นายกฯ-มท.1 เชิญชวนคนไทยใส่ผ้าไทยสืบสานอัตลักษณ์-ช่วยสร้างเศรษฐกิจฐานราก

นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีมหาดไทย เชิญชวนประชาชน-ข้าราชการทั่วประเทศแต่งกายด้วยชุดผ้าไทย เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่อัตลักษณ์ผ้าไทยให้ดำรงคงอยู่ รณรงค์สวมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ด้านครม.ไฟเขียวมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย เชิญชวนใส่ผ้าไทยตามความเหมาะสมของท้องถิ่น มุ่งหวังปลุกเศรษฐกิจชุมชนให้กลับมาคึกคัก ช่วยสร้างงานสร้างรายได้นับแสนล้านบาทในช่วงวิกฤตโควิด-19 อีกทั้งเป็นการสืบสานพระราชปณิธานของ “สมเด็จพันปีหลวง” อีกด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เยี่ยมชมนิทรรศการ “โครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) และดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ให้ข้อมูล เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2563

เวลา 08.30 น. วันที่ 9 มิถุนายน 2563 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กระทรวงมหาดไทย นำโดย พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นำคณะจัดแสดงนิทรรศการส่งเสริมและผลการดำเนิน “โครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) และดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ผู้ร่วมขับเคลื่อนรณรงค์อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อเชิญร่วมชมการจัดแสดงนิทรรศการผ้าไทย และแจ้งผลการดำเนินงาน “โครงการ สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน”

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวเชิญชวนประชาชนและข้าราชการแต่งกายด้วยชุดผ้าไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมและเผยแพร่อัตลักษณ์ผ้าไทยให้ดำรงคงอยู่ และสนับสนุนการสร้างงาน สร้างรายได้ แก่พี่น้องประชาชนในท้องถิ่นชุมชน ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนให้มีความเข้มแข็ง

นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรี ยังเยี่ยมชมนิทรรศการแสดงผ้าไทย และผลการดำเนินงานโครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พร้อมเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนผลิตภัณฑ์ให้ใช้และสวมใส่ชุดผ้าไทยเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละสองวัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาของคนไทย ยังเป็นการสนับสนุนการสร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการในชุมชน อันเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้ ทำให้เกิดการหมุนเวียนในห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจระดับประเทศต่อไป

พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชนประมาณการว่าหากมีคนไทยแต่งกายด้วยผ้าไทยเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 วัน จำนวน 35 ล้านคน จะทำให้มีการซื้อผ้าและใช้ผ้าคนละ 10 เมตร ราคาเมตรละประมาณ 300 บาท จะทำให้เกิดความต้องการผ้าไทยจำนวน 350 ล้านเมตร คิดเป็นมูลค่า 105,000 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินนี้จะกลับคืนสู่ชุมชนก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชนช่วยให้หลุดพ้นจากความยากจน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการเยี่ยมชมนิทรรศการ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ​ ได้อุดหนุนผ้าคลุมไหล่แพรวา จากจังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 2 ผืน กระเป๋าจักสานจากเตยตานีของจังหวัดตรัง จำนวน 2 ใบ กระเป๋าใส่เอกสารทำจากผ้าขาวม้า ของจังหวัดอำนาจเจริญ 2 ใบ

ด้านนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดี พช. เปิดเผยว่า วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ความเห็นชอบมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการพัฒนาชุมชนนำเสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญคือการกำหนดมาตรการส่งเสริมสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทยเป็นนโยบายของรัฐบาล ในการส่งเสริมให้ข้าราชการ ประชาชน แต่งกายด้วยผ้าไทยตามความเหมาะสมของท้องถิ่นเพิ่มขึ้น หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วันทั้งนี้ รวมทั้งให้ทุกกระทรวงพิจารณาจัดทำมาตรการส่งเสริมสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย โดยสร้างการรับรู้และความเข้าใจผ่านกิจกรรมและสื่อต่างๆ ตลอดจนการจัดทำแผนรณรงค์การแต่งกายด้วยผ้าไทย และผ้าพื้นเมืองแก่ส่วนราชการในสังกัด และกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ หน่วยงาน องค์กร ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน

นอกจากนั้น รวมไปถึงจัดให้มีการอนุรักษ์ต่อยอดภูมิปัญญาเกี่ยวกับการแปรรูปผ้าไทย ผลิตเป็นสินค้าต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ และสร้างเศรษฐกิจฐานรากในระดับจังหวัดและชุมชน ช่วยให้ชุมชนมีรายได้จากการขายผ้าไทยในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รวมถึงยังให้ประกาศยกย่องหน่วยงานองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนต้นแบบของจังหวัดที่รณรงค์การแต่งกายด้วยผ้าไทย และผ้าพื้นเมืองที่เกิดผลเป็นรูปธรรมอีกด้วย

นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า มาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทยดังกล่าว ดำเนินการโดยกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่ได้ร่วมกันจัดทำ “โครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ต่อการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาของคนไทย อย่างไรก็ตาม พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำริให้นำภูมิปัญญาของราษฎรที่ได้ทอผ้าไว้ใช้กันอยู่มาพัฒนาเป็นอาชีพให้ก่อเกิดรายได้แก่ราษฎร รวมถึงเพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับกลุ่มสตรีในท้องถิ่น อีกทั้งเชิดชูอัตลักษณ์คุณค่าผ้าท้องถิ่น ให้เกิดกระแสความนิยมการแต่งกายผ้าไทยแก่ประชาชนคนไทยทั่วประเทศ ตลอดจนเป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์ความเป็นไทยสู่สายตาชาวต่างชาติอีกด้วย โดยได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดำเนินการตามโครงการฯ กับ 75 จังหวัด และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในส่วนกลาง ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เป็นต้นเรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกัน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ระบุว่า การดำเนินโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” เป็นการสนับสนุนการสร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ให้เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการในชุมชน อันเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้ และทำให้เกิดการหมุนเวียนในห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจระดับประเทศต่อไป ซึ่งผลการดำเนินโครงการ ณ ปัจจุบัน มียอดจำหน่ายประเภทผ้า ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจฐานราก จำนวน 13,465,166,754 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันในปี พ.ศ.2562

“หากข้าราชการ ประชาชน ร่วมมือร่วมใจแต่งกายด้วยผ้าไทยเป็นประจำ จำนวน 35 ล้านคน เฉลี่ยใช้ผ้าคนละ 10 เมตร ราคาเมตรละประมาณ 300 บาท ก็จะทำให้เกิดความต้องการผ้าไทยถึง 350 ล้านเมตร และก่อให้เกิดการสร้างรายได้แก่ชุมชนคิดเป็นเงินกว่า 105,000 ล้านบาท ซึ่งในขณะนี้เฉพาะการดำเนินโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” นั้นมีผู้ประกอบการที่มีรายได้จากการจำหน่ายผ้า จำนวน 64,532 ราย มีผู้ได้รับประโยชน์ จำนวน 363,876 ราย ดังนั้นการร่วมสวมใส่ผ้าไทย นอกจากจะช่วยร่วมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยแล้ว ยังสร้างอาชีพ และสร้างรายได้ นำไปสู่ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตได้อย่างมั่นคงอีกด้วย” ดร.วันดีกล่าว