“เพลงยาวกรมศักดิ์” สื่อรัก 2 เจ้านายชั้นสูงยุคต้นกรุงเทพฯ

อนุสาวรีย์ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ วัดไพชยนต์พลเสพย์ จังหวัดสมุทรปราการ เพลงยาวกรมศักดิ์
อนุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ณ วัดไพชยนต์พลเสพย์ จังหวัดสมุทรปราการ

ปัจจุบันเรามีวิธีแสดงความรักและสานสัมพันธ์ผ่านเทคโนโลยีมากมาย แต่คนโบราณมีนวัตกรรมที่แตกต่างออกไป แม้ “สาร” จะส่งถึงผู้รับได้ไม่รวดเร็วทันใจอย่างในปัจจุบัน แต่ความโรแมนติกที่ “สื่อ” ออกไปนั้นไม่แพ้คู่รักสมัยใหม่แน่

เรากำลังกล่าวถึง “เพลงยาวกรมศักดิ์” พระราชนิพนธ์ใน สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ (กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือ “วังหน้า” สมัยรัชกาลที่ 3) ครั้งยังเป็น “กรมหมื่นศักดิพลเสพ” ในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นจดหมายรักโต้ตอบกับ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดาราวดี

สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ เป็นพระราชโอรสลำดับที่ 17 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 พระราชสมภพแต่เจ้าจอมมารดานุ้ยใหญ่

Advertisement

ด้านพระองค์เจ้าดาราวดี เป็นพระราชธิดาลำดับที่ 11 ในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท (พระอนุชาธิราชในรัชกาลที่ 1) กับเจ้าจอมมารดาน้อย

ด้วยพระชาติกำเนิดของทั้ง 2 พระองค์ เพลงยาวกรมศักดิ์จึงเป็น “สื่อรัก” ของเจ้านายสูงศักดิ์แห่งราชจักรีวงศ์ ดังที่เพลงยาวของฝ่ายชายทรงพระราชนิพนธ์ถึงสถานภาพของฝ่ายหญิงว่า “ตัวเจ้าก็เป็นวงศ์อสัญเพศ เรียมประเวศจากห้องครรไลหงส์”

พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดาราวดี
พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดาราวดี (ภาพจาก เว็บไซต์ ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน / Matichon Academy)

แม้เพลงยาวกรมศักดิ์จะเป็นงานวรรณคดีประเภท “เพลงยาว” ที่ฝ่ายชายเขียน “ฝากรัก” ถึงฝ่ายหญิง แต่นอกเหนือจากกลอนเพลงยาวซึ่งเป็นส่วนหลักแล้ว ยังมีกลอนดอกสร้อย โคลง และร่าย ประกอบอยู่ด้วย แสดงถึงพระอัจฉริยภาพด้านกวีนิพนธ์ของสมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ เป็นอย่างดี

บทความ “เพลงยาวกรมศักดิ์ : ความรัก ความหลัง และระฆังวัดพระแก้ว” (ศิลปวัฒนธรรม ฉบับกันยายน 2567) เขียนโดย ผศ. ธนโชติ เกียรติณภัทร อาจารย์ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิเคราะห์ว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ มักจะทรงกล่าวถึงดวงดาว หรือ “ดารา” อันพ้องเสียงกับพระนามพระองค์เจ้าดาราวดีไว้ในพระราชนิพนธ์ของพระองค์เสมอ

ดังตัวอย่างจากโคลงสี่สุภาพบทหนึ่ง ทรงกล่าวว่าเมื่อเห็นดวงจันทร์ก็นึกถึงใบหน้า “นางอันเป็นที่รัก” และมองดวงดาวบนท้องฟ้าก็หวนนึกถึงสตรีอันมีนามพ้องกับดวงดาว ดังนี้

◉ จันทรจรัสปรัดนวลแผ้ว   พักตร์สมร กูฤๅ

ดาราดาษอัมพร   แพ่วฟ้า

ถวิลนามหวลอาวรณ์   แรงเทวษ เรียมเฮย

ดั่งใครเร่งเห็นหน้า   สวาดิมุ่งเสน่ห์หมาย

กลอนเพลงยาวอีกตอนหนึ่งระบุว่า แม้ฝ่ายชายติดราชการ แต่เมื่อเห็นดวงดาวบนท้องฟ้า ก็ยังระลึกถึงนางอันเป็นที่รัก (เช่นเคย)

แต่ประถมยามจนยามสอง   ประหวัดน้องมิได้ว่างวายถวิล

เห็นฟ้าแผ้วผ่องหล้าไม่ราคิน   ดวงดารินฤกษ์ล้นนภนพราย

ยิ่งกระสันนามพระน้องพี่หมองสวาดิ   ใจจะขาดเสียแล้วนิชที่สุดกระหาย

เอะแล้วน้องจะประวิงกริ่งระคาย   ว่าหนีหน่ายเนานางตำแหน่งใด

เพลงยาวกรมศักดิ์ ในสมุดไทย “เพลงยาวความเก่า” เลขที่ ๖๒ หมวดวรรณคดี หมู่กลอนเพลงยาว-สังวาส ตามประวัติระบุว่าพระองค์เจ้าวงจันทร์ถวายหอพระสมุดวขิรญาณ เมื่อวันที่ ๒๘ ฤษภาคม ๒๔๕๐
เพลงยาวกรมศักดิ์ ในสมุดไทย “เพลงยาวความเก่า” เลขที่ ๖๒ หมวดวรรณคดี หมู่กลอนเพลงยาว-สังวาส ตามประวัติระบุว่าพระองค์เจ้าวงจันทร์ถวายหอพระสมุดวขิรญาณ เมื่อวันที่ ๒๘ ฤษภาคม ๒๔๕๐ (ภาพจาก หนังสือประชุมเพลงยาว ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ น. ๑๘๘ / ศิลปวัฒนธรรม ฉบับกันยายน 2567)

การติดต่อของทั้ง 2 พระองค์ เชื่อได้ว่ามี “คนกลาง” ผู้ทำหน้าที่ส่งเพลงยาวเหล่านี้แน่ เพราะฝ่ายชายมักเอ่ยถึง “พระน้อง” หรือ “นายประกัน” ซึ่งน่าจะป็นเจ้านายรุ่นเยาว์ในคำกลอนอยู่บ่อยครั้ง ด้านฝ่ายหญิงเองก็มีกลาวถึง “ยาหยี” คือพระกุมารีผู้คอยช่วยส่งข่าวเช่นกัน

ยาหยี ยังปรากฏอยู่ในโคลงของฝ่ายชาย ที่ทรงฝากให้บุคคลดังกล่าวช่วยถวายสารและแหวน 2 วง ให้ฝ่ายหญิง ดังว่า

ยาหยีแม่จงนำ   โคลงถวาย หน่อยรา

กับประวิชวงสอง   ด้วยน้อง

แล้วจงทูลบรรยาย   เพิ่มรัก พี่เอย

สุภาพสี่โคลงพ้อง   ดั้นสอง

ภายหลังทั้งสองพระองค์ได้เสกสมรสกัน มีพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวคือ “พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอิศราพงศ์” ต้นราชสกุลอิศรศักดิ์ ณ อยุธยา

อนุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ วัดไพชยนต์พลเสพย์ จังหวัดสมุทรปราการ
อนุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ วัดไพชยนต์พลเสพย์ จังหวัดสมุทรปราการ (ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรม ฉบับกันยายน 2567)

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2567