เผยแพร่ |
---|
หากย้อยกลับไปในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นที่ทราบกันดีว่า มีหญิงสาวมากมายทั้งหญิงสาวเกาหลี หญิงสาวในเอเชียและอีกหลายชาติ ถูกบังคับใช้ไปปนเปรอกามอารมณ์ทหารญี่ปุ่น ขณะนั้นรู้จักกันภายใต้ชื่อ รู้จักกันในนาม คอมฟอร์ต วูแมน หรือนางบำเรอ (เพิ่มเติม นางบำเรอทหารญี่ปุ่น “บนแผ่นดินไทย” สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2)
เมื่อ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดีมุน แจอิน ผู้นำเกาหลีใต้ กล่าวเตือนทางการญี่ปุ่นถึงการประกาศสิ้นสุดความขัดแย้งระหว่างชาติ ต่อกรณีที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นบีบบังคับและเกณฑ์หญิงสาวเกาหลีและอีกหลายชาติในเอเชียไปใช้ปนเปรอกามอารมณ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้นำเกาหลีใต้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่าไม่สามารถประกาศฝ่ายเดียวได้ และยังคงยืนยันว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจำเป็นต้องแสดงความเสียใจและขอโทษเกาหลีใต้อย่างจริงใจที่สุดแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาญี่ปุ่นยืนยันว่าหญิงสาวเหล่านี้ยินยอมพร้อมใจเอง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีมุนกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีซัมอิลจอล วันรำลึก “วันอิสรภาพ” ย้อนกลับไปเมื่อปี 2462 ชาวเกาหลีกว่า 2 ล้านคนลุกฮือขึ้นต่อต้านและขับไล่ทหารกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น ผู้เข้ายึดครอง ล้มล้างราชวงศ์โชซ็อน ทำลายพระราชวัง วัฒนธรรม ภาษา และตำราประวัติศาสตร์ ทั้งยังบังคับให้ส่งข้าวจากเกาหลีไปญี่ปุ่น มีคำสั่งให้หน่วยงานเกาหลีใต้ทบทวนข้อตกลงที่เกิดขึ้นในช่วงของอดีตประธานาธิบดีปาร์ก กึนเฮ ผู้นำหญิง ที่ลงนามกับญี่ปุ่น ว่าเกาหลีใต้จะไม่หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีก แลกกันกับที่ญี่ปุ่นสมทบงบประมาณเยียวยาเหยื่อเป็นเงิน 1 พันล้านเยน หรือราว 295 ล้านบาท ก่อให้เกิดความโกรธแค้นกับเหยื่อบางส่วนที่ระบุว่าเป็นการใช้เงินปิดปาก ทำให้ประธานาธิบดีมุน ประณามข้อตกลงดังกล่าว และเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นขอโทษอย่างเป็นทางการและอย่างจริงใจที่สุด
มุน แจอิน ผู้นำเกาหลีใต้ ยังกล่าวอีกว่า “ปัญหาพิพาททาสกาม ญี่ปุ่นไม่สามารถประกาศฝ่ายเดียวว่าสิ้นสุดแล้วได้” และว่า “อาชญากรรมสงครามไม่สามารถถูกกลบเกลื่อนได้ด้วยการพูดว่า มันจบแล้วได้” ขณะที่คำกล่าวดังกล่าวของผู้นำเกาหลีใต้ ได้รับการตอบโต้อย่างทันควันจากญี่ปุ่นว่า “น่าผิดหวังอย่างมาก”