ทำไมฝรั่งมอง “การสืบสันตติวงศ์” ของกษัตริย์สมัยอยุธยา “แปลกประหลาด”

วัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง (JJ Harrison)

จดหมายเหตุของ โยสเซาเต็น ผู้จัดการบริษัทการค้าฮอลันดา (Joost Schouten, Manager of the Dutch East Indies Company) ประจำกรุงศรีอยุธยา ในสมัยพระเจ้าทรงธรรมครั้งหนึ่ง ในต้นรัชกาลพระเจ้าปราสาททองอีกครั้งหนึ่ง เขียนขึ้นเป็นภาษาฮอลันดาเมื่อ ค.ศ. 1636 (พ.ศ. 2176) ถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Captain Roger Manley และแปลเป็นไทยต่อโดย ขจร สุขพานิชเมื่อปี พ.ศ. 2503 (ประชุมพงศาวดาร เล่ม 47)

เนื้อหาส่วนหนึ่งเขียนถึงความคิดเห็นต่อเรื่องกฎหมายและธรรมเนียม “การสืบสันตติวงศ์” ของกษัตริย์สมัยอยุธยา เนื้อหาส่วนหนึ่งมีว่า (จัดย่อหน้าใหม่ – กองบรรณาธิการ)

“กฎหมายและธรรมเนียมของประเทศนี้ ได้กำหนดการสืบสันตติวงศ์ไว้อย่างแปลกประหลาด แต่ทว่าก็เป็นการกำหนดตายตัว คือเมื่อพระมหากษัตริย์สิ้นพระชนม์ลง พระอนุชารองลงมาของพระองค์จะได้รับราชสมบัติแต่ถ้าพระองค์ไม่มีพระอนุชา พระราชโอรสพระองค์ใหญ่จึงจะได้ราชสมบัติ

เมื่อราชสมัติตกแก่ราชโอรสเช่นนี้ พระอนุชาองค์ถัดๆไปก็จะได้สืบสันตติวงศ์จนสิ้นจำนวนพระอนุชานั้น พระราชธิดาของพระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในข่ายที่จะได้ราชสมบัติโดยเด็ดขาด ด้วยการสืบสันตติวงศ์เช่นนี้ สายของกษัตริย์องค์ปฐมจะสุดสิ้นไปนั้นเป็นการยาก

แต่กฎการสืบสันตติวงศ์นี้ มีการปฏิบัติให้เป็นไปอย่างเฉียบขาดไม่บ่อยครั้งนัก เจ้านายซึ่งได้ราชสมบัติมักจะเป็นเจ้านายที่มีอำนาจมากที่สุด หรือมิฉะนั้นก็เป็นเจ้านายที่กษัตริย์องค์ก่อนทรงโปรดปราน

ตัวอย่างจะเห็นได้จากพระเจ้าแผ่นดินองค์ปัจจุบัน (พระเจ้าปราสาททอง) พระองค์ได้ทรงประหารรัชทายาทที่ชอบธรรมและเจ้านายอื่นๆ รวมทั้งข้าราชบริพารเป็นอันมาก ทั้งนี้เพื่อจะไม่ให้มีเจ้านายคนใดขัดขวางการขึ้นครองประเทศของพระองค์ และเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงมอบราชบัลลังก์ให้แด่พระอนุชาหรือพระโอรสต่อไปโดยปราศจากการคัดค้าน”

 

คลิกอ่านเพิ่มเติม : ตำนานพระเจ้าปราสาททองเสี่ยงทาย พระราชโอรสองค์ใดจะได้เป็นกษัตริย์อยุธยา?


แก้ไขปรับปรุงเนื้อหาในระบบออนไลน์เมื่อ 16 มีนาคม 2562