พบรูปสลักขนาดยักษ์ใต้สลัมไคโรในสภาพแตกหัก ‘ฮาวาส’ ชี้พังมาตั้งแต่ยุคคริสเตียน

คนงานชาวอียิปต์รุมล้อมวัตถุโบราณขนาดยักษ์ที่ถูกพบในสลัมย่านตะวันออกของกรุงไคโร เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2017 (AFP PHOTO / KHALED DESOUKI)

จากรายงานของ Ahram Online สื่อออนไลน์ของสำนักข่าวเก่าแก่ของอียิปต์, นักโบราณคดีได้พบกับชิ้นส่วนรูปแกะสลักขนาดใหญ่จากหลุมในสลัมแห่งหนึ่งรอบนอกกรุงไคโร โดย คาลิด เอล-เอนานี (Khaled El-Enany) รัฐมนตรีกระทรวงโบราณคดีแห่งอียิปต์ได้เดินทางไปชมการขุดค้นชิ้นส่วนโบราณวัตถุดังกล่าวที่ถูกพบด้วยตนเองเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ชิ้นส่วนรูปสลักที่ถูกพบในครั้งนี้อยู่ในบริเวณที่ตั้งของวิหารแห่งรามเสสที่ 2 ในย่านเทวสถานแห่งนครโบราณเฮลิโอโปลิส (ปัจจุบันคือพื้นที่ด้านตะวันออกของกรุงไคโร) โดยนักโบราณคดีชาวเยอรมันที่มาปฏิบัติภารกิจด้านโบราณคดีในอียิปต์ โดยพบรูปสลักชิ้นหนึ่งเป็นรูปสลักท่อนบนของฟาโรห์เซติที่ 2 (Seti II) ขนาดราว 80 เซนติเมตรทำจากหินปูน

และรูปสลักอีกชิ้นหนึ่งถูกพบในสภาพแตกหักออกเป็นหลายชิ้น เป็นรูปสลักที่ทำจากหินควอร์ตไซต์ ซึ่งคาดว่าจะมีขนาดสูงราว 8 เมตร และอาจจะมีอายุถึง 3 พันปี

“แม้จะไม่มีจารึกใดๆ ที่จะช่วยระบุอัตลักษณ์ของรูปสลักชิ้นนี้ แต่การที่มันตั้งอยู่บริเวณทางเข้าวิหารแห่งรามเสสที่ 2 จึงน่าเชื่อได้ว่ามันเป็นรูปสลักของพระองค์เอง” มาห์มุด อะฟิฟิ (Mahmoud Afifi) หัวหน้าฝ่ายโบราณคดีอียิปต์โบราณประจำกระทรวงฯ กล่าว

และหลังจากที่มีการรายงานข่าวดังกล่าวออกไป ซึ่งมีภาพของการใช้รถขุดดินเพื่อขุดเอาชิ้นส่วนรูปสลักขึ้นมา ทำให้มีการกล่าวหาว่า กระบวนการที่ใช้ในการขุดสำรวจครั้งนี้ไม่เหมาะสม และมีส่วนทำให้โบราณวัตถุสำคัญเสียหาย

แต่ซาฮี ฮาวาส (Zahi Hawass) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงโบราณคดีได้ออกมาโต้แย้งข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยเขาได้กล่าวกับ Ahram Online ว่า การใช้รถขุดดินถือเป็น “วิธีการที่มีประสิทธิภาพวิธีเดียว” ที่จะนำเอาชิ้นส่วนที่หนักกว่า 7 ตันขึ้นจากหลุมกว้าง 2 เมตรได้

ทั้งนี้ Ahram Online กล่าวว่า ในการรายงานเบื้องต้นของสื่ออียิปต์หลายแห่งชี้ว่าที่ตักของรถขุดดินอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้รูปสลักเสียหาย แต่เจ้าหน้าที่ของกระทรวงโบราณคดียืนยันว่า ความเสียหายดังกล่าวได้เกิดขึ้นก่อนแล้ว

เช่นเดียวกับ ฮาวาสที่อธิบายว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเทวรูป หรือเทวสถานต่างๆ ในบริเวณนี้เกิดขึ้นในยุคที่อียิปต์นับถือศาสนาคริสต์ เพราะพื้นที่ดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งหินสำหรับใช้ในการก่อสร้างอาคารในยุคนั้น เขายังกล่าวว่า มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบรูปสลักที่ยังคงความสมบูรณ์ไว้ได้ พร้อมระบุว่า ถ้าจะมีการค้นพบรูปสลักอื่นๆ ในภายหน้ามันก็น่าจะอยู่ในสภาพแตกหักเหมือนกับครั้งนี้เช่นกัน

เมื่อถามว่ารูปสลักดังกล่าวเป็นของบุคคลใด ฮาวาส ก็เชื่อว่ามันเป็นของรามเสสที่ 2 แน่ๆ ด้วยเหตุที่มันถูกพบหน้าทางเข้าวิหารของพระองค์ พร้อมกันนี้ฮาวาสบอกว่า เขายินดีกับการค้นพบครั้งนี้เพราะมันไม่เพียงช่วยเผยถึงบางส่วนของประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณ แต่มันยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของอียิปต์ด้วย