10 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่อยากพังแนะนำให้อ่าน

“ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา” เทคนิคสุดปังที่สามารถกู้ปัญหาใต้ตาดำ ใต้ตาลึก ตาโบ๋ มีถุงใต้ตา ร่องลึกใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย ให้กลับมาสดใส ผิวใต้ตาเรียบเนียนกระจ่างใส ทำให้ใบหน้าดูอ่อนวัย แบบไม่ต้องพึ่งพาวิธีการผ่าตัด นับว่าเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เราควรศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วน เลือกฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มีคุณภาพ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีน่าพึงพอใจและมีความปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อผลลัพธ์ไม่พึงประสงค์ วันนี้ใครที่เป็นน้องใหม่เพิ่งเริ่มเข้าวงการฟิลเลอร์หรือคนอื่น ๆ ที่กำลังสนใจ เรามีข้อมูลสำคัญที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาฝากกันค่ะ “รู้ก่อน เตรียมตัวดี รับรองผลลัพธ์ไม่มีพัง!”

1. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอไหนดี เลือกดีมีชัยไปกว่าครึ่ง!

ในปัจจุบันมีคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเยอะมาก จนทำให้หลายคนยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัย ดังนั้น การเลือกทำกับใคร ทำที่ไหน จึงเป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก โดยให้พุ่งเป้าไปที่ความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นบริเวณที่บอบบางและต้องอาศัยทักษะการฉีดที่แม่นยำ ซึ่งหากเลือกฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความรู้หรือฉีดกับบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ อาจทำให้เกิดอันตรายจนถึงขั้นตาบอดจากการฉีดสารเข้าหลอดเลือดได้เลย ดั้งนั้นหากเราเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ และทำในคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานได้รับรองอย่างถูกต้อง ก็แทบไม่ต้องมานั่งกังวลกับผลลัพธ์ที่เสี่ยงแบบนี้แน่นอนค่ะ

2. ฟิลเลอร์แท้หรือปลอม ต้องดูดี ๆ

ก่อนเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตารวมถึงบริเวณอื่น ๆ ผลลัพธ์จะออกมาดีหรือพังก็ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ด้วยค่ะ เนื่องจากในปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ได้รับความนิยมสูงมาก ทำให้ปริมาณความต้องการของตัวผลิตภัณฑ์ค่อนข้างสูงตามไปด้วย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดช่องว่างเอาเปรียบผู้บริโภคด้วยการผลิตฟิลเลอร์ปลอมออกมาวางขาย รวมไปถึงฟิลเลอร์หิ้วที่ไม่มีมาตรฐานทั้งในเรื่องการขนส่งและการจัดเก็บ ทำให้ฟิลเลอร์อาจเสื่อมคุณภาพ ทำให้ฉีดไปแล้วได้ผลเสียที่ไม่คุ้มค่ากันแน่นอนค่ะ ดังนั้นก่อนเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ควรเลือกจากคลินิกหรือสถานพยายาลที่เลือกใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้รับรองจากอย. โดยยินดีให้คนไข้สามารถตรวจสอบได้ทุกชิ้น เดี๋ยวเรามาดูกันว่าวิธีการเช็กฟิลเลอร์ของแท้หรือปลอมดูได้อย่างไรค่ะ

  • ตัวบรรจุภัณฑ์ปิดสนิท แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทำการแกะกล่องโชว์ต่อหน้า
  • มีเลขทะเบียนอย. ติดอยู่ข้างบรรจุภัณฑ์อย่างชัดเจน
  • มีฉลากหรือเอกสารภาษาไทย มีการระบุวันที่ผลิตรวมถึงวันหมดอายุที่ข้างบรรจุภัณฑ์
  • ตัวเลขล็อต (lot) ตรงกันทั้งผลิตภัณฑ์ด้านในและบรรจุภัณฑ์ (กล่อง)
  • สามารถนำเลขล็อต (lot) ไปเช็กแหล่งที่มาได้

3. เช็กเลย! ใครที่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถจัดการปัญหาใต้ดวงตาได้จากทุกสาเหตุอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะจากอายุที่มากขึ้น, กรรมพันธุ์, โรคภูมิแพ้, การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ รวมถึงภาวะบางอย่าง เช่น การเจริญเติบโตของกระดูกเบ้าตาที่ไม่ดี จนทำให้เกิดถุงใต้ตา โดยหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วจะทำให้บริเวณใต้ตาดูสดใส ผิวเรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอยร่องลึก ใต้ตาดูกระจ่างใส ส่งผลให้ใบหน้าดูสดชื่นและดูเด็กลง

  • คนที่มีปัญหาใต้ตาดำคล้ำ ขอบตาดำ ทำให้ใบหน้าดูโทรมเหมือนคนอดนอน
  • คนที่มีปัญหาเบ้าตาลึก ตาโบ๋
  • คนที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย
  • คนที่มีปัญหาถุงใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูแก่
  • คนที่ต้องการฟื้นฟูผิวใต้ตาในเวลาอันรวดเร็วและไม่มีเวลาพักฟื้นนาน

4. เช็กให้ดี! ฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่เหมาะกับใครบ้าง

ถึงแม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะให้ผลดีและสามารถแก้ไขปัญหาใต้ตาได้อย่างครอบคลุม แต่อาจไม่เหมาะกับกับทุกคนค่ะ นั่นเป็นเพราะในคนไข้บางรายที่มีภาวะบางอย่าง หากได้รับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจเกิดอันตราย หรือไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ซึ่งหากไม่แน่ใจแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาค่ะ

  • ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรอยู่ ยังไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
  • ผู้ที่เป็นโรคเริม งูสวัด หรือมีผิวหนังรอบดวงตาอักเสบติดเชื้ออยู่
  • ผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดบริเวณรอบดวงตาและมีบาดแผลที่ยังไม่หายดี
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ Hyaluronic Acid หรือมีประวัติการเกิดแผลคีลอยด์ได้ง่าย
  • ผู้ที่มีถุงใต้ตาบวมเทียม (ที่เกิดเพียงชั่วคราว) จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การร้องไห้หรือชอบขยี้ตาบ่อย ๆ โดยแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแทน ซึ่งเป็นวิธีการแก้ไขที่เหมาะสมกว่า

5. ฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่อันตรายอย่างที่คิด

หลายคนพอได้ยินคำว่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็ถึงกับมีอาการกล้า ๆ กลัว ๆ ว่าจะเป็นอันตรายไหม ทำแล้วจะมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงถึงขั้นตาบอดเลยไหม ซึ่งเป็นคำถามที่มักจะพบเจอบ่อย ๆ โดยในความเป็นจริงแล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถือว่าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย หากได้รับการฉีดโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพราะคุณหมอจะมีความรู้และทักษะเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ของใบหน้าและดวงตา รู้ว่าตรงไหนมีเส้นเลือดเส้นประสาท บริเวณไหนควรฉีดและควรหลีกเลี่ยง ฉีดอย่างไรให้แม่นยำถูกตำแหน่ง รวมถึงสามารถกำหนดปริมาณฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ให้ผลลัพธ์ที่สวยเป็นธรรมชาติและมีความปลอดภัย นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้รับรองอย่างถูกต้องจากอย. เป็นผลิตภัณฑ์สารสกัดที่ใกล้เคียงกับ Hyaluronic Acid ที่ร่างกายสร้างเองตามธรรมชาติ ซึ่งฟิลเลอร์จะเป็นสารที่อยู่ได้ไม่ถาวรและเมื่อเวลาผ่านไปสาร Hyaluronic Acid จะสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ มั่นใจได้เลยว่าจะไม่เหลือตกค้างในผิวของเราแน่นอนค่ะ

6. ฟิลเลอร์ใต้ตา อายุเยอะก็ทำได้

การฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้ฉีดได้เฉพาะในวัยหนุ่มสาวเพียงเท่านั้นนะคะ แต่ในกลุ่มคนที่อายุเยอะหรืออายุ 40-50 ปีขึ้นไป ที่มักจะมีปัญหาใต้ตาได้มากกว่าหนุ่มสาวทั่วไปก็สามารถฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้เช่นกัน ซึ่งโดยส่วนมากแล้วมักจะพบปัญหากระดูกเบ้าตาและไขมันบริเวณใต้ตาที่ลดลง ทำให้เกิดปัญหาใต้ตาเหี่ยวย่น มีถุงใต้ตา หรือบางรายอาจมีตาลึกตาโหล การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเติมบริเวณฐานกระดูกเพื่อช่วยทดแทนไขมันที่สูญเสียไปตามอายุที่มากขึ้นได้ ช่วยแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาให้ดีขึ้น ปรับผิวใต้ตาให้เต่งตึงและเรียบเนียน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นทำให้หน้าดูเด็กลงและมีความสดใสมากขึ้นค่ะ

7. ฟิลเลอร์ใต้ตาเห็นผลได้ทันทีไหม ทำแล้วอยู่ได้นานไหม

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ* (ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาใต้ตาของแต่ละคน) และหลังทำยังสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ใครมีนัดทานข้าว เดินช้อปปิ้ง หรือมีธุระก็สามารถไปต่อได้เลย โดยหลังจากนี้อีกประมาณ 3-5 วัน ก็จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้เต็มที่ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานตั้งแต่ 6-18 เดือน* (ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและฟิลเลอร์ที่เลือกใช้) นี่เองจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหัตถการนี้ถึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ใครที่อยากแก้ปัญหาใต้ตาที่ให้ผลลัพธ์ได้เร็ว เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้เลย ทำแล้วอยู่ได้นาน และไม่อยากเสียเวลาต้องพักฟื้น แนะนำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเลยค่ะ รับรองว่าตอบโจทย์ได้แน่นอน

8. ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ยี่ห้อไหนดี ต้องเตรียมงบเท่าไหร่

โดยทั่วไปแล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ข้างละ 1-2 CC เท่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละปัญหาใต้ตาของคนไข้ เช่น ในรายที่มีร่องใต้ตาไม่ได้ลึกมาก แพทย์อาจพิจารณาเลือกใช้ฟิลเลอร์เพียงข้างละ 1 CC ก็สามารถเคลียร์ปัญหาได้แล้ว แต่บางกรณีที่อายุมากและมีปัญหาใต้ตาที่หย่อนคล้อยมากรวมถึงมีกระดูกเบ้าตายุบลง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มากกว่าค่ะ ส่วนคำถามยอดฮิตอย่าง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี แพทย์จะแนะนำและเลือกใช้ฟิลเลอร์ชนิดที่เหมาะกับปัญหาใต้ตาของคนไข้เป็นหลักสำคัญ ซึ่งมีหลากหลายยี่ห้อ อาทิ

  • Restylane (ฟิลเลอร์สวีเดน) ซึ่งมีทั้งรุ่นเนื้อคงตัวและเนื้อละเอียด เหมาะในการแก้ไขปัญหาใต้ตา ทั้งความเหี่ยวย่นและรอยคล้ำ
  • Juvederm (ฟิลเลอร์อเมริกา) เนื้อฟิลเลอร์ยืดหยุ่นได้ดี มีความคงตัว ลดริ้วรอยเล็ก ๆ ใต้ตา แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
  • Belotero (ฟิลเลอร์สวิตเซอร์แลนด์) เนื้อฟิลเลอร์นุ่ม มีจุดเด่นในเรื่องแก้ปัญหาใต้ตาได้ดี ช่วยเติมเต็มใต้ตา และลดเลือนริ้วรอย ร่องใต้ตา
  • ฟิลเลอร์ Neuramis (ฟิลเลอร์เกาหลี) ฟิลเลอร์โมเลกุลแข็ง ให้ความยืดหยุ่นดี ไม่จับตัวเป็นก้อน ช่วยแก้ปัญหาร่องใต้ตาลึก ให้ผิวใต้ตาเรียบเนียน

สำหรับงบประมาณที่ต้องเตรียมไว้สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาจะเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันปลาย ๆ ไปจนถึงหลักหมื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณฟิลเลอร์, ยี่ห้อฟิลเลอร์ รวมถึงเทคนิคอื่น ๆ ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาแนะนำ โดยจะต้องประเมินจากลักษณะปัญหาใต้ตาของแต่ละเคส สำหรับคนที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ Doctor Mek Clinic สามารถเข้ารับการวิเคราะห์ปัญหาใต้ตากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินค่าใช้จ่ายได้ค่ะ

9. เตรียมตัวดี ผลลัพธ์ยิ่งออกมาปัง!

ก่อนการเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา การเตรียมร่างกายให้พร้อมถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่ควรให้ความใส่ใจ ทั้งนี้ก็เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและมีความปลอดภัยนั่นเองค่ะ

  • หากมีโรคประจำตัว หรือรับประทานยาชนิดใดอยู่ หรือมีประวัติแพ้ยาชา ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อน
  • ใน 1 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา งดการรับประทานยา อาหารเสริม หรือวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดและทำให้บวมช้ำได้ง่าย เช่น ยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน หรือแอสไพริน รวมถึงยาละลายลิ่มเลือด และวิตามินต่าง ๆ เป็นต้น
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาประมาณ 1-2 วัน
  • งดการผลัดเซลล์ผิว การถอนขนบริเวณรอบดวงตา 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
  • หากมีแพลนที่ต้องทำเลเซอร์บริเวณรอบดวงตา แนะนำให้ทำก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 3 วัน

10. เคล็ด(ไม่)ลับที่ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 

ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะได้อยู่ได้นาน ฉีดแล้วเกิดความคุ้มค่า ส่วนหนึ่งมาจากเทคนิคและฝีมือของคุณหมอ รวมไปถึงการดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาดเลยค่ะ ถ้าไม่อยากเสียเงินเปล่า ทำแล้วอยู่ได้ไม่นาน หรือไม่อยากเสี่ยงกับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ตามมา แนะนำให้ปฏิบัติตัวตามนี้ค่ะ

  • ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ เนื่องจากสารฟิลเลอร์จะอุ้มน้ำได้เป็นอย่างดี ทำให้ร่างกายเกิดการฟื้นฟูได้ดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีความร้อน เช่น การเข้าซาวน่า, เล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมที่ต้องโดนแสงแดดจัด รวมถึงการนั่งหน้าเตาปิ้งย่าง อย่างน้อย 3 วันหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
  • งดการนวดหน้า ทำทรีทเมนท์หน้า หรือการทำเลเซอร์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไป
  • งดการสัมผัสหน้าหรือใช้มือกดถูแรง ๆ เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์
  • งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ รวมถึงงดอาหารประเภทหมักดอง อาหารไม่สุก อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

เพราะเรามีเพียงใบหน้าเดียว ควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง

การฉีด Fillers ไม่ว่าจะเป็นจุดใดบนร่างกายก็ตาม เป็นศาสตร์ที่ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ทำได้ เพราะถ้าเลือกผิดเราอาจได้รับผลลัพธ์ร้ายแรงที่อาจไม่คุ้มค่ากับเงินและเวลาที่เสียไป ทางที่ดีแนะนำให้เลือกทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์สูง รวมถึงมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ได้มาตรฐานแท้จริง ทั้งการใช้ฟิลเลอร์ของแท้ เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี แก้ไขปัญหาใต้ตาได้อย่างตรงจุด ไร้ผลข้างเคียงที่ก่อให้เกิดอันตรายค่ะ

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี หรือกำลังมองหาคลินิกฉีดฟิลเลอร์ดี ๆ อยู่ ที่ Doctor Mek Clinic เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการรังสรรค์ความงาม พร้อมการดูแลแบบมืออาชีพโดยคุณหมอระดับอาจารย์แพทย์สอนเทคนิคฉีดฟิลเลอร์ให้กับบรรดาแพทย์ความงามทั่วประเทศ ซึ่งมาพร้อมประสบการณ์ด้านฉีดฟิลเลอร์ยาวนานกว่า 10 ปี ผสานกับเทคนิคฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเฉพาะตัว เลือกใช้แต่ฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเอเชีย อเมริกา และยุโรป ซึ่งผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นได้รับรองมาตรฐานอย่างถูกต้องจากอย. ไทยและต่างประเทศ มั่นใจได้เลยว่าทำแล้วสวยถูกใจและปลอดภัยแน่นอนค่ะ