“อาเจะห์” โบย ผู้หญิงเพราะ “อยู่ใกล้” ผู้ชายเกินเหตุ และนักศึกษามีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่ง

หญิงสาวที่ถูกโบยในอาเจะห์ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2016 ฐานอยู่ใกล้ผู้ชาย (AFP PHOTO / Chaideer MAHYUDDIN)

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (28 พฤศจิกายน) ในจังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย พื้นที่ที่มีการบังคับใช้กฎหมายอิสลามอย่างเข้มงวด ได้มีการลงโทษกลุ่มผู้กระทำความผิดขัดต่อหลักศาสนา 5 คนด้วยการโบย โดยหนึ่งในนั้นเป็นหญิงที่ต้องรับผิดเนื่องจาก “อยู่ใกล้ผู้ชาย” ซึ่งขัดต่อหลักอิสลาม

อาเจะห์ เป็นจังหวัดเดียวในอินโดนีเซียที่มีการบังคับใช้กฏหมายอิสลาม หรือชารีอะฮ์ ซึ่งมีมาตรฐานการลงโทษที่ต่างจากหลักกฎหมายสากล รวมถึงมีการลงโทษด้วยการโบย ซึ่งถูกนำไปใช้กับความผิดหลายลักษณะตั้งแต่การเล่นพนัน การดื่มสุรา และความผิดเกี่ยวเนื่องกับเรื่องเพศ

ในการลงโทษด้วยการโบยครั้งล่าสุด รายงานของเอเอฟพีระบุว่า มีผู้ต้องโทษ 5 คน เป็นผู้หญิง 2 คน ผู้ชาย 3 คน โดยการลงโทษมีขึ้นหน้ามัสยิดแห่งหนึ่งต่อหน้าธารกำนัลที่ส่งเสียงโห่ร้องอยู่บริเวณใกล้เคียง

หนึ่งในผู้ต้องโทษเป็นหญิงอายุ 34 ปี เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดหลังถูกโบยเป็นจำนวน 7 ครั้ง ด้วยความผิดฐานอยู่ใกล้ผู้ชายที่ไม่ใช่สามี ซึ่งถือเป็นเรื่องต้องห้ามในทางอิสลาม ที่ชายหญิงต้องอยู่แยกกันเป็นสัดส่วนเสมอ ไม่มีสิทธิแม้กระทั่งการนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกัน

และชายวัย 32 ปี ซึ่งเป็นคนที่หญิงข้างต้นอยู่ใกล้ชิดด้วย ก็ต้องโทษโบยจำนวน 7 ครั้งเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีนักศึกษามหาวิทยาลัยวัย 19 ปี 2 คน ที่ต้องโทษโบยเป็นจำนวนถึง 100 ครั้ง เท่ากัน หลังทั้งคู่รับสารภาพว่ามีเพศสัมพันธ์นอกการสมรส

ส่วนชายอีกหนึ่งคนก็ต้องโทษฐานมีเพศสัมพันธ์นอกการสมรสเช่นกัน แต่เขารับโทษโบยเป็นจำนวน 22 ครั้งเท่านั้น ซึ่งรายงานของเอเอฟพีมิได้บอกสาเหตุว่า ทำไมเขาจึงได้รับโทษน้อยกว่า นักศึกษามหาวิทยาลัย เพียงแต่บอกว่า คู่ร่วมเพศของชายผู้นี้เป็นหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งเธอยังอยู่ระหว่างการพิจารณาความผิดของศาลอิสลาม

ทั้งนี้ อาเจะห์ เริ่มใช้กฎหมายอิสลามมาตั้งแต่ได้รับอำนาจในการปกครองตนเองจากรัฐบาลกลางเมื่อปี 2001 ซึ่งอินโดนีเซียหวังว่าจะเป็นวิธีการที่จะช่วยยุติปัญหาความรุนแรงจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนได้