รูปปั้นของ ฟรานซิสโก ฟรังโก (Francisco Franco) อดีตผู้นำเผด็จการของสเปน ที่ถูกจัดแสดงในงานนิทรรศการชั่วคราวบริเวณ Mercat de Born (อดีตตลาดที่ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่ศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของบาร์เซโลนา ประเทศสเปน) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ถูกต้อนรับจากชาวเมืองบาร์เซโลนาด้วยการปาไข่ พ่นสี และทุบทำลายจนเละเทะไปแล้ว

นับแต่เปิดตัวรูปปั้น ได้เกิดการประท้วงโต้เถียงของกลุ่มที่ต่อต้านและสนับสนุนการจัดนิทรรศการของทางรัฐบาลท้องถิ่น โดยกลุ่มเหยื่อจากยุคฟรังโกกลุ่มหนึ่งได้พากันยืนสงบนิ่งไว้อาลัย ขณะที่กลุ่มสนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระจากสเปนพากันตะโกนว่า “อย่าเอาฟาสซิสต์มาไว้บนถนนของเรา” และเปรียบว่าการเอารูปปั้นของฟรังโกมาตั้งใกล้กับพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศในกับการต่อสู้เพื่ออิสระภาพแห่งคาตาโลเนีย ไม่ต่างกับการสร้างรูปปั้นของฮิตเลอร์ไว้หน้าพิพิธภัณฑ์ของชาวยิว

ด้านรัฐบาลท้องถิ่นบาร์เซโลนาได้ออกมาแก้ต่างว่า การจัดนิทรรศการครั้งนี้เป็นเรื่องจำเป็นเพื่อให้เกิดการอภิปรายของสาธารณชนเกี่ยวกับการใช้สัญลักษณ์ของเผด็จการ

“ผมเข้าใจว่าอาจจะมีการต่อต้านสิ่งไม่พึงประสงค์เช่นนี้ แต่เราควรจะรู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าหากเราไม่รู้ประวัติศาสตร์ของสัญลักษณ์นั้นๆ และเหตุผลว่าทำไมผู้คนถึงทนรับมันได้มานานหลายปี แม้กระทั่งหลังจากประชาธิปไตยได้รับการฟื้นฟูกลับมาแล้ว” เกร์ราโด พิซาเรลโล (Gerrado Pisarello) รองผู้ว่าฯ บาร์เซโลนากล่าว

ทั้งนี้ รูปปั้นฟรังโกขี่ม้าถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1963 โดยผู้ว่าฯ บาร์เซโลนา ในยุคที่ฟรังโกยังครองอำนาจ เพื่อนำไปติดตั้งที่หน้าพิพิธภัณฑ์การทหารในปราสาท Montjuïc ซึ่งฟรังโกเป็นผู้เดินทางมาเปิดตัวด้วยตนเอง หลังฟรังโกตาย รูปปั้นดังกล่าวก็ยังคงถูกจัดแสดงที่สนามหญ้าของปราสาทแห่งนี้ จนกระทั่งรัฐบาลท้องถิ่นตัดสินใจนำไปเก็บในโกดังเมื่อปี 2008 ก่อนที่อีก 3 ปี ถัดมารูปปั้นดังกล่าวได้ถูกตัดหัวโดยไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ลงมือ

---

อ้างอิง: “Franco Took Decades to Leave the World Stage. His Statue? Only Days”. The New York Times. <http://www.nytimes.com/2016/10/27/world/europe/franco-statue-barcelona-spain.html?_r=0>