ขุนวิจิตรมาตรา เล่าเรื่องสนุก เมื่อ “เจ๊กขายเหล้า” ถูกโกงอย่างแยบยล

โกดังสินค้าริมคลองบางหลวง (ภาพจาก หนังสือ แม่น้ำลำคลอง สำนักพิมพ์มติชน, 2555)

“มีเรื่องแปลกที่ข้าพเจ้าได้ฟังจากวงเหล้าของบิดา ซึ่งมีพวกศาลพวกทนายความมาร่วมวงกันบ่อย ๆ คนหนึ่งเล่าว่า เจ๊กขายเหล้ากับคนซื้อเป็นเจ้าจำนำกันเสมอ คนซื้อติดค้างค่าเหล้ามาก ตามธรรมดาเจ็กพายเรือขายเหล้าเห็นบ้านเรือนที่เคยเป็นเจ้าจำนำปิดเงียบ ก็มักจะเอาก้อนอิฐก้อนกรวดที่มีอยู่ในเรือปาไปให้ถูกฝาเรือนเป็นการเตือนเสมอ

วันหนึ่งไปถึงบ้านที่ติดค้างค่าเหล้ามากแต่ปิดเงียบ ก็เอาก้อนอิฐปาฝาเรือนไปหลาย ๆ ก้อนก็เงียบ ผลสุดท้ายเจ้าของเรือนโผล่ออกมา เรียกเจ๊กขายเหล้าขึ้นไปบนเรือน เอาหนังสือกางออกเป็นที่ว่าหนังสือกฎหมาย อ่านมาตราหนึ่งขึ้นว่า ‘ผู้ใดบังอาจปาเรือนผู้ใด ผีเรือนหนีไป ต้องปรับไหมสิบสองตำลึง’

เจ๊กขายเหล้าไม่รู้หนังสือไทย ไม่รู้กฎหมาย คิดว่าจริง ก็ยอมเสียค่าปรับให้ แต่เจ้าของบ้านแสดงว่าใจดี ไม่เอาค่าปรับไหมตามกฎหมาย ขอเพียงเงินที่ติดค้างค่าเหล้าเอาเป็นว่าเลิกกันไป ไม่ต้องใช้ค่าเหล้าที่ติดค้างทั้งหมด

ข้าพเจ้าได้ฟังเขาเล่ามาตั้งแต่เด็ก เพราะในวงนั้นเป็นวงกฎหมาย ก็เอาเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายมาเล่ากันสนุก ๆ จริงหรือไม่จริงอย่างไรไม่รู้ แต่เมื่อมาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว ร้านขายเหล้าติดธงแดงมีอยู่ประปรายไป คนกินเร่เข้าไปร้านไหนก็ได้ เจ๊กไม่ต้องปาฝาเรือนอีกต่อไป”

ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) เล่าเรื่องนี้ไว้ใน “กรุงเทพฯ เมื่อวานนี้” (สำนักพิมพ์สารคดี. พิมพ์ครั้งที่ 4, 2545) และอธิบายว่าเหล้าเป็นหนึ่งในสินค้าที่คนจีนพายเรือเร่ขาย โดยเฉพาะที่คลองบางหลวง อันเป็นถิ่นฐานบ้านเดิมของท่าน (เกิด พ.ศ. 2440) เหล้าที่ขายประจำมักเรียกว่า “เหล้าโรง” ใช้กระบอกทองเหลืองตวงเหล้าใส่ถ้วยแก้วย่อม ๆ โดยคนจีนมักพายเรือไปตามคลอง ตะโกนร้องว่า “จิ๊วโว” หรือ “โว” คำเดียว ก็เป็นอันรู้กันว่าเรือขายเหล้ากำลังมาถึงแล้ว

อย่างไรก็ตาม บ้านข้าราชการริมคลองบางหลวงไม่นิยมกินเหล้าโรง จะมีก็แต่คนใช้ในบ้าน หรือบ้านเล็กเรือนน้อยประปราย เมื่อได้ยินเสียง “โว” ก็รู้ว่าเรือขายเหล้าของคนจีนมาถึงแล้วก็เรียกเข้าไปซื้อดื่มกิน แต่พวกเรือเร่ขายเหล้านี้ขายเชื่อ เพราะมักซื้อดื่มกินกันบ่อยครั้งจนคุ้นเคยกันก็มาก

จึงไม่แปลกที่ “เจ๊กขายเหล้า” ผู้นี้จะถูกโกง

 


เผยแพร่เนื้อหาในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 1 ธันวาคม 2564