อังกฤษยื่นจดหมาย “บอกเลิก” อียู, ผู้แทนอียูเซ็ง เหมือนถูกแบล็คเมล์หากไม่เลิกแต่โดยดี

เซอร์ทิม บาร์โรว์ทูตสหราชอาณาจักรประจำสหภาพยุโรป (ซ้าย) ยื่นหนังสือแสดงความจำนงเพื่อลาออกจากสถานะสมาชิกภาพของสหภาพยุโรปให้กับ โดนัลด์ ทัส์ก ประธานสภายุโรป เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2017 (AFP PHOTO / POOL / YVES HERMAN)

เซอร์ทิม บาร์โรว์ (Sir Tim Barrow) ทูตสหราชอาณาจักรประจำสหภาพยุโรปได้เป็นตัวแทนยื่นหนังสือแสดงความจำนงเพื่อลาออกจากสถานะสมาชิกภาพของสหภาพยุโรป (การอ้างสิทธิตามมาตรา 50 แห่งสนธิสัญญาลิสบอน) ส่งถึงมือ โดนัลด์ ทัส์ก (Donald Tusk) ประธานสภายุโรป (European Council President) แล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (29 มีนาคม) อันเป็นการเริ่มต้นกระบวนการออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ

ในหนังสือดังกล่าว เธรีซา เมย์ (Theresa May) นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรยังได้เตือนทางสหภาพยุโรปว่า หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหาข้อตกลงในกระบวนการนี้ได้ อาจส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างกันทั้งในด้านการปราบปรามอาชญากรรมและความมั่นคง จนทำให้ผู้นำจากฝั่งสหภาพยุโรปไม่พอใจ กล่าวหาว่าความเห็นดังกล่าวของเมย์ ไม่ต่างไปจากการแบล็คเมล์

“อย่างไรก็ดี หากเราต้องออกจากสหภาพยุโรปโดยปราศจากข้อตกลงที่ให้เราคงสถานะเดิมทางด้านการค้าภายใต้เงื่อนไขขององค์การการค้าโลก รวมทั้งสถานะเดิมภายใต้ข้อตกลงด้านความมั่นคงแล้ว ความล้มเหลวในการได้มาซึ่งข้อตกลงดังกล่าวย่อมทำให้ความร่วมมือระหว่างกันทั้งในการต่อต้านอาชญากรรมและการก่อการร้ายถดถอยลง” เมย์ระบุในหนังสือที่ยื่นต่อสหภาพยุโรป

เธรีซา เมย์ ลงนามในหนังสือแสดงความจำนงในการออกจากสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2017 (AFP PHOTO / POOL / CHRISTOPHER FURLONG)

เดอะการ์เดียนรายงานว่า Guy Verhofstadt สมาชิกรัฐสภายุโรปซึ่งทำหน้าที่ในการประสานงานเรื่อง Brexit (การออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร) ได้ออกมาตอบโต้ว่า บรรดาสมาชิกรัฐสภายุโรปจะไม่ยอมรับความพยายามใดๆ ของสหราชอาณาจักรที่จะใช้ความเข้มแข็งในด้านการทหารและงานข่าวกรองมาเป็นข้อต่อรอง

“ผมพยายามจะเป็นสุภาพบุรุษ ต่อสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ดังนั้นผมไม่ได้แม้แต่จะคิดที่จะใช้คำว่าแบล็คเมล์ Verhofstadt กล่าว “ผมคิดว่าความมั่นคงของพลเมืองของเรามันเป็นสิ่งที่สำคัญจนเกินกว่าที่จะเอามาใช้เป็นข้อต่อรองกับคนอื่น [ความมั่นคงของ]ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือต่อไปในอนาคตไม่อาจเอามาใช้ต่อรองแลกเปลี่ยนได้”

ด้าน Gianni Pittella ผู้นำฝ่ายสังคมนิยมในรัฐสภายุโรปกล่าวว่ามันถือเป็นเรื่องที่ชั่วร้ายมากกับการเอาชีวิตคนมาเป็นเครื่องต่อรอง นี่เป็นการเริ่มต้นที่แย่มากสำหรับ เธรีซา เมย์ มันรู้สึกเหมือนการแบล็คเมล์ แต่ความมั่นคงเป็นสิ่งที่ดีต่อพลเมืองทุกฝ่าย และไม่ใช่เครื่องมือต่อรอง เรายังหวังว่า เธรีซา เมย์จะสามารถกลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้”

ขณะที่ แอมเบอร์ รัดด์ (Amber Rudd) รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ (Home Department, ดูแลเรื่องของการเข้าเมือง สถานะพลเมือง และความมั่นคงของชาติ) ยืนยันว่าพวกเขามิได้ “ข่มขู่” แต่ประการใด โดยชี้ว่าเรื่องการค้าและความมั่นคงเป็นสิ่งที่แยกกัน แต่เสริมว่า ความร่วมมือด้านความมั่นคงเป็นสิ่งที่ต้องมีการต่อรองกัน

“หากคุณมองไปที่หน่วยงานอย่างยูโรโปล (สำนักงานตำรวจยุโรป) เราคือผู้ที่มีส่วนในการทำงานมากที่สุดในยูโรโปล ฉะนั้นถ้าเราออกจากยูโรโปล เราก็ต้องเอาข้อมูลของเราออกมานี่เป็นเงื่อนไขทางกฎหมาย ความจริงก็คือทางฝ่ายยุโรปต้องการให้เราทิ้งข้อมูลต้องนี้ไว้ให้ เพราะเราคือผู้ที่ทำให้ยุโรปมีความปลอดภัยเช่นกัน” รัดด์กล่าว