หนุ่มใหญ่มีบรรพบุรุษเป็นนาซี ติดต่อทายาทของกิจการยิวที่ถูกคนในตระกูล “ยึด” เพื่อขอโทษ

ภาพประกอบเนื้อหา - อาคารกิจการที่บริหารโดยชาวยิวในเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ถูกเขียนด้วยข้อความ/สัญลักษณ์แบบนาซีที่ต่อต้านเชื้อชาติยิวในช่วงเริ่มปรากฏแคมเปญต่อต้านชาวยิวราวค.ศ. 1938 (ภาพจาก PIGISTE / FRANCE PRESSE VOIR / AFP)

ช่วงที่นาซีเยอรมันเรืองอำนาจ กล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ชาวยิวลำบากสาหัส คนจำนวนมากถูกไล่ล่าและนำไปสังหารแบบทารุณ ขณะที่อีกหลายรายก็ถูกบีบคั้น บรรดาชาวยิวที่ประกอบธุรกิจหรือเป็นเจ้าของกิจการถูกบีบให้ขายกิจการออกไป ดังเช่นกรณีของ Benjamin Heidelberger ซึ่งถูกบีบให้ขายกิจการของเขาใน Bad Mergentheim ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเยอรมนี

กิจการของเขาถูกขายให้กับชายที่เป็นนาซีเยอรมันรายหนึ่ง กระทั่งสงครามสิ้นสุดลงหลายทศวรรษ ทายาทผู้สืบสายต่อจากนาซีเยอรมันรายนั้นเห็นว่า ควรนำคำแสดงความรับผิดชอบไปมอบให้ทายาทของเจ้าของกิจการเดิม

ปรากฏการณ์นี้ถูกนำเสนอโดยสำนักข่าว CNN ซึ่งเปิดเผยว่า Thomas Edelmann นักธุรกิจวัย 49 ปีที่ถือกำเนิดในเยอรมนีหลังสงครามโลกจบลงกว่า 25 ปี เป็นผู้ติดต่อครูชาวอิสราเอลที่เกษียณแล้วรายหนึ่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบและขอโทษต่อสิ่งที่เกิดกับครอบครัวผู้ถูกกระทำแทนบรรพบุรุษ (ปู่) ของ Thomas ซึ่งตัวเขาเองยังไม่เคยพบเจอด้วยซ้ำ

รายงานข่าวเผยว่า Thomas Edelmann เติบโตขึ้นมาโดยมักได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวและสงสัยว่า กิจการนี้เดิมทีเคยเป็นของชาวยิวซึ่งถูกบังคับให้ขายกิจการต่อให้บรรพบุรุษของเขานามว่า Wilhelm

หลายปีที่ผ่านมา Thomas ค่อยๆ ค้นข้อมูลเกี่ยวกับเครือญาติจนกระทั่งพบบันทึกเกี่ยวกับภาษีของนาซีเยอรมันที่บ่งชี้ว่า Benjamin Heidelberger เจ้าของเดิมที่เป็นชาวยิวถูกบีบบังคับให้ขายกิจการเมื่อปี 1938 สืบเนื่องมาจากบรรยากาศการต่อต้านชาวยิว โดยในเยอรมนีช่วงเวลานั้นยังมีกฎหมายอันมีเนื้อหาเชิงต่อต้านชาวยิวซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Nuremberg laws เนื้อหาส่วนหนึ่งคือการจำกัดสิทธิชาวยิวรวมถึงทำให้การยึดทรัพย์ชาวยิวนั้นเป็นเรื่องถูกกฎหมาย

Thomas Edelmann นำข้อมูลนี้ไปเอ่ยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายของเว็บไซต์ MyHeritage ที่เปิดให้บริการร่างแผนภูมิลำดับเครือญาติของตระกูล ซึ่งฝ่ายขายจากเว็บไซต์นำข้อมูลนี้ส่งต่อไปให้ทีมค้นหาข้อมูลขององค์กรสืบค้นข้อมูลต่อ

หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ เว็บไซต์ติดต่อกลับไปหาเขาและแจ้งความคืบหน้าสำคัญว่า พวกเขาพบข้อมูลการโอนสัญชาติของ Heidelberger เมื่อปี 1942 พร้อมกับจุดฝังศพของ Heidelberger และ Emma ภรรยาของเขาทางตอนเหนือของอิสราเอล ที่สำคัญคือ พวกเขาพบว่า Heidelberger มีหลานสาวเป็นทายาทสืบสายต่อมาและเธอยังมีชีวิตอยู่

หลานสาวของ Heidelberger คือ Hanna Ehrenreich เป็นครูวัย 83 ปีที่ปัจจุบันเกษียณแล้ว เธอรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับกิจการของตระกูลเป็นอย่างดี และยังมีภาพถ่ายขาวดำที่แสดงให้เห็นสภาพด้านหน้าร้านติดอยู่บนผนังบ้านของเธอด้วย อย่างไรก็ตาม ร้านค้าไม่ได้ดำเนินกิจการแล้วในปัจจุบัน แต่ตัวอาคารยังคงอยู่และครอบครัวของ Hanna Ehrenreich ยังดำรงสถานะเป็นเจ้าของทรัพย์สิน

รายงานข่าวเผยว่า Thomas Edelmann ไม่ได้รู้จักกับบรรพบุรุษของตัวเองด้วยซ้ำภายหลังจากที่เขาไม่สามารถติดต่อบิดาของตัวเองได้หลังจากที่ผู้ปกครองของเขาหย่ากันในช่วงต้นยุค 70s แต่เขายังตัดสินใจส่งจดหมายติดต่อ Hanna Ehrenreich ผ่านทางเว็บไซต์ MyHeritage

รายงานข่าวเผยใจความตอนหนึ่งของจดหมายมีเนื้อหาว่า

“ผมเชื่อว่าหากครอบครัวของผมมีส่วนสนับสนุนความอยุติธรรมที่เกิดกับบรรพบุรุษของคุณ ถือเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะต้องเข้ามาดูเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ควรรับผิดชอบโดยติดต่อมาหาคุณเพื่อรับฟังและเรียนรู้ ในฐานะที่ผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Edelmann ผมอยากใช้โอกาสนี้เป็นก้าวแรกในการรับฟังคุณ

ผมเข้าใจว่าคุณอาจไม่เห็นประโยชน์ใดๆ ในการพูดคุยกับผม แต่สำหรับผม ความเข้าใจและการสอนลูกหลาน หรืออาจเป็นสมาชิกคนอื่นในครอบครัวถึงผลกระทบจากการตัดสินใจที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ ก็อาจช่วยให้พวกเขาสามารถตัดสินใจใดๆ ในชีวิตได้ดีกว่านั้น…

ผมอยากทำให้มั่นใจว่าอย่างน้อยครอบครัวของผมจะไม่มีวันเป็นผู้กระทำให้เกิดความอยุติธรรมต่อผู้อื่นอีก แต่จะเป็นฝ่ายยืนหยัดเพื่อผู้อ่อนแอ”

รายงานข่าวเผยว่า หลังจากเธอได้รับจดหมายก็ตกลงพูดคุยกับเขา พวกเขาใช้เวลาสนทนากัน 90 นาที พูดคุยเกี่ยวกับอดีตของครอบครัวผ่านทางโทรศัพท์โดยใช้ภาษาเยอรมัน

Hanna Ehrenreich ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN ว่าการสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น เธอเล่าให้เขาฟังว่า เธอสบายดี และมีความเป็นอยู่ที่ดี

Hanna Ehrenreich เล่าให้เขาฟังว่า Benjamin Heidelberger และ Emma ภรรยาของ Benjamin ใช้เงินที่ได้จากการขายกิจการ (โดยถูกสถานการณ์บีบบังคับ) เพื่อเดินทางเข้าปาเลสไตน์ในปี 1938 ก่อนที่จะเกิดการสังหารหมู่ที่ Kristallnacht ไม่กี่สัปดาห์ ขณะที่พ่อแม่ของ Hanna Ehrenreich เดินทางมาถึงปาเลสไตน์ก่อนหน้านั้น ส่วนเธอถือกำเนิดเมื่อปี 1937 แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ญาติฝ่ายแม่ของ Hanna Ehrenreich ยังอยู่ในเยอรมันในเวลานั้นและเสียชีวิตในช่วงการปกครองของนาซีเยอรมัน

Hanna Ehrenreich เล่าอีกว่า เธอมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ Benjamin Heidelberger เขามักเล่าถึงบ้านเกิดและเขียนในไดอารี่โดยเล่าบรรยากาศก่อนหน้าที่เขาจะถูกบีบให้ขายกิจการว่า Wilhelm Edelmann มักมาจ่ายค่าเช่าที่ทุกๆ วันแรกของเดือน แม้เขาจะเป็นสมาชิกพรรคนาซีแต่โดยรวมแล้วเขาเป็นคนปกติทั่วไป ไม่ได้มีแนวคิดต่อต้านชาวยิว

รายงานข่าวเผยว่า บันทึกของ Benjamin Heidelberger ส่วนหนึ่งมีเนื้อหาพูดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า

“ในฤดูใบไม้ร่วงปี 1937 เราขายบ้านของเราในราคา 10,000 Reichsmark แม้ว่าเราเรียกราคาไปที่ 15,000 ในปี 1938 เราขายร้านและคลังเก็บสินค้าในราคาถูกเพียง 28,500 Reichsmark ราคารวมเท่ากับที่ผมซื้อมาเมื่อ 30 ปีก่อนหน้านี้”

“ในสถานการณ์อื่น ผมสามารถขายได้ถึง 40,000 แต่ในช่วงนั้น กิจการของชาวยิวใน Bad Mergentheim ถูกขายออกไปในราคาต่ำกว่ามูลค่าจริง”

“วันหนึ่ง Edelmann มาหาผม และบอกว่าผมควรเดินทางออกจากเยอรมนีให้เร็วที่สุด เริ่มมีแผนต่อต้านชาวยิวก่อร่างขึ้น และเขารู้สึกว่าควรมาเตือนผมในฐานะผมเป็นคนรู้จักที่ดีคนหนึ่ง”

Edelmann ให้สัมภาษณ์ว่า แม้ว่าครอบครัวของ Hanna Ehrenreich จะถูกปฏิบัติไม่ดีมาก่อน แต่เธอเป็นมิตรกับเขามาก และไม่ได้ถือว่าตัวเขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อเรื่องใดๆ เขายังระบุว่า จะยังติดต่อกับเธอเป็นระยะ และเขาเองก็มีแผนเดินทางไปอิสราเอลในอนาคต


อ้างอิง:

Kolirin, Lianne. “A German man’s Nazi grandfather took over a Jewish man’s store. He tracked down his descendants to apologize”. CNN. Online. Published 14 NOV 2020. Access 16 NOV 2020. <https://edition.cnn.com/2020/11/14/europe/nazi-grandfather-store-scli-intl-grm/index.html>


เผยแพร่เนื้อหาในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2563