ที่มา | ศิลปวัฒนธรรม ฉบับกันยายน 2550 |
---|---|
ผู้เขียน | ไมเคิล ไรท |
เผยแพร่ |
ความนำ
เป็นที่รู้กันดีว่า อุษาคเนย์เคยค้าขายกับตะวันตก (อินเดียและโลกกรีกโรมัน) อย่างน้อย 2,000 ปีมาแล้ว หลักฐานชิ้นใหญ่ ๆ ที่มีชื่อเสียงคือ ชวาลาสำริดโรมัน พบที่พงตึก จังหวัดกาญจนบุรี (รูปที่ 1) และดินเผารูปคนใส่หมวกทรงกรวยกระดกไปข้างหน้า แบบชาวตะวันออกกลาง (รูปที่ 2)

ใน 10 กว่าปีที่ผ่านมา อาจารย์ ดร. บัญชา พงษ์พานิช ได้สะสมโบราณวัตถุขนาดเล็กจำนวนมากที่ขุดพบตามเมืองท่าโบราณต่าง ๆ ในภาคใต้ ส่วนใหญ่เป็นของประเภทลูกปัดที่สวยงาม และน่าสนใจมาก แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นวัตถุไม่กี่สิบอันประเภทหัวแหวน และดวงตราแบบกรีก-โรมัน
ในบทความนี้ผมขอพูดถึงวัตถุเหล่านี้เพียงชิ้นเดียวดังนี้
หลักฐานที่ค้นพบใหม่
หลักฐานชิ้นนี้คือหัวแหวน (หรือดวงตรา?) ทำด้วยหินดำแข็ง (Jet?) ขนาดราวเท่าเล็บมือก้อย พบที่ภูเขาทอง จังหวัดระนอง ถ้าส่องดวงตรา? หรือหัวแหวน? นี้ด้วยแว่นขยาย จะเห็นว่าสลักเป็นรูปคน หมา และนกอินทรี (รูปที่ 3)

คุณหมอชวนให้ผมดูแล้วถามว่า ตีความได้ไหม?
ผมตอบได้ทันทีว่า หากภาพประกอบด้วยคน หมา และนกอินทรี ก็น่าจะเป็นเทพนิยายของกรีกว่าด้วย “การลักพาของกนีมีด” (The Abduction of Ganymede) เทพนิยายมีความว่า
“ครั้งบรรพกาล Ganymede เป็นบุตรหัวหน้าเผ่าชาว Troy (ก่อนที่เมือง Troy เป็นบ้านเป็นเมือง) เป็นหนุ่มรูปงามที่สุดในโลก วันหนึ่งเขาผิวปากเรียกหมาตัวโปรดแล้วออกไปล่าสัตว์ในที่เปลี่ยวเพียงผู้เดียว พระเจ้าซีอุส (Zeus-พระยาแถน หรือพระอินทร์ของชาวกรีก) มองลงมาจากฟ้าแล้วเกิดเสน่หา จึงแปลงเป็นนกอินทรีลงไปชวน Ganymede ไปเป็นลูกสวาทและเป็นอมตะเทพบนสวรรค์ (รูปที่ 4) แล้วยังประดิษฐ์ไว้บนฟ้าให้เป็นหมู่ดาวกุมภาตลอดจนทุกวันนี้”
เทพนิยายกรีกโบราณล้วนแต่มีเชิงซุกซนสัปดน แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องตีความว่าเป็นเรื่อง “เกย์” มันเข้าจำพวกนิทาน “ปราบบ้านชนะเมือง” มากกว่า เมื่อเผ่ากรีกบุกเข้าไปในยุโรป (ราว 3,000-4,000 ปีมาแล้ว) เขาก็ปราบปรามเผ่าพื้นเมืองที่อยู่มาก่อน แล้วแต่งเทพนิยายอธิบายชัยชนะของตน พระเจ้าซีอุส (Zeus-พระยาแถน หรือพระอินทร์) ไปถึงที่ไหนก็เกลี้ยกล่อมหรือลักพานางเทวีประจำเผ่านั้น ๆ ให้เป็น “เมียน้อย” หรือ “นางสนม”
ในกรณี Ganymede, เผ่า Troy นับถือเทพบุรุษเป็นเจ้าเผ่า ดังนั้นเมื่อพระเจ้าซีอุสมาปราบก็ได้ชายรูปงามเข้าเป็นต้นห้อง คนโบราณยุคสำริดโดยมากไม่เดือดร้อน ไม่สนใจว่าใคร “เกย์” หรือ “ไม่เกย์”
แต่ยังมีหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่ควรพิจารณาดังนี้

รูป Ganymede จำลองในอินเดีย?
ขอชวนท่านผู้อ่านลองเปรียบเทียบเทวรูปทั้งสองนี้
รูปที่ 4 คือ Ganymede ให้เห็นหนุ่มรูปงาม (ที่สวมหมวกทรงกรวยกระดกไปข้างหน้าอย่าง “ชาวตะวันออกกลาง) หมา และพระเจ้าซีอุสในร่างนกอินทรี เทพนิยายเรื่องนี้ได้เล่าสู่กันฟังแล้ว
ต้นฉบับเทวรูปนี้น่าจะเป็นงานของ Lysippus ประติมากรชั้นเอกราว 2,300 ปีก่อนปัจจุบัน แต่รูปที่เห็นอยู่คงเป็นรูปจำลองสมัยโรมันราว 2,000 ปีก่อนปัจจุบัน (งานของ Lysippus ถือว่างามที่สุด จึงถูกจำลองทั่วโลกกรีกโรมัน ทั้งในหินอ่อนและในสำริด ตั้งแต่ขนาดเท่าจริงเล็กลงจนถึงขนาดเหรียญกษาปณ์และหัวแหวน ดังนั้นเป็นไปได้ว่า รูปแบบเทวรูป (ที่เดิมเป็นของ Lysippus) อาจจะแพร่ออกนอกโลกกรีก-โรมันถึงอินเดียและแม้กระทั่งถึงอุษาคเนย์
รูปที่ 5 คือเทวรูปพระอิศวรปาง “ภิกษาฎนะ” เทพปกรณัมเรื่องนี้มีอยู่ว่า “ในปฐมกาล พระพรหม (เดิมมี 5 เศียร) เสน่หาอยากสังวาสกับแม่ธรณี ซึ่งมีฐานะเป็นธิดา พระอิศวรจึงลงโทษพระพรหมโดยเด็ดเศียรที่ 5 ซึ่งเป็นบาปหนักสุด (ฆ่าพราหมณ์) กะโหลกพระพรหมติดหัตถ์พระอิศวรเป็นบาตร ให้เปลือยกายตระเวนขอทานเป็นพันปีแล้วสนานบาปในน้ำคงคา กะโหลกหลุดและพระอิศวรกลับคืนครองเขาไกรลาสตามเดิม”
เทวรูปที่เห็นในรูปที่ 5 เป็นสำริด ปิดทองมีขนาดเกือบเท่าจริง หล่อขึ้นมาราว ค.ศ. 1,000 โดยพระเจ้าราชโจฬะ และยังประดิษฐ์ไว้บูชาในมหาเทวสถานราชราเชศวรม เมือง Tanjavur รัฐทมิฬ นาฑู
เทียบเทพปกรณัม Ganymede กับภิกษาฎนะแล้ว ไม่มีส่วนคล้ายกัน แต่ถ้าเทียบเทวรูปทั้งสองก็ดูคล้ายกันอย่างน่าตกใจ ผมอยากเสนอเบื้องต้นว่า ช่างชาวอินเดียไม่รู้จักและไม่สนใจเทพนิยายของกรีก แต่น่าจะเคยเห็นรูปจำลอง Ganymede ทางใดทางหนึ่งไม่ว่าเป็นเทวรูปสามมิติขนาดย่อม ภาพวาด หรือแม้กระทั่งเหรียญหรือหัวแหวน
ดู 2 รูปนี้แล้วเห็นความคล้ายกันชัด ๆ แต่เป็นเพียงการบังเอิญหรือ? รายละเอียดก็ต่างกัน เช่น
1. ใต้มือขวาของ Ganymede มีหมาตัวโปรดหมอบแลบลิ้น ใต้มือขวา (ล่าง) ของภิกษาฎนะมีลูกกวาง (หรืออีเก้ง?) โดดขึ้นเลียมือเจ้าของที่รัก ผิดนิสัยเนื้อแต่ตรงนิสัยหมา
2. มือซ้ายของ Ganymede กำปีกของนกอินทรี มือซ้าย (บน) ของภิกษาฎนะว่างเปล่า แต่ตามหลักประติมานวิทยาภิกษาฎนะต้องถือช่อขนหางนกยูง ในรูปที่เห็นอยู่นี้มีมือเปล่าเพราะท่านคงให้เสียบช่อขนหางนกยูงจริง ช่อขนหางนกยูงนี้ไม่ตรงกับนกอินทรีของรูป Ganymede แต่พอทดแทนกันได้
3. ประเด็นที่สำคัญคือ เทพปกรณัมว่าด้วยพระอิศวรปางภิกษาฎนะ (ในตำนานมัตสยปุราณม) ไม่ได้อธิบายว่าทำไมพระองค์มีสัตว์น้อยเฝ้าหัตถ์ขวา และทำไมหัตถ์ซ้ายต้องกำช่อขนนก
4. อนึ่งหลักฐานเหล่านี้ผมไม่ได้อุตริสร้างขึ้นมา รูปที่ 5 (ภิกษาฎนะ) ผมก๊อบมาจากรูปในหนังสือ Poems to Siva ของ Indira Viswanathan Peterson (Princeton U.P., 1989) ส่วนรูปที่ 4 (Ganymede) เพื่อนฝรั่งกรุณาส่งมาให้ (ไม่แจ้งที่มา)
แรก ๆ ผมไม่คิดอะไรมาก แต่เห็นว่าน่าสนใจจึงถ่ายเอกสารไว้ เย็บติดกันแล้วนำเข้าแฟ้มเพื่อใช้งานในวันหน้า เวลาผ่านมา 7-8 ปี คุณหมอบัญชาถามผมเรื่องภาพสลักบนหัวแหวน ผมจึงค้น 2 รูปนี้ออกมาดู เผอิญผมนั่งอยู่กลางแดดจึงยก 2 รูปนี้ซ้อนกันดู เห็นแล้วใจหายวูบ!
ถ้าคุณผู้อ่านสนใจเรื่องนี้ขอชวนถ่ายเอกสาร รูปที่ 4 และ 5 (ขยายเท่ากระดาษขนาด A4 ปรับเครื่องให้สีอ่อน) จัดซ้อนกันแล้วส่องแสงดู ชะรอยท่านอาจจะจับ “จุดเหมือน” หรือ “จุดคล้าย” ที่ผมมองข้าม
หากท่านจับได้กรุณาเขียนมาบอก แต่ขออภัย ไม่มีรางวัล
อนึ่ง ขอชวนให้คิดหาตัวอย่างอื่นที่อาจจะแสดงถึงอิทธิพลกรีก-โรมัน ในศิลปะตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปะทวารวดี
อ่านเพิ่มเติม :
- ไขปัญหา “พระอินทร์” จากเทพเจ้า-แม่ทัพสวรรค์ของชนเผ่าอารยัน สู่ความเสื่อมถอยในอินเดีย
- “พระพิฆเนศ” มหาเทพที่เก่าแก่กว่าพระอิศวร? จากเทพพื้นเมือง ปรุงแต่งเป็นเทพฮินดู
- “พระคเณศ” ไม่ใช่ “เทพศิลปะ” รัชกาลที่ 6 ทรงทำให้เป็นเทพศิลปะ
หมายเหตุ : คัดเนื้อหาส่วนหนึ่งจากบทความ “เทพนิยายกรีก-โรมัน หลักฐานขุดพบใหม่ในเมืองไทย” เขียนโดย ไมเคิล ไรท ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับกันยายน 2550
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 14 มิถุนายน 2565