พระราชวินิจฉัยในรัชกาลที่ 4 กรณี “ไทยเราก็เป็นสวรรค์ เพราะมีน้ำทิพย์-อาหารทิพย์”

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ฉากหลังเป็นภาพคลองบางกอกน้อยในราวต้นศตวรรษที่ 20 ภาพโดย Karl Döhring)

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา เมื่อจุลศักราช 1225 ความตอนหนึ่งว่า

วาจาของคนบางพวกพูดกันว่า เมืองลาวเหมือนเมืองสวรรค์ ทั้งหญิงทั้งชาย ตั้งแต่บ่ายจนดึกมีแต่สนุก ร้องรำทำเพลงรื่นเริงอยู่เปนนิตย์ อีกพวกหนึ่งนักเลงพูดกันว่า ต้องการอะไรที่จะทำบุญไปสวรรค์ เมืองไทยของเราก็เปนสวรรค์อยู่แล้ว เพราะมีน้ำทิพย์ คือเหล้ากิน เพราะมีอาหารทิพย์ คือฝิ่นสูบสบายดี แลมีต้นกัลปพฤกษ์ คือบ่อนโป เปนที่สำราญรื่นชื่นบานได้ลาภผล รายอยู่รอบบ้านรอบเมือง ทั้งทางบกทางเรือ คำนักเลงพูดอย่างนี้นั้นไม่เห็นด้วย ถ้าเมืองไทยเมืองลาวเปนเมืองสวรรค์ ก็สวรรค์วิมานรุงรังนัก ไฟไหม้วิมานฉิบหายบ่อยๆ

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปรียบเปรยเช่นนี้เนื่องจากทรงเป็นกังวลต่อการปฏิบัติภารกิจของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ ในการออกติดตามหาช้างเผือก

ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเดือนบุญหลังเสร็จสิ้นการทำไร่นาที่ชาวลาวจะมีการเฉลิมฉลองกัน และเจ้าฟ้ามหามาลาก็ทรงเป็นเจ้านายที่มีบ่าวไพร่เป็นคนลาวมาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชหัตถเลขาย้ำเตือนว่า “พ่อกลางบ่าวไพร่ก็เป็นลาวมากอย่าพลอยสนุก ไปด้วยคิดการหาช้างเผือกมาใส่บ้านเมืองดีกว่า”

 

คลิกอ่านเพิ่มเติม : “กูไม่กลัว” สาสน์จากพระมหาจักรพรรดิถึงพระเจ้าบุเรงนอง สงครามการทูตหงสาวดี-อยุธยา

คลิกอ่านเพิ่มเติม : ทุ่ง ป่า และภู เพื่อล่าโพนช้าง ของสมเด็จพระนารายณ์


แก้ไขปรับปรุงเนื้อหาในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 19 ตุลาคม 2560