีวิตหน้า คนไทยให้อรรถาธิบายคำว่านิพพานว่า เป็นการดับกิเลสทั้งหลายที่มีอยู่ในตัว ‘มนุษย์ชีวิตนี้’”

ทำให้เห็นว่าความคิดเรื่องการปรินิพพานของคนไทยต่างจากพระพุทธเจ้า คนไทยส่วนใหญ่หวังแค่ตนเองจะมีบุญพอที่จะไม่ตกนรก ไม่ต้องมีชีวิตลำบาก เกิดมาใหม่ในสภาพที่ดีกว่าตอนนี้หรือมีความสุขบนสรวงสรรค์ชั้นต่าง ๆ

รูธ เบเนดิกท์ จึงอธิบายว่า…เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้คนไทยตีความศีล 5 ไปตามพฤติกรรมของตน หรือปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมไทย มี 5 ข้อ ดังนี้…

1. ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต 

ภาพถ่ายเก่าบรรยากาศการจับปลาใน “ฤดูปลาขึ้น” ที่สุโขทัย

หากจะผิดศีลข้อนี้จะต้องเป็นคนที่สั่งให้คนจากตลาดหรือวานให้คนรับใช้ไปซื้อสัตว์หรือเนื้อสัตว์ที่ผ่านการฆ่าตาย 

ขณะเดียวกันก็ปรับให้เข้ากับสังคมไทย เพราะสมัยก่อนคนไทยยังต้องทำประมงและกินปลาทุกวัน การนำปลาขึ้นมาจากน้ำแต่ไม่ได้ฆ่า จึงถือว่าเป็นการตายตามธรรมชาติ ไม่ถือว่าผิดกฎ รวมถึงซื้อสัตว์ปีกหรือสัตว์อื่น ๆ ที่ตายมาก่อนแล้วก็ไม่ผิด

2. ไม่ลักทรัพย์ผู้อื่น

กรุงเทพฯ ช่วง พ.ศ. 2446-2447 ถือเป็นเมืองน่ากลัว มีการลักขโมยจำนวนมาก เฉพาะกรุงเทพฯ ที่มีประชากรประมาณ 750,000 คน มีคดีลักขโมยถึง 5,570 คดี มากกว่าพม่าตอนใต้ขณะนั้นที่มีคนอาศัยถึง 6 ล้านคนด้วยซ้ำ

เชื่อว่าการลักเล็กขโมยน้อยไม่ใช่สิ่งที่คนไทยมีมาตั้งแต่เกิด แต่คาดว่าเป็นเพราะคนไทยมักละเลยสิทธิ์แห่งทรัพย์ของตัวเอง ชอบใส่เสื้อผ้าสวย ๆ สวมแหวนเพชร และชื่นชอบการฉกฉวยเหมือนเป็นสัญชาตญาณเสียมากกว่า

จึงทำให้เกิดข้อ 2 ขึ้นเพื่อตอบสนองกับความเป็นไปในสังคมสมัยนั้น

3. ไม่ประพฤติผิดในกาม

ภรรยาและหญิงโสด ถือเป็นบุคคลที่ต้องมีสามีและญาติพี่น้องดูแล รวมถึงหญิงที่หมายหมั้นไว้แล้วก็ไม่สมควรจะเกี่ยวพันด้วย ขณะเดียวกันก็มีผู้ชายหลายคนคิดว่าการผิดประเวณีกับหญิงเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องผิด หากไม่มีใครทราบ ศีล 5 จึงระบุข้อนี้ไว้ด้วย

4. ไม่กล่าวเท็จ 

มีสำนวนและสุภาษิตไทยมากมายที่กล่าวถึงสัจธรรมของคนไทยที่เกี่ยวข้องกับการพูดเกินจริง เช่น สิ่งที่คนพูดกันนั้น ต้องเอา 5 หาร, สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น หรือลิ้นยาวจนตวัดถึงใบหู 

สะท้อนให้เห็นนิสัยของคนไทยในอดีตได้ชัดเจน จึงทำให้มีข้อกำหนดว่าห้ามกล่าวเท็จ

5. ไม่ดื่มของมึนเมา

ภาพประกอบเนื้อหา – ภาพราษฎรพากันอุดหนุนกิจการค้าสุราของชาวจีนอย่างคึกคักสะท้อนถึงการบริโภคสุราเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตราษฎร จิตรกรรมบนแผ่นไม้ภายในวิหารวัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง จังหวัดตาก

เป็นข้อที่คนไทยไม่นิยมถือมากที่สุด และในหนังสือไม่ได้ระบุถึงที่มาของศีลข้อนี้ชัดเจนนัก เพราะคนไทยในอดีตเชื่อว่างานรื่นเริงต้องคู่กับของมึนเมา หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่งานฉลองที่แท้จริง และการขายเหล้าก็ถือเป็นส่วนหนึ่งในเมืองใหญ่ ๆ 

การดื่มของมึนเมาจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในสังคมไทย

ทั้งหมดนี้คือที่มาของ ศีล 5 ข้อบัญญัติทางศาสนาที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยอย่างดี

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

รูธ เบเนดิกท์ (Ruth Benedict), พรรณี ฉัตรพลรักษ์ แปล, THAI CULTURE AND BEHAVIOR วัฒนธรรมและพฤติกรรมของไทย, มติชน: กรุงเทพฯ, 2565.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 7 มกราคม 2567