ที่มา | ศิลปวัฒนธรรม ฉบับสิงหาคม ๒๕๕๙ |
---|---|
ผู้เขียน | หลวงเมือง |
เผยแพร่ |
บรรดาหญิงชายที่ข้าพเจ้ารู้จักนั้น ส่วนใหญ่มักจะอยู่กับบิดามารดาไม่เกิน ๒๐ ปี แล้วไปอยู่กับใครก็มิรู้ตลอดไป มีหลายคนอยู่โดยไม่มีเรื่องวิวาทบาดหมาง เกลียวกลมสมสนิทกันดีแล้วเกิดบุตรด้วยกัน สมัยก่อนสงครามนั้นบางครอบครัวมีบุตรถึง ๑๕ คน มีกลอนของท่านมหากวีสุนทรภู่ ว่า
แค้นแต่ขำกรรมอะไรที่ไหนน้อง
เฝ้าท้องท้องทุกทุกปีไม่มีเหมือน
ช่างกระไรใจจิตไม่บิดเบือน
จะไปเยือนเล่าก็รู้ว่าอยู่ไฟ
การที่คนเรามีอะไรๆ แตกต่างกันอย่างมาก แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสงบสุข เอื้อเฟื้อเจือจานกันไปตามอัตภาพ ต้องนับว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะมนุษย์ทั่วไปมีนิสัยเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว ดังที่มีผู้กล่าวว่าผู้ที่มองหน้ากันโดยไม่พูดจาอะไร ตั้งแต่ ๔ นาทีขึ้นไปจะเกิดความรู้สึกเป็นศัตรูทันที คนที่อยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมากจึงจำเป็นต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยว ให้บังเกิดความสามัคคี ส่วนหญิงชายที่อยู่ด้วยกันไม่ต้องมีอะไรมาเป็นเครื่องประสานสามัคคี มีความรักเพียงอย่างเดียวก็อยู่ด้วยกันได้ตลอดชีวิต แต่เมื่อใดความรักเกิดแห้งหายไป จะอยู่ด้วยกันไม่ได้เลยทีเดียว
หญิงชายที่อยู่ด้วยกันตามลำพังอย่างจันทโครพและโมรา แต่คู่นี้มีโจรป่าเป็นมารหัวใจ
เมื่อข้าพเจ้ายังเล็กๆ เคยได้ยินผู้ใหญ่ที่มีลูกสาวประกาศว่า ลูกเขยฉันไม่ต้องเป็นคนร่ำรวย มีพร้าขัดหลังมาเล่มเดียวก็ไม่ว่า ขอให้เป็นคนดี
ความรักที่โลดโผนของคนวัยรุ่น ซึ่งเป็นรักแรกพบได้แก่พระเอกบวชเณรอยู่ แต่เทศน์เก่งเสียงดี พิมไปเห็นที่วัดจำได้ว่าเป็นเพื่อนเก่า จึงทำบุญให้เป็นพิเศษ และพิมก็สวยมากด้วย พระเอกคือเณรแก้วจึงหลงรัก แต่เณรแก้วเป็นผู้มีคาถาอาคม สามารถเสกเป่าให้ผู้หญิงรักได้ ต่อมาเมื่อเรื่องราวดำเนินไปมากขึ้น เณรแก้วจึงลาสึกกับหลวงตา เณรแก้วนั้นเป็นลูกชายของขุนไกรเพื่อนสนิทของหลวงตาองค์นี้ ท่านก็ไม่อยากให้เณรสึกออกไปใช้ชีวิตทางโลกให้ลำบาก แต่เสียอ้อนวอนเณรไม่ได้ เณรแก้วขอให้หลวงตาดูดวงให้ มีคำทำนายดังนี้
เอ็งจำไว้ในคำของตาดู สึกไปจะได้อยู่สมดังใจ
สู่ขอหอห้องทำทุนสิน อยู่กินแต่ถึงเท่าใดไม่
จะพลัดพรากจำจากกำจัดไกล มันจะมีผัวใหม่มันทิ้งมึง
เมื่ออายุยี่สิบห้าเบญจเพส จะมีเหตุด้วยเคราะห์เข้ามาถึง
ต้องจองจำโซ่ตรวนเขาตรากตรึง อายุสี่สิบมึงจะได้ดี
พลายแก้วฟังคำหลวงตาก็ใจหาย ถึงกระนั้นเวลากลางคืนก็เล็ดลอดไปหาพิมที่บ้านจนได้ ขณะที่พร่ำพรอดกันอยู่ พลายแก้วถามพิมคู่รักว่าเกิดปีอะไรเวลามาสู่ขอจะได้บอกให้ปีเกิดของตนตกนาคปีเดียวกับพิม ตามตำราสมพงศ์ พิมได้ฟังดังนั้นจึงว่า
ฉันหรือปีชวดนะหม่อมพี่ สิบหกปีปีนี้พึ่งปริปริ่ม
พลายแก้วจึงว่า
อ่อนกว่าพี่สองปีเจียวนะพิม เจ้าเนื้อนิ่มพี่สายทองแกปีไร
แล้วคืนนั้นพลายแก้วก็ไปได้กับพี่สายทองด้วย ซึ่งพิมก็จับได้แต่ไม่มีเรื่องใหญ่โต เพราะไม่รู้ว่าพลายแก้วได้พี่สายทองแล้ว เสียงที่สองสาวทะเลาะกันได้ยินไปถึงนางศรีประจัน พิมก็กลับห้องของตน พลายแก้วตามเข้าไปง้อจนคืนดีกันได้ พลายแก้วลาพิมกลับบ้านแม่ที่เมืองกาญจนบุรีเพื่อจะให้มาสู่ขอพิม ตอนนี้พิมชอกช้ำอย่างมาก ในสมัยนั้นคำว่าอกหักยังไม่มีใช้กันในภาษาและหนังสือไทย หนังสือขุนช้างขุนแผนบรรยายความรู้สึกของพิมว่า
ใจหายพ่อพลายมาจำจาก อกจะครากเสียด้วยร้างเสน่หา
ฯลฯ
ที่นอนน้องจะเย็นเมื่อยามหนาว อกจะร้าวใจน้องจะหมองศรี
พิมเป็นห่วงพลายแก้วที่ต้องเดินทางไกลฝ่าป่าดงพงไพร ไม่รู้ว่าพลายแก้วเรืองอิทธิฤทธิ์ด้วยเวทมนตร์คาถา จึงให้เงินสดพลายแก้ว ๕ ชั่ง ขอร้องให้พลายแก้วจ้างช้างไปกาญจนบุรี แม้จะเสียเงินสัก ๑๐ ตำลึงก็ควรจะยอม ซึ่งพลายแก้วก็รับคำ เรียกผีมาแล้วขึ้นขี่คอผี ให้ผีพาเหาะไปแป๊บเดียวถึงบ้านแม่ เมื่อข้าพเจ้ายังเล็กๆ ผู้ใหญ่แถวบ้านไปไหว้พระบาทบน ท่านว่านั่งเรือไปถึงท่าเรืออยุธยาแล้วจ้างช้างไปสระบุรี ต่อมาจึงมีรถไฟวิ่งรับส่ง ท่านเรียกรถไฟสายนั้นว่า “รถไฟกรมดารา” (กรมพระนราฯ)
นางศรีประจันกับมารดาของพลายแก้วคือนางทองประศรีเป็นเพื่อนเก่ากัน เดิมทองประศรีก็อยู่สุพรรณบุรี ลูกต่อลูกคือพิมกับพลายแก้วก็เป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เล็กๆ ศรีประจันแม่ของพิมจึงประกาศว่า
เราก็เป็นเพื่อนบ้านกันนานมา ลูกข้าข้าจะหวงไว้ทำไม
ถึงยากจนอย่างไรก็ไม่ว่า แต่พร้าขัดหลังมาจะยกให้
อุตส่าห์ทำมาหากินไป รู้ทำรู้ได้ด้วยง่ายดาย
แล้วแกก็สอบถามนิสัยความประพฤติของพลายแก้วว่าเป็นคนดีหรือไม่ อย่างไร
ไม่เล่นเบี้ยกินเหล้าเมากัญชา ฝิ่นฝามันสูบบ้างหรือไม่
จะสูงต่ำดำขาวสักคราวใคร ตูยังไม่เห็นแก่ตาว่าตามจริง
พวกผู้เฒ่าผู้แก่ที่มากับทองประศรี อธิบายว่าพลายแก้วคือเณรแก้วที่เทศกัณฑ์มัทรี ที่คุณยายเป็นเจ้าของกัณฑ์ จึงเรียกสินสอดในราคามิตรภาพ คือแกจะให้ทุนสมรสแก่พิมติดตัวไป ๑๕ ชั่ง ส่วนขันหมากนั้น
ผ้าไหว้สำรับหนึ่งก็พอดี หอมีห้าห้องฝากระดาน
ก็เป็นอันตกลงกันเรียบร้อย เป็นอันว่าความรักระหว่างพลายแก้วกับพิมสมหวัง
ส่วนเรื่องพระสังข์ทองให้โอกาสแก่ชายหนุ่มผู้ด้อยโอกาสในสังคมซึ่งหลงรักหญิงสาวผู้มีฐานะสูงกว่า แบบดอกฟ้ากับยาจก คือพระสังข์ทองอยู่ในรูปเงาะ แต่มีวิชาความรู้ติดตัวในเรื่องการประมงและการล่าสัตว์ป่า มิหนำซ้ำยังเป็นนักกีฬาตีคลีอย่างเชี่ยวชาญ ละครชาตรีแสดงเรื่องพระสังข์ทองที่ข้าพเจ้าเคยดูเมื่อเด็กๆ ตอนหนึ่งหกเขยและพระพี่นางทั้งหกของรจนาไปเฝ้าท้าวสามลพระบิดา โดยรจนาก็พาเจ้าเงาะไปด้วย รจนาถูกเยาะเย้ยอย่างรุนแรง รจนาตอบโต้อย่างอ่อนน้อมว่า
ดีดีชั่วชั่วก็ผัวน้อง รูปทองข้างในใครจะเห็น
พวกนั้นก็หัวเราะกันลั่น เพราะไม่มีใครเห็นรูปทองของเจ้าเงาะจริงๆ จนบ้านเมืองเกิดสงครามถูกข้าศึกล้อม โดยแสดงเจตนารมณ์ว่าไม่ต้องการรบ แต่ต้องการให้ท้าวสามลเจ้าเมือง ออกไปตีคลีกับแม่ทัพข้าศึก เมื่อท้าวสามลแก่มากไปไม่ได้ก็ให้ลูกเขยทั้งหกไปแทน ลูกเขยไปแพ้ตีคลีลุ่ยหูกลับมา โอกาสดีของพระสังข์ทองจึงมาถึงโดยขาวสะอาด