ผู้เขียน | กานต์ จันทน์ดี |
---|---|
เผยแพร่ |
คนไทยจำนวนมากคงจะรู้จักยางมะตอยแต่เฉพาะยางมะตอยซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่สกัดมาจากน้ำมันดิบเพื่อเอามาราดถนนเท่านั้น แต่ความจริงแล้วยางมะตอยเป็นสารไฮโดรคาร์บอนที่มีอยู่อย่างหลากหลายรูปแบบในธรรมชาติอย่างที่ราชบัณฑิตยสถานอธิบายว่ายางมะตอยเป็น
“สารผสมประกอบด้วยสารไฮโดรคาร์บอนมากชนิด และสารอินทรีย์อื่น ๆ ซึ่งเรียกรวม ๆ กันว่า สารบิทูเมน ลักษณะเป็นของเหลวข้นหนืด หรือเป็นกึ่งของแข็ง สีดำ หรือสีนํ้าตาลแก่แกมดำ เกิดตามธรรมชาติ และเป็นผลพลอยได้จากการกลั่นนํ้ามันปิโตรเลียม ใช้ประโยชน์ราดทำผิวถนนหรือใช้ผสมกับหินขนาดเล็กทำพื้นถนนได้, แอสฟัลต์ ก็เรียก”
ฉะนั้นต่อให้มนุษย์โบราณที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีล้ำเลิศอะไรก็สามารถเอายางมะตอยที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติมาประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายประการ โดยเฉพาะผู้คนในดินแดนตะวันออกกลาง เหมือนเช่นที่เฮโรโดตุสนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกเคยเล่าเอาไว้ว่า กำแพงเมืองบาบิโลนก็ใช้ยางมะตอยเป็นตัวประสานในการก่อสร้างกำแพง
หรือชาวอียิปต์โบราณก็มีสูตรในการรักษาสภาพมัมมีโดยใช้ยางมะตอยเป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะมัมมีตั้งแต่ยุคหลังอาณาจักรใหม่เป็นต้นไป อย่างที่งานวิจัยชิ้นหนึ่งซึ่งได้เผยแพร่ในวารสารของราชสมาคมแห่งอังกฤษเมื่อปีกลาย (กันยายน 2016) ระบุเอาไว้ว่า “ยางมะตอยถูกใช้อยู่ราว 50% [ของมัมมี] ในยุคอาณาจักรใหม่ [New Kingdom] ไปจนถึงยุคปลาย [Late Period], และเพิ่มขึ้นเป็น 87% ในมัมมียุคปโตเลมี/โรมัน…”
และหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของการใช้ประโยชน์จากยางมะตอยโดยมนุษย์โบราณก็ย้อนกลับไปได้ไกลถึง 40,000 ปี เป็นการเอายางมะตอยมาใช้เคลือบเครื่องมือหิน ถูกพบในทะเลทรายซึ่งอยู่ในดินแดนที่เป็นประเทศซีเรียในปัจจุบัน อย่างที่งานวิจัยอีกชิ้นที่เผยแพร่ในวารสารของราชสมาคมแห่งอังกฤษได้กล่าวอ้างเอาไว้
ฉะนั้นเมื่อมีงานวิจัยอ้างว่ามนุษย์ยุคน้ำแข็งรู้จักเอายางมะตอยมาใช้ประโยชน์ ความเป็นไปได้มันก็มีอยู่เหมือนกัน (ไม่ใช่เป็นไปได้อย่างแน่นอน) อย่าเพิ่งไปตัดสินว่างานวิจัยนี้เชื่อถือมิได้เพราะเข้าใจผิดที่คิดไปว่ามนุษย์ยุคน้ำแข็งคงไม่มีปัญญาสกัดน้ำมัน จึงไม่สามารถเอายางมะตอยมาใช้ประโยชน์ได้ เพราะความจริงยางมะตอยบางประเภทมันมีตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่พวกเขาจะรู้จักการประยุกต์ใช้งานอย่างที่งานวิจัยชิ้นดังกล่าวได้อ้างเอาไว้หรือไม่นั้น เราย่อมตั้งข้อสงสัยได้ (เช่นเป็นเหตุบังเอิญ หรืออาจถูกปนเปื้อนในภายหลังหรือไม่ ซึ่งการตั้งข้อสงสัยก็ควรอยู่บนฐานของเหตุผลด้วย ไม่ใช่สงสัยส่งเดชด้วยอคติส่วนตัว)