พม่าสั่งห้ามนักท่องเที่ยวขึ้นเจดีย์ในพุกาม อ้างทำตัวไม่เหมาะสม ทั้งการแต่งกายและพฤติกรรม

ฝูงปศุสัตว์ขณะถูกไล่ต้อนผ่านเจดีย์โบราณในเมืองพุกาม ภาพถ่ายเมื่อ กุมภาพันธ์ 2014 AFP / Ye Aung Thu

*อัพเดตคำสั่งเพิ่มเติมวันอังคาร พม่าประกาศยกเว้นคำสั่งห้ามให้กับ 5 เจดีย์

(Telegraph) นับแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวจะไม่สามารถขึ้นเจดีย์ในพุกามของพม่าได้อีก หลังรัฐบาลพม่าประกาศคำสั่งห้ามเนื่องจากมีรายงานการประพฤติตนอย่างไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยวในชาวตาของชาวพม่าแม้จะมีการตักเตือนมานาน

“(นักท่องเที่ยว) มักประพฤติตนอย่างย่ำแย่เสื่อมเสียในเชิงวัฒนธรรมเช่นการแต่งกายอย่างไม่เหมาะสม เต้นแร้งเต้นกา และหลับนอน (บนอนุสรณ์สถานเหล่านี้)…เราขอประกาศไม่อนุญาตให้ผู้ใดขึ้นเจดีย์ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใดตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป” กระทรวงวัฒนธรรมของพม่าประกาศทางเฟซบุ๊ก

ด้านบริษัททัวร์ได้ออกมาโจมตีมาตรการดังกล่าวของรัฐบาลโดยชี้ว่า การกระทำดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวพลาดโอกาสสำคัญ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว

“สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประสบการณ์เช่นนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่อาจลืมเลือนได้เลยในชีวิตของพวกเขา” นอง นอง ฮัน (Naung Naung Han) จากสมาคมการท่องเที่ยวแห่งพม่ากล่าวกับเอเอฟพี

“การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในการเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมของเรา ซึ่งข่าวคำสั่งห้ามดังกล่าวในการนำเสนอโบราณสถานย่อมกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยว” เฟียว ไว ยาร์ ซาร์ (Phyoe Wai Yar Zar) ผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมการตลาดด้านการท่องเที่ยวกล่าวกับเอเอฟพี

มาตรการนี้ย่อมทำให้ประเพณีการเดินทางขึ้นไปเยื่ยมชมบรรยากาศของทุ่งกว้างบนเจดีย์โบราณของนักท่องเที่ยวและชาวบ้านที่เดินทางมาแสวงบุญนับร้อยๆคนในแต่ละวันสิ้นสุดลง ท่ามกลางบรรยากาศการท่องเที่ยวที่กำลังคึกคักหลังตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อพม่า โดยในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวกว่าครึ่งล้านที่เดินทางผ่านนครย่างกุ้งมากกว่าตัวเลขในปี 2011 เกือบเท่าตัวทั้งนี้จากตัวเลขของกระทรวงการท่องเที่ยวของพม่า

อย่างไรก็ดี หลังการประกาศคำสั่งเมื่อวันจันทร์และถูกหลายฝ่ายท้วงติงกระทรวงวัฒนธรรมจึงได้ออกประกาศเพิ่มเติมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ให้ยกเว้นคำสั่งห้ามดังกล่าวกับ 5 เจดีย์ ประกอบด้วยเจดีย์พญาทัตจี (Pyathatgyi), ชเวซันดอว์ (Shwesandaw), กูนิใต้ (South Guni), กูนิเหนือ (North Guni) และธิตสาร์วดี (Thitsar Wadi) ทั้งนี้จากรายงานของอิระวดี